ก่อนหน้านี้มิเคยรู้มาก่อนเลยว่ามู่หรูเหยียนได้ฝึกฝนอะไรจากท่านอาจารย์ผู้ลึกลับผู้นั้นบ้าง มาวันนี้ทุกอย่างปรากฏให้เห็นชัดแจ้งแล้ว

มู่เฉียนซีขยับนิ้วเพียงเล็กน้อย เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง ภาพมายาเหล่านั้นจากมู่หรูเหยียนมิอาจสร้างความสับสนให้นางได้ อีกทั้งเข็มยาของนาง ยังสามารถทำลายภาพมายานั้นไปอย่างง่าย ๆ

— ฉึก! —

เข็มยาทะลุผ้าไหมขาวของมู่หรูเหยียนทันที อาวุธวิญญาณของนางเป็นอาวุธวิญญาณระดับห้าซึ่งไม่ใช่ระดับสูงมากนัก  ทว่าความคมของเข็มยาที่สร้างขึ้นมาจากท่านผู้อาวุโสฮั่วนั้น สามารถทำลายอาวุธวิญญาณระดับห้าลงได้

เวลานี้เข็มยาแพร่กระจายไปในรอบทิศ มันพุ่งไปที่มู่หรูเหยียนโดยที่นางมิอาจหลบเลี่ยงได้เลย

“อ๊า!”

เสียงกรีดร้องเจ็บปวดทรมานดังออกมาจากริมฝีบางชมพูระเรื่อของคุณหนูผู้เคยตั้งตนเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ ผ้าไหมขาวที่ปกคลุมไปด้วยหมอกขาวนั้นก็ร่วงหล่นลง… หล่นลง…  ภาพสุดท้ายคือทุกคนเห็นร่างของมู่หรูเหยียนร่วงหล่นลงบนเวทีประลอง

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางที่น่าสังเวชของนาง ขนแขนพลันลุกซู่ด้วยความหวาดเสียวไปตาม ๆ กัน ท่านผู้นำตระกูลมู่ช่างโหดร้ายยิ่งนัก!

เวลานี้ร่างของมู่หรูเหยียน รวมไปถึงแขนขาทั้งสี่ถูกเข็มยาขนาดความยาวไม่เท่ากันเจาะเข้าไปในร่างจนถึงกระดูก มันตอกติดตรึงร่างนางเข้ากับเวทีการประลอง ตำแหน่งของมือและเท้านั้นสมดุลกันอย่างมิอาจหาที่เปรียบได้ มู่เฉียนซีคำนวณอย่างดี

ร่างกายของมู่หรูเหยียนไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ทว่านางเจ็บปวดจนใบหน้างามเปลี่ยนกลายเป็นเขียวคล้ำ ทำให้ผู้ที่เห็นสภาพนางในตอนนี้นั้น อดที่จะรู้สึกสงสารนางมิได้

ซวนหยวนหลี่ซางคำราม ความโกรธขึ้งเข้าครอบงำ “มู่เฉียนซี เจ้ามันโหดร้ายเกินไปแล้ว!”

“ท่านพี่ ท่านพี่…” มู่หรูอวิ๋นวิ่งหุนหันออกมา ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาใสไหลริน ร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงพี่สาวอย่างสุดหัวใจ

มู่เฉียนซีชี้ไปที่มู่หรูอวิ๋น กล่าวเสียงเยือกเย็น “ไม่ต้องมาร่ำไห้ที่นี่ หากจะร้องก็กลับไปร้องที่จวน”

“ส่วนท่าน องค์รัชทายาท หากไม่พอใจก็ลงมาประลองกับข้าได้เลย อย่าเอาแต่ยืนโหวกเหวกโวยวายเยี่ยงสตรีอยู่ตรงนั้น ฟังแล้วช่างน่ารำคาญ” มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่าซวนหยวนหลี่ซาง นางดูถูกเหยียดหยามไม่คิดไว้หน้าองค์รัชทายาท

ใบหน้ามู่หรูอวิ๋นแข็งทื่อไป ส่วนซวนหยวนหลี่ซาง โกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ

“มู่เฉียนซี เจ้ามันบังอาจยิ่งนัก รนหาที่ตายแล้ว!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉื่อยชา “องค์รัชทายาท จำได้ว่าท่านยังใช้หนี้ไม่หมด ระยะเวลาก็เข้าใกล้มาทุกทีแล้ว ให้ข้าส่งคนไปทวงหนี้ท่านถึงวังหลวงดีหรือไม่ ?”

