ผู้หญิงคนนี้ บ้าไปแล้ว

เริ่นหู่วิ่งตุ๊ต๊ะเหยาะๆมาทางนี้ พูดพลางยิ้มว่า “ค้อนเหล็กอันใหญ่ของข้าเป็นค้อนที่ช่างฝีมือขึ้นชื่อใช้เหล็กสีนิลทำเชียวนะ ท่านชอบหรือไม่ ถ้าท่านชอบข้ายกให้”

กู้ชูหน่วนมองด้วยสายตารังเกียจ “ทั้งหนักทั้งเทอะทะ เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ”

เมื่อคิดว่าเมื่อสักครู่เริ่นหู่ก็ใช้ค้อนใหญ่นี่ฆ่าคนเผ่าปีศาจไปไม่น้อย เซียวหยู่เซียนก็หวาดกลัว ร่างกายเกร็งไปอย่างไม่รู้ตัว เขากลัวว่าเริ่นหู่จะโกรธแล้วทุบนางในค้อนเดียว

แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ เริ่นหู่ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังส่งยิ้มให้นางอย่างไร้เดียงสา “ก็จริง ผู้หญิงอย่างท่านถือค้อนเหล็กอันใหญ่เช่นนี้คงดูไม่ค่อยดี เอาอย่างนี้ ข้าจะสั่งคนทำค้อนเล็กๆมามอบให้ท่าน”

เอ่อ…

นี่มันอะไรกัน?

ทำไมสำนักอสุราจึงว่าง่ายเช่นนี้

กู้ชูหน่วนไม่สนใจเริ่นหู่ ตรงมาที่ด้านหน้าฝูกวง

“เจ้าชื่ออะไร?”

“ฝูกวง ฝูที่แปลว่าลอยๆ กวงที่แปลว่าแสงสว่าง” ชื่อนี้ยังเป็นชื่อที่เจ้าสำนักของพวกเขาตั้งให้อีกด้วย หลายปีผ่านมา คนในสำนักยังอิจฉาเขาที่ได้เจ้าสำนักตั้งชื่อให้

“ฝูกวง เป็นชื่อที่ดีนี่ แสงหนึ่งของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ”

ฝูกวงตกตะลึง ดวงตาแดงก่ำขึ้นพลัน

ฝูกวงแสงของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ……

ตอนที่เจ้าสำนักตั้งชื่อให้ก็กล่าวเช่นนี้

เขาตื่นเต้นเล็กน้อย ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้น และก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรก็ถูกเจ้าสำนักชิงตัดบทเสียก่อน

“คุณหนูสาม ท่านมีสมบัติอยู่กับตัว เกรงว่าอาจนำมาซึ่งภัยถึงชีวิต หากท่านไม่มีทักษะการป้องกันตัว วางแผนไว้แต่เนิ่นย่อมดีกว่า”

“เจ้าหมายความว่า อยากให้ข้ามอบกระดิ่งทลายวิญญาณให้พวกเจ้าดูแลงั้นหรือ?”

เซียวหยู่เซียนตบต้นขา

เขารู้อยู่แล้วเชียว คนของสำนักอสุราพูดไม่ว่าง่ายอย่างนั้น พูดไปพูดมา พวกเขาก็ไม่ได้มาเพื่อกระดิ่งทลายวิญญาณหรือ?

“จะมีใครบนโลกนี้ที่ไม่ต้องการครอบครองกระดิ่งทลายวิญญาณกัน สำนักอสุราของพวกเราก็เช่นกัน แต่สุภาพชนย่อมไม่ชิงของรักใคร ในเมื่อคุณหนูสามหวงแหนกระดิ่งทลายวิญญาณเพียงนี้ พวกเราย่อมไม่แย่งไป เพียงแต่…เตือนด้วยความปรารถนาดีเท่านั้น”

แววตาเจ้าสำนักชิงอ่อนโยน บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

“ไม่เช่นนั้น เจ้าก็มอบฝูกวงให้ข้าเป็นอย่างไร ให้เขาคอยปกป้องข้า” จู่ๆกู้ชูหน่วนก็โพล่งออกมา

คำพูดเช่นนี้ แม้แต่นางเองก็ยังละอาย

เซียวหยู่เซียนยิ่งอยากจะเป็นลมทันที

นี่อะไรกัน?

อยู่ดีๆก็ขอคนขึ้นมา? ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูหรือมิตร

คำขอที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ ใครก็รู้เจ้าสำนักชิงต้องไม่รับปากแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับยิ้มออกมา

“ได้เป็นคนที่คุณหนูสามต้องการ นับเป็นเกียรติของฝูกวงแล้ว จากนี้ไปฝูกวงจะเป็นองครักษ์ลับคอยปกป้องอยู่ข้างกายของท่านแล้วกัน หากมีเรื่องอะไรท่านก็ให้ฝูกวงไปจัดการเถิด”

เอ่อ…

ให้นางจริงๆหรือ?

คนนี้เป็นสมบัติล้ำค่า

นางกล้ารับประกันเลยว่า ความสามารถในการต่อสู้ของฝูกวงอย่างน้อยก็ต้องมีระดับสามหรือสูงกว่านั้นแน่นอน

“ฝูกวงคารวะนายหญิงกู้”

ฝูกวงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ดูตื่นเต้นราวกับว่าเขารอวันนี้มานานมากแล้ว

“ลุก ลุกขึ้นเถิด”

เซียวหยู่เซียนดึงแขนเสื้อของนางแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “ยัยขี้เหร่ เจ้ากล้ารับเขาได้ยังไง? เขาเป็นศัตรูหรือมิตรเจ้าก็ยังไม่รู้ ข้าว่าประมาทเกินไปแล้วนะ”

ฝูกวงตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “คุณชายเซียววางใจได้ ในเมื่อเจ้าสำนักให้ฝูกวงคอยอยู่ข้างกายปกป้องนายหญิงกู้ จากนี้ไปนายหญิงกู้ถือเป็นเจ้านายของฝูกวง ฝูกวงจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายหญิงกู้เท่านั้นและจะไม่มีวันทรยศต่อชีวิตนายหญิงชั่วชีวิต”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเซียวหยู่เซียนก็แดงก่ำ

แต่ว่ายิ่งฝูกวงดูจริงใจมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งดูไม่น่าเชื่อถือมากเท่านั้น

“ยัยขี้เหร่ ไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายหรอก เจ้า…”

“น้ำใจยากปฏิเสธ อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นชายหนุ่มรูปงามเสียด้วย”

“แต่เขาเป็นคนของสำนักอสุรา!” เซียวหยู่เซียนกัดฟันเตือน

ฝูกวงรีบเอ่ยแก็ “ตั้งแต่นี้ไป ฝูกวงจะเป็นเพียงคนของท่านหญิงเท่านั้น และฝูกวงจะมีเพียงนายหญิงกู้เป็นเจ้านายเท่านั้นขอรับ”

บ้าจริง พูดจาเพราะกว่าร้องเพลงเสียอีก

ไม่มีเหตุผลเลย เจ้าหน้าขาวฝูกวงมารับกู้ชูหน่วนเป็นเจ้านายได้อย่างไร?

ที่นี่ต้องมีเรื่องปิดบังอยู่แน่ๆ อีกทั้งยังต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่ ใหญ่มากๆด้วย!