ภาคที่ 2 บทที่ 192 ถ่ายทอดราชโองการ

มู่หนานจือ

เว่ยสู่ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร

เขาพยักหน้าหลี่เชียนเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น

หลี่เชียนจึงวางตัวเยือกเย็น และสังเกตความเป็นไปของเหตุการณ์อย่างสงบ

เฉาเซวียนไม่ได้นอนมาสองวันสองคืน จึงรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยจนล้มตัวลงได้ทุกที่

เขายังมีกะจิตกะใจไปสังเกตสีหน้าของทุกคนที่ไหนกัน จึงเดินวนอยู่ที่เดิม พลางพึมพำว่า “ทำไมไม่มีเก้าอี้? ข้าอยากนั่งสักพัก…”

จ้าวเซี่ยวกอดอก และเฝ้ามองอยู่ข้างๆ อย่างเย็นชา

ส่วนเจียงลวี่กำลังรู้สึกดีใจและขาดความมั่นใจที่ไม่ถูกลากลงไปในบ่อน้ำลึกแห่งความปรารถนาเพราะการปรากฏตัวของเฉาเซวียน พอเห็นสถานการณ์ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเตะเฉาเซวียนทีหนึ่งเหมือนกลบเกลื่อน และเอ่ยว่า “ราชโองการที่เจ้านำมาเล่า? อ่านราชโองการให้จบก่อนแล้วค่อยหาที่พัก”

เฉาเซวียนถูกเตะจนเซเกือบจะล้มลงบนพื้น ยังดีที่เว่ยสู่ประคองเขาไว้อย่างรวดเร็ว

“ราชโองการนี้ไม่ได้ให้พวกเจ้า” เฉาเซวียนสมองปลอดโปร่งขึ้นมากเพราะเหตุนี้ และเอ่ยว่า “เจียหนานอยู่ไหน? ราชโองการนี้ให้เจียหนาน!”

ทุกคนตกใจ

หลี่เชียนมองไปทางเว่ยสู่ สีหน้าไม่ค่อยพอใจอย่างเห็นได้ชัด

เว่ยสู่พยักหน้าอย่างเงียบๆ อีกครั้ง ส่งสัญญาณให้หลี่เชียนอดทนรอไปก่อน

แต่เจียงลวี่กลับแสดงออกชัดเจนกว่าหลี่เชียนมาก เขาขมวดคิ้วและถามเฉาเซวียนว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เป็นพระราชโองการของฝ่าบาทหรือพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา? ทำไมถึงเป็นเจ้ามาถ่ายทอดราชโองการ? ข้าโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเจอราชโองการที่อ่านต่อหน้าทุกคนไม่ได้! คงจะรับสั่งด้วยวาจาใช่หรือไม่?”

หวังจ้านได้ยินแล้วก็ได้สติกลับมาทันที จึงรีบเอ่ยว่า “เฉาเซวียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตระกูลเฉา เจ้าอย่ากุเรื่องขึ้นมา! หากฝ่าบาทตำหนิลงมา ข้ากับท่านพี่อาลวี่จะเป็นคนรับผิดชอบเอง เจ้าไปยืนข้างๆ ดีกว่า เดี๋ยวกลับเมืองหลวงกับพวกเรา อาวุธไม่มีตา เจ้าอย่าทำให้ตนเองบาดเจ็บเชียว”

ความนัยที่แฝงในนั้นคือ อย่าว่าแต่พระราชเสาวนีย์เลย ต่อให้เป็นพระราชโองการ หากเนื้อหาเหลวไหล และไม่ได้รับการยอมรับจากพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ปฏิบัติตามเช่นกัน

เวลานี้จ้าวเซี่ยวก็ตั้งสติได้แล้วเช่นกัน จึงยิ้มเยาะและเอ่ยว่า “เฉาเซวียน อย่าทำให้ทุกคนรำคาญเจ้า”

บรรยากาศข่มขู่เต็มที่

เฉาเซวียนฝืนยิ้มอยู่ในใจ

เขาเดาถูกแล้วจริงๆ ด้วย

ตระกูลเจียงก็ใจกล้าแบบนี้!

หากเรื่องราวไม่ได้รับการยอมรับจากเจียงลวี่ เจียงลวี่ก็จะไม่รับราชโองการอย่างเด็ดขาด

แถมยังล่วงเกินจ้าวเซี่ยวด้วย

นี่เขาเป็นแบบอย่างของการทำดีแล้วไม่ได้ดี!

ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสุขชั่วชีวิตของเจียงเซี่ยน นอกจากเจียงเซี่ยนแล้ว ก็ไม่มีใครตัดสินใจแทนนางได้

ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับเจียงเซี่ยนก่อน

หากเป็นเวลาปกติ เฉาเซวียนจะต้องคิดหาทางโน้มน้าวเจียงลวี่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนและยิ้มแย้มอย่างแน่นอน แต่เวลานี้เขาทั้งง่วงทั้งเหนื่อยทั้งกระหายน้ำทั้งหิว จึงไม่มีแรงและไม่มีกะจิตกะใจกวนเจียงลวี่กับจ้าวเซี่ยวแล้วจริงๆ เขาหยิกตนเองสองที ถึงรู้สึกว่าสมองปลอดโปร่งขึ้นอีกนิด จึงถือโอกาสใช้ชื่อของคนอื่นมายกระดับตนเองเสียเลย โดยเอ่ยว่า “ข้ามาพบเจียหนานตามพระประสงค์ของไทฮองไทเฮา เรื่องนี้เจิ้นกั๋วกงก็ทราบเช่นกัน ผู้อาวุโสทั้งสองต่างให้ข้ามอบราชโองการให้เจียหนานโดยตรง” แล้วเขาก็เอ่ยกับเจียงลวี่อีกว่า “อาลวี่ เจียหนานถูกฝ่าบาทพระองค์ก่อนอุ้มให้นั่งในตำหนักจินหลวนและใช้ตราประทับของฝ่าบาทประทับตราฎีกาเล่นมาตั้งแต่เด็ก เจ้าคิดว่านางจะไม่รู้ว่าของในมือข้าเป็นพระราชโองการหรือพระราชเสาวนีย์กันแน่หรือ? ยิ่งกว่านั้นหลังจากพบเจียหนานแล้ว ในพระราชโองการเขียนว่าอย่างไร หากไม่ให้พวกเจ้าดู พวกเจ้าจะปฏิบัติตามคำพูดเพียงไม่กี่คำของข้าหรือ?”

‘นี่ก็เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะมาแทนเฉาไทเฮา แล้วใช้คำพูดจอมปลอมที่น่าฟังมาหลอกลวงและโน้มน้าวให้เจียงเซี่ยนปล่อยหลี่เชียนไปไม่ใช่หรือ?’ เจียงลวี่เผลอคิดไป คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วยังดีที่กลืนลงไปทัน

หากเขาโวยวายแบบนี้ ไม่ว่าใครก็จะเดาได้ว่าเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนมา

เช่นนี้จะให้จ้าวเซี่ยวเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

เขาเม้มปากจนเป็นเส้นตรง

แต่หวังจ้านกลับรู้สึกว่าเฉาเซวียนพูดมีเหตุผล เขาคิดว่าเจียงเซี่ยนไม่ใช่ผู้หญิงที่โง่เขลา ต่อให้เฉาเซวียนมีเจตนาร้าย เจียงเซี่ยนก็ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้นเช่นกัน เขาจึงไม่พูดอะไรทั้งนั้นเหมือนกับเจียงลวี่

ทว่าจ้าวเซี่ยวกลับแอบรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

ตระกูลหลี่เป็นคนของเฉาไทเฮา และคนที่มาประกาศราชโองการก็เป็นเฉาเซวียน หากเนื้อหาในราชโองการเป็นผลดีต่อหลี่เชียน เฉาเซวียนก็น่าจะประกาศต่อหน้าทุกคน แต่ถ้าเป็นผลดีต่อเขา ทำไมเฉาเซวียนถึงมาประกาศราชโองการอีกเล่า?

หลี่เชียนคิดว่าเว่ยสู่เป็นคนมาพาคนมา จึงไม่กลัวแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนต่างเงียบอย่างแปลกประหลาดไปชั่วขณะ

แต่เฉาเซวียนรู้ว่าเรื่องนี้ชักช้าไม่ได้

พระราชทานงานสมรสหมายความว่าเจียงเซี่ยนเลือกหลี่เชียน เช่นนี้จะให้จ้าวเซี่ยวเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? จ้าวเซี่ยวไม่ใช่ซื่อจื่อจวนโหวธรรมดา จิ้งไห่โหวกุมกองทัพที่มีกำลังมหาศาลอยู่ในมือ และปกครองหมิ่นหนาน หากเผยแพร่ข่าวแยกทางกันออกไปในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ใครจะรู้ว่าจ้าวเซี่ยวกับจิ้งไห่โหวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

สั่งให้ฆ่าตัวตายก็หมายความว่าหลี่เชียนกับตระกูลหลี่ก่อกบฏ

ตอนที่ขึ้นเขาเมื่อครู่ เว่ยสู่เอ่ยข้างหูเขาเยอะมากว่าหลี่เชียนเก่งอย่างไรอย่างไร และเขาก็เห็นคนของหลี่เชียนสกัดกองกำลังเสริมของเจียงลวี่ไว้ที่ตีนเขาเองกับตาแล้วเช่นกัน แถมเมื่อครู่หากเขาดูไม่ผิด จ้าวเซี่ยวกับเจียงลวี่เหมือนกำลังสู้กับหลี่เชียนคนเดียว นั่นก็หมายความว่า หลี่เชียนเป็นผู้ชนะ…หากเขาเอาราชโองการฉบับที่สั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตายออกมา พวกเขาจะออกจากวัดป่าโอสถนี้ได้หรือไม่ก็ยังต้องเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นเชื่อฟังความคิดเห็นของตนเอง

เฉาเซวียนยืนกรานที่จะพบเจียงเซี่ยน “เจียหนานอยู่ไหน?”