ซวนหยวนหลี่ซางได้ยินวาจานางถึงกับพูดไม่ออก คำพูดจุกในอก หนี้เหล่านั้นที่เขาได้ใช้คืนไปบ้างแล้ว เขาต้องขายทรัพย์สมบัติไปเกือบหมด ทว่าจนถึงตอนนี้ ก็ยังใช้คืนนางไม่หมดไม่สิ้น มาวันนี้นางกล่าวถึงหนี้ต่อหน้าพสกนิกร ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างเจ้าเตือน ตอนนี้หรูเหยียนต้องการการรักษาด่วน ข้าไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนอย่างเจ้า!” กล่าวจบซวนหยวนหลี่ซางรีบรุดเข้าไปอุ้มสตรีผู้เป็นที่รักออกไปทันที

การประลองของมู่เฉียนซีทั้งสามครั้ง นางชนะรวดทั้งสามครั้ง และต่อไปก็เป็นการประลองสุดท้ายของนางแล้ว และการประลองครั้งสุดท้ายนี้ของนาง  คู่ประลองของนางคือ… คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋น—อวิ๋นซินหราน

อวิ๋นซินหรานก้าวขึ้นไปบนเวทีการประลองอย่างช้า ๆ ทว่าสง่าผ่าเผย ทุกคนเห็นบุรุษผู้นี้แล้ว ในใจพลันคิดว่าเขาเป็นบุรุษอ่อนแอ น่าจะทำได้เพียงแค่นั่งอ่านตำราอยู่ในห้องตำรา  ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าความแข็งแกร่งของบุรุษผู้นี้จะเข้ามาสู่ห้าอันดับอัจฉริยะแห่งแคว้นจื่อเยี่ยได้

มู่เฉียนซีมองอวิ๋นซินหรานอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าบรรดาเชื้อพระวงศ์และสองพี่น้องตระกูลเยวี่ย รูปลักษณ์หน้าตาของอวิ๋นซินหรานถือได้ว่าอยู่ในระดับปานกลาง ถึงอย่างไรบุคลิกภาพที่ดี รูปลักษณ์งดงาม ความสามารถที่น่าทึ่ง อีกทั้งพรสวรรค์ของเขานั้น บัดนี้เป็นที่ดึงดูดใจของสตรีทั่วทั้งแคว้นจื่อเยี่ย อีกทั้งเขายังกลายเป็นบุรุษผู้แกร่งกล้าในแคว้นจื่อเยี่ยเลยก็ว่าได้

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างช้า ๆ “อวิ๋นซินหราน”

อวิ๋นซินหรานยกยิ้มมุมปาก กล่าวขึ้นอย่างสง่า “อา… เวลานี้ข้าได้มีโอกาสเป็นคู่ประลองกับท่านผู้นำตระกูลมู่ ซินหรานภูมิใจนัก ประเดี๋ยวการประลองเริ่มขึ้น ท่านผู้นำตระกูลมู่โปรดชี้แนะข้า โปรดเบามือให้ซินหรานผู้นี้ด้วย”

แสงสลัววาบผ่านดวงตาดำขลับของมู่เฉียนซี “หากนายน้อยอวิ๋นมิใช่ศัตรูของข้า ข้าเบามือให้แน่ แต่หากใช่แล้วละก็… ชะตากรรมของนายน้อยก็คงเป็นดั่งมู่หรูเหยียนเมื่อครู่”

อวิ๋นซินหรานยิ้มจาง ๆ กล่าวว่า… “ซินหรานจะเป็นศัตรูกับท่านผู้นำตระกูลมู่ได้อย่างไร ? ท่านผู้นำตระกูลกล่าวเรื่องตลกขบขันแล้ว”

“เช่นนั้นเรามาเริ่มการประลองและรีบปิดการประลองกันดีกว่า อย่าได้เสียเวลาเลย” มู่เฉียนซีกล่าวเคร่งขรึม หากอวิ๋นซินหรานไม่มีเจตนาจะฆ่าสังหารนาง นั่นแสดงว่าเขามิใช่ผู้อยู่เบื้องหลัง

“ตกลง” อวิ๋นซินหรานกล่าวอย่างใจเย็น

ฉับพลันทันใดร่างอวิ๋นซินหรานปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว กลิ่นอายที่กระจัดกระจายออกมาไม่เหมือนกับมู่หรูเหยียนแม้แต่น้อย ทุกคนที่นั่งอยู่ได้เห็นแก่สายตาพร้อมกัน ต่างตกอกตกใจเป็นอย่างมาก บ้างเอามือทาบอก บ้างเอามือปิดปาก “สวรรค์โปรด! ใครก็ได้บอกข้าที ข้าไม่อยากจะเชื่อว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นจะเป็นเพชรในตมเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในอันดับสี่ ไม่นึกไม่ฝันว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเป็นถึงจอมภูตระดับหนึ่ง”

“วิเศษนัก! คุณชายอวิ๋นผู้นี้อายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น”

“หากปรารถนาจะเอาชนะท่านผู้นำตระกูลมู่ จำเป็นต้องใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมด” อวิ๋นซินหรานกล่าวเสียงสงบ ขณะที่ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ เป็นจอมภูตระดับสอง ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด จากนั้นกระโดดเข้าจู่โจมมู่เฉียนซีด้วยฝ่ามือใหญ่

