บทที่ 187 การทดลองเล็กๆ ของบอสเผย

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเผยเชียนจะทำตามใจชอบได้

ถ้าเป็นบริษัทที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับเงินทุนระบบเลย ก็จะไม่ค่อยรู้จักเผยเชียน แล้วคงไม่มีทางจ่ายค่าจ้างให้ราคาแพงแน่

เผยเชียนเองก็ไม่สามารถแอบตกลงกับอีกฝ่ายได้ เพราะระบบไม่อนุญาตให้ทำอะไรที่จะทำให้คนอื่นสงสัยถึงการมีอยู่ของระบบ

หมายความว่าอีกฝ่ายจะต้องเต็มใจให้ค่าจ้างเผยเชียนสูงๆ เอง

ถ้าเป็นตามนี้ ระบบก็ไม่ได้สนใจว่าเผยเชียนจะได้รับค่าจ้างสูงแค่ไหน

แต่ก็เป็นไปได้ยาก

“ระบบวางกฎไว้เข้มมาก ปิดช่องทางการหากินทุกทางเลย”

เผยเชียนมีไอเดียคร่าวๆ แล้วในหัว แต่เขาต้องการการร่วมมือจากใครสักคนถึงจะสามารถจัดการตามแผนนี้ได้

ตอนนั้นเองมือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้น หม่าหยางเป็นคนโทรมา

“พี่เชียน! บอสหลินบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับพี่ พี่มาที่ร้านได้มั้ย”

ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

หลินฉางกับเผยเชียนไม่ได้ไปเจอกันที่ร้านสาขาหลัก เพราะที่นั่นคนเยอะวุ่นวาย

หม่าหยางจึงแนะนำให้ไปที่ร้านสาขาแทน

เผยเชียนไปถึงที่ร้านสาขาแล้วเปิดประตูเข้าไปข้างใน

มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเฉินเหล่ย

พอเฉินเหล่ยมีชื่อเสียงขึ้นมาจากรายการ The Voice of China เรื่องราวของเขากับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็กลายเป็นกระแสพูดถึงกันยกใหญ่ในหมู่คนดู ทำให้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกลายเป็นร้านดังขึ้นมา

แฟนคลับส่วนใหญ่ของเฉินเหล่ยแห่ไปร้านสาขาหลัก เพราะเป็นที่ที่เฉินเหล่ยเคยทำงาน

ส่วนร้านสาขาย่อยก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วยจากการที่ร้านมีชื่อเสียงขึ้นมา

หลายคนเคยคิดว่าราคาค่าบริการของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแพงมาก แต่ตอนนี้ก็ยอมจ่ายเพื่อให้ได้เข้าไปใช้บริการ

แน่นอนว่าด้วยทำเลอันย่ำแย่ของร้านสาขาเหล่านี้ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่มีแค่เหล่าคนมีกำลังซื้อภายในพื้นที่ บรรดาร้านสาขาจึงยังก่ำกึ่งระหว่างกำไรกับขาดทุน

เผยเชียนนั่งลงตรงข้ามหลินฉาง

ถึงคนตรงหน้าจะทุ่มเงินให้ร้านเขาทีเดียวหลายแสนหยวน แต่เผยเชียนก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งอะไร เพราะหลังแปลงผลกำไร เขาก็ได้มาแค่ไม่กี่พันหยวน

เห็นได้ชัดว่าหลินฉางไม่ได้ใส่ใจเงินที่จ่ายไปเลย

“บอสเผย ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ

“บอสช่วยดูแลน้องสาวผมมาตลอด ที่เหมาร้านไปครั้งก่อนถือเป็นแค่การตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากผม” หลินฉางยิ้ม

พอพูดถึงเรื่องนี้เผยเชียนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

แกโยนเงินมาหลายแสนก็จริง แต่มันไม่ได้เข้ากระเป๋าฉันเลยโว้ย

เผยเชียนยิ้มบาง “บอสหลินพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คุณทุ่มเหมาร้านตั้งหลายแสนต่อหน้าทุกคน จะบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ยังไงอยู่”

หลินฉางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะ “ก็จริงครับ”

หลังจากคุยเล่นกันเล็กน้อย ทั้งสองคนก็สนิทกันมากขึ้น

หลินฉางถอนหายใจ “น้องสาวผมดื้อที่สุดในหมู่พี่น้อง ขนาดพ่อผมยังจัดการไม่ได้เลย ผมตกใจมากตอนที่ได้ยินว่าพอเข้าบริษัทคุณแล้วก็ทำตัวดี ไม่ถือตัว ผมเลยบินมาจิงโจวด้วยตัวเองเพื่อจะได้รู้ว่าบอสเผยเป็นใครกันแน่”

เผยเชียน “…”

ทำตัวดี ไม่ถือตัวเหรอ

เล่นฉันซะอ่วมต่างหาก!