เจียงเซี่ยนตกใจกับห่าฝนลูกศรนั้นมาก เวลานี้หัวใจก็ยังเต้นผิดจังหวะ จึงรู้สึกดีใจที่เฉาเซวียนมาทันเวลา

นางได้ยินสิ่งที่เฉาเซวียนเอ่ยชัดมาก

หากไม่ติดที่จ้าวเซี่ยว นางก็พุ่งออกไปรับราชโองการตั้งนานแล้ว

ฟังจุดประสงค์ของเฉาเซวียน ไทฮองไทเฮาเป็นคนให้เฉาเซวียนนำราชโองการมา ก็น่าจะเป็นผลดีกับนาง แล้วทำไมเฉาเซวียนไม่อ่านราชโองการต่อหน้าทุกคน แต่กลับจะให้นางรับราชโองการ เรื่องนี้ต้องมีลับลมคมในอย่างแน่นอน แต่เป็นเรื่องลับลมคมในอะไรกันแน่นั้น เจียงเซี่ยนไม่มั่นใจ จึงอดที่จะกระวนกระวายเล็กน้อยไม่ได้

นางส่งสัญญาณให้หลิวตงเยว่ไปเดินเล่นหน้าประตูของห้องโถงตรงประตูใหญ่ เพื่อบอกเฉาเซวียนว่านางอยู่ในเรือน

เพียงแต่หลิวตงเยว่ยังไม่ทันเข้าใจสิ่งที่นางต้องการ จู่ๆ หลี่เชียนก็เอ่ยว่า “เฉิงเอินกง ในเมื่อท่านได้รับมอบหมายจากไทฮองไทเฮาให้มาพบท่านหญิงเจียหนาน พวกเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง เพียงแต่ข้ากับซื่อจื่อจิ้งไห่โหวมีความบาดหมางกันเล็กน้อย เพื่อรับรองความปลอดภัยของท่านหญิงเจียหนาน จึงขอให้ท่านหญิงเจียหนานอยู่ที่เรือนด้านใน ก็ต้องขอให้เฉิงเอินกงไปพบท่านหญิงเจียหนานคนเดียวแล้ว”

เฉาเซวียนอดที่จะแอบด่าในใจไม่ได้

ขอให้ท่านหญิงเจียหนานอยู่ที่เรือนด้านในอะไรกัน กักบริเวณท่านหญิงเจียหนานที่เรือนด้านในล่ะสิไม่ว่า?

หลี่เชียนพูดเพ้อเจ้อเก่งทีเดียว

เขานึกถึงน้ำเสียงกับถ้อยคำที่หลี่เชียนเอ่ยเมื่อก่อนตอนที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับหลี่เชียน และก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่เชียนไม่ธรรมดา พอมาคิดอีกว่าตอนที่เขาไม่รู้ หลี่เชียนก็เป็นหมากตัวหนึ่งที่ตระกูลเจียงวางไว้ข้างกายตระกูลเฉามานานแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

สายตาของเฉาเซวียนหม่นหมองลงเล็กน้อย

ทว่าหลี่เชียนกลับโบกมือให้นักยิงหน้าไม้แถวนั้นลดมือลงเหมือนใจกว้าง

นักยิงหน้าไม้แถวนั้นเปิดช่องที่ให้คนเดินได้แค่สองคนทันที

เฉาเซวียนตั้งสติ และเดินเข้าไปในห้องโถงตรงประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว

เจียงเซี่ยนนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องหลัก

เมื่อเจอเจียงเซี่ยนที่ไม่ได้เจอหลายวันหลังจากหายตัวไป แม้เฉาเซวียนจะเตรียมใจมาแล้ว ก็อดที่จะรู้สึกอึ้งไม่ได้

เจียงเซี่ยนสวมเสื้อคลุมยาวผ้าไหมหู[1]ที่เนื้อผ้าธรรมดามาก แต่ลวดลายมีชีวิตชีวาและงดงาม แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นแบบที่ออกใหม่ในแถบเจียงหนาน นางเกล้าผมอย่างยุ่งเหยิง และไม่ได้สวมเครื่องประดับอะไรเลย น่าจะลำบากมาก ทว่าสีหน้าของนางกลับแดงเปล่งปลั่ง สายตาสดใส แถมหน้าตายังเจือความตื่นเต้นและเป็นธรรมชาติอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนเด็กสาวที่ใส่มั่วซั่วตามใจชอบและเล่นจนผมยุ่งอยู่ในบ้าน แถมยังตามใจให้ออกมาต้อนรับแขกเองอย่างไม่สนใจแม้แต่นิดเดียวด้วยความรักของคนในครอบครัว ไม่มีความไม่สบายใจและลำบากใจที่หนีตามคนอื่นมาแม้แต่น้อย และยิ่งไม่มีความตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่ถูกลักพาตัวมาแม้แต่นิดเดียว

เฉาเซวียนสับสนไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าตนเองมาทำอะไรกันแน่?

———————————

[1] ผ้าไหมหู ผ้าไหมที่ผลิตที่เมืองหู มณฑลเจ้อเจียง