“โอ้! คุณชายอวิ๋นที่ดูอ่อนโยน ลงมือได้อย่างงดงาม” ผู้ชมบางคนอุทานขึ้น

สีหน้าเยวี่ยเจ๋อเคร่งขรึม “ไม่นึกเลยว่าอวิ๋นซินหรานจะซ่อนตัวได้ดีเช่นนี้ หากวันนี้เขาไม่ได้ประลองกับพี่ใหญ่ พวกเราไม่มีทางรู้เลยว่าเขาแข็งแกร่ง”

มู่เฉียนซีในตอนนี้มิได้หลบแต่อย่างใด อีกทั้งยังกล่าว “พลังเล็กน้อยแค่นี้ คิดว่าจะทำอะไรคนอย่างข้าได้เช่นนั้นรึ ?”

“ผนึกมังกรวารี!”

มังกรวารีลอยทะยานขึ้นในอากาศ พุ่งเข้าโจมตีอวิ๋นซินหราน ทว่าอีกฝ่ายกะพริบร่างหลบการโจมตีนี้ได้ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าข้าจะประมาทท่านผู้นำตระกูลมู่ไปเสียแล้ว” ทันใดนั้นร่างของเขาก็ลอยขึ้นฟ้า ภาพฝ่ามือแยกออกนับหมื่น เสียงขู่คำรามดังกระหึ่ม

“ฝ่ามืออรหันต์!”

ฝ่ามืออรหันต์นับหมื่นพุ่งลงใส่มู่เฉียนซี ต่อให้เป็นจอมภูตระดับสามก็ต้องหลบหลีกฝ่ามือนับหมื่นนี้ ยิ่งมู่เฉียนซีผู้เป็นจอมภูตระดับหนึ่งยิ่งต้องหลบ  ความยิ่งใหญ่ของฝ่ามืออรหันต์นี้มีมาก ทั้งทรงพลังทั้งน่าหวาดหวั่น ดวงตาของนางเปล่งแสงเย็นวาบ จำเป็นต้องหาจังหวะโต้กลับทันที

“วารีสะท้านสวรรค์!” หยดวารีนับหมื่นนับพันหยดลงมานับไม่ถ้วน นางจู่โจมด้วยพลังซ้ำอีกครั้ง “ห่าฝนบุปผา!”

กลิ่นอายเย็นยะเยือกของวารีนั้น พุ่งตรงไปที่อวิ๋นซินหราน เขารีบหลบทันทีทว่ามู่เฉียนซีไม่ให้โอกาสเขาได้ตั้งตัวแม้แต่น้อย จู่โจมพลังเข้าหาเขาไม่หยุดยั้ง

“ผนึกมังกรวารี!”

“วารีสะท้านสวรรค์!”

— ตูม!  ตูม! —

บนเวทีการประลองในตอนนี้นั้น มู่เฉียนซีโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทุกคนเห็นภาพตรงหน้าพลันขบฟัน มือกำแน่นตื่นเต้นลุ้นไปด้วย

“พลังของท่านผู้นำตระกูลมู่ไม่จบไม่สิ้นอย่างแท้จริง เช่นนี้เกรงว่าคุณชายอวิ๋นไม่รอดเป็นแน่”

ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งนี้ของนาง อวิ๋นซินหรานรับมือไม่หวาดไม่ไหว และในขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้ ร่างสีม่วงก็เข้าประชิดตัวเขาอย่างรวดเร็วราวสายลมวสันตฤดู ไม่พอ เข็มยามีพิษเย็นยะเยือกในมือนาง เตรียมจะปักจมลงบนร่างของเขา  เขาตกตะลึงคิดไม่ทัน

ไม่อยากเชื่อเลยว่ามู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่ปรารถนาจะปลิดชีพเขา

— ตูม! —

ภายใต้การคุกคามแห่งความตายนี้ เขาต้องปกป้องตัวเองตามสัญชาตญาณ ทำให้ต้องระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาในที่สุด  พลังวิญญาณที่รุนแรงนี้ โจมตีร่างมู่เฉียนซีกระเด็นออกไป ร่างของนางลอยกระพือไปในอากาศ ดิ่งลงสู่พื้นดินและต้องร่นถอยหลังนับสิบก้าว เยวี่ยเจ๋อที่กำลังดูการประลองนี้อย่างใจจดใจจ่อสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง

“จอมภูตระดับสาม อวิ๋นซินหรานซ่อนตัวได้ลึกลับยิ่งนัก”

ทุกคนเห็นอวิ๋นซินหรานใช้พลัง ต่างผงะไป

“คุณชายใหญ่แห่งตระกูลอวิ๋นเป็นเพชรในตมอย่างแท้จริง! อายุยังไม่ถึงสิบแปดเต็มก็เป็นถึงจอมภูตระดับสาม เขาเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ยได้เลย”

.