เผยเชียนอยากจะด่าออกไปใจแทบขาด แต่ก็ทำได้แค่ยกกาแฟขึ้นจิบเงียบๆ ไม่ตอบโต้อะไร ปล่อยให้บทสนทนาไหลไปเรื่อยๆ

“เหมือนว่าพ่อของคุณจะไม่อยากให้น้องคุณทำงานในอุตสาหกรรมเกมนะครับ”

เผยเชียนพูดขึ้นเรียบๆ เพื่อลองหยั่งเชิง

เขาไม่รู้ว่าหลินฉางคิดเหมือนกันกับพ่อของหลินหวานหรือเปล่า และไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตระกูลหลินเป็นยังไง

ถ้าลองถามหยั่งเชิงไปแบบนี้ เขาก็จะได้รู้สถานการณ์ในครอบครัวของอีกฝ่าย รวมถึงความคิดของหลินฉางด้วย

เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง ตอนที่เขาส่งหลินหวานไปอีกที่ก็จะได้ไม่เกิดปัญหา

หลินฉางดูจะทำตัวไม่ถูก “ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี

“ถ้าให้พูดตรงๆ ที่น้องหวานกำลังทำอยู่ถือว่าไม่มีประโยชน์ ถ้าจะรับช่วงกิจการต่อก็ลงทุนตั้งบริษัทเกมของตัวเองขึ้นมาก็ได้

“แต่น้องค่อนข้างหัวแข็ง ยืนกรานว่าจะเป็นนักออกแบบเกม

“ถ้าว่ากันตามเหตุผล ผมก็เห็นด้วยกับพ่อผมนะ แต่ถ้ามองเรื่องความรู้สึก ผมก็เข้าใจว่าทำไมน้องหวานถึงเลือกแบบนี้

“เพราะ… ผมก็เคยฝันอยากเป็นนักร้องนำของวงดนตรีสักวง มาคิดๆ ดูแล้วก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่ยอมดื้อบ้าง”

เผยเชียนเบ้ปาก

โอเค พี่น้องสี่คนนี้เก่งหลายด้าน สนใจหลายอย่างสินะ

ฟังจากที่หลินฉางพูดแล้ว เขาอยากจะไล่ตามความฝัน แต่โดนพ่อบังคับให้ทิ้งความฝันในการเป็นนักร้องแล้วหันมารับช่วงต่อกิจการครอบครัว เลยได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทสื่อบันเทิงเฉินฮว่า

หลินฉางยกกาแฟขึ้นดื่ม “จริงๆ ผมมองว่าให้น้องหวานได้ฝึกฝีมือ สั่งสมประสบการณ์ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

“น้องยังเด็กอยู่ ยังมีเวลาให้เสีย พอสั่งสมประสบการณ์ได้เยอะๆ ในอนาคตก็จะกลายเป็นคนที่เหมาะสมมากในการรับช่วงกิจการต่อจากครอบครัว

“เพราะอย่างนั้นผมก็หวังว่าบอสเผยจะช่วยดูแลหลินหวาน

“ผมขอโทษจริงๆ ครับที่ต้องรบกวนคุณแบบนี้ บอสเผย เอาแบบนี้เป็นไงครับ เถิงต๋าเป็นบริษัทเกม และผมเองก็ชอบเกมฐานทัพกลางทะเลมาก

“เดี๋ยวผมช่วยซื้อปืนกิเลนเพลิงห้าร้อยชิ้นเป็นการตอบแทน”

เผยเชียนอึ้งไป

ปืนกิเลนเพลิงห้าร้อยชิ้นเหรอ

สี่แสนเลยนะนั่น!

แกเอาเงินสี่แสนให้ฉันเลยไม่ได้เหรอ ทำไมต้องไปซื้อไอ้ปืนหน้าโง่นั่นด้วย

ชัดเจนว่าหลินฉางคิดว่าการซื้อปืนกิเลนเพลิงก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินให้เผยเชียน แถมทำแบบนี้ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกมด้วย ถือเป็นเรื่องที่ดี

แต่จริงๆ ถือเป็นเรื่องเสียหายใหญ่หลวงสำหรับเผยเชียน ถ้าได้เงินมาสี่แสน แบ่งตามอัตรา 70:30 แล้วเอาไปแปลงตามอัตราแปลงกำไร สุดท้ายก็จะได้มาอย่างมากแค่สองพันกว่าหยวน

“ไม่ต้องหรอกครับ”

เผยเชียนรักษาท่าทีนิ่งสงบขณะเอ่ยพูดช้าๆ “ถ้าบอสหลินอยากตอบแทน ผมมีอะไรจะเสนอ

“ผมว่าจะเจียดเงินเล็กน้อยไปทดลองอะไรสักหน่อย ถ้าบอสหลินช่วยตรงนี้แทน ผมก็ไม่ขัด”

หลินฉางนิ่งไป ก่อนจะแสดงท่าทีสนใจ

“เงินเล็กน้อยเหรอครับ ไม่มีปัญหา

“บอสเผยต้องการเท่าไหร่ครับ”

“สองแสนหยวนครับ” เผยเชียนตอบเสียงนิ่ง “หนึ่งแสนเป็นค่าแรงผม ส่วนอีกหนึ่งแสนเป็นค่าใช้จ่าย ผมอยากถ่ายซีรีส์ตอนสั้นยี่สิบตอน

“แต่บอสหลินต้องเตรียมใจไว้เลยนะครับว่าอาจจะไม่ได้เงินกลับมาสักหยวนเดียว”

หลินฉางคิดคำนวณในใจ “บอสเผยได้ค่าแรงตกตอนละห้าพันหยวนเองนี่ครับ น้อยไป ผมให้เลยตอนละหมื่นหยวน!”

ตอนแรกเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะซื้อปืนกิเลนเพลิงสักสี่แสนหยวน แต่ถ้าเผยเชียนมีไอเดียอื่น หลินฉางก็อยากจะสนับสนุนตามที่อีกฝ่ายต้องการ

หลินฉางมองท่าทีสงบนิ่งของเผยเชียนแล้วเข้าใจขึ้นมา

“สำหรับบอสเผยแล้ว เงินสี่แสนถือเป็นเงินแค่เล็กน้อย

“เขาตั้งใจจะเอาเงินสี่แสนหยวนไปทดลองอะไรสักอย่าง พอเห็นฉันพูดเรื่องเงินขึ้นมา เลยคิดว่าให้ไปจ่ายตรงส่วนนี้แทนจะดีกว่า

“ดีเลย ถือว่าฉันได้ช่วยเขาไปด้วย แถมความสัมพันธ์ของเราก็แน่นแฟ้นขึ้น ไม่เลวทีเดียว”

หลินฉางดีใจมาก เขาคิดว่าบอสเผยไม่ทำกับเขาเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล!

ก็เหมือนเพื่อนรักสองคน คนหนึ่งถามอีกคนว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด เจ้าของวันเกิดตอบมาว่า ‘ตอนนี้มีเกมที่อยากได้ ราคาสองร้อยกว่าหยวน ซื้อเกมนั้นเป็นของขวัญให้ก็ได้’ ซึ่งก็ไม่ต่างกับกรณีของเขา

ในมุมมองของหลินฉาง เงินสี่แสนหยวนก็เหมือนของขวัญสำหรับมิตรภาพที่ดี แถมยังเป็นสินน้ำใจตอบแทนที่อีกฝ่ายช่วยดูแลหลินหวานให้ด้วย

เผยเชียนอึ้งไปเล็กน้อย ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทันที

ระบบไม่เตือนเหรอ

ฉันกำลังจะได้เงินสองแสนมาง่ายๆ

แล้วที่ผ่านมาจะทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อแปลงเงินเล็กน้อยเข้ากระเป๋าทำไมกัน