บทที่ 104 ข้าสามารถเป็นองครักษ์ลับของท่านได้หรือไม่

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

เริ่นหู่เอนตัวมา แล้วพูดอย่างตื่นเต้น “คุณหนูสาม ท่านว่าข้าสามารถเป็นองครักษ์ลับข้างกายท่านได้หรือไม่? วรยุทธ์ข้าก็มิได้ด้อยไปกว่าฝูกวง แค่ค้อนนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถฆ่าคนได้เจ็ดแปดคนในคราวเดียวแล้ว”

กู้ชูหน่วนปัดปัดร่างที่แข็งแรงบึกบึนของเขา มุมปากพูดว่า “เจ้าอ้วนเกินไป ข้าเลี้ยงไม่ไหว”

“ท่านไม่ต้องเลี้ยงข้า ข้าเลี้ยงตัวเองได้”

“พอได้แล้ว เจ้าคิดว่าในสำนักว่างงานหรืออย่างไร? ” เจ้าสำนักชิงพูดด้วยเสียงเย็นชา

“แต่ว่า…แต่ว่า…”

“ถอยไป”

เริ่นหู่ไม่พอใจ แต่เขาไม่กล้าขัดขืนเจ้าสำนัก จึงทำได้เพียงมองดูฝูกวงที่มีความสุขด้วยแววตาอิจฉา

“คุณหนูสาม หวังว่าจะได้พบกันอีก”

“รอเดี๋ยว ทำไมพวกเจ้าต้องช่วยข้าด้วย?”

เจ้าสำนักชิงยิ้มอบอุ่นราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ หากคนที่ไม่รู้จักเห็นคงคิดว่าเขาเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดาๆที่อ่อนแอ ไม่มีกำลัง

“บางทีอาจจะเป็นเพราะเรามีวาสนาต่อกันกระมัง สิ่งที่สำนักอสุราเราให้ความใส่ใจที่สุดก็คือวาสนา”

กู้ชูหน่วนอยากถามต่อ แต่คนของสำนักอสุรากลับหายไป

พวกเขามาเร็ว ไปก็เร็ว เร็วจนมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าจะไปทิศทางไหนกันต่อ

เมื่อสักครู่คนยังพลุกพล่านเต็มท้องถนนไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงแค่นาง เซียวหยู่เซียน และฝูกวง เด็กหนุ่มจากไปตอนไหน พวกนางยังไม่รู้แน่ชัด

ลมหนาวพัดมา กลิ่นคาวเลือดอบอวลในอากาศ เมื่อมองศพที่เกลื่อนพื้น ก็ทำให้ทุกคนตกใจ

เซียวหยู่เซียนอดทนกับความเจ็บปวดแล้วพูดเสียงแหบ “เจ้านั่นน่ะ ก็รีบไปซะเถอะ มีข้าอยู่ ยัยขี้เหร่นี่ไม่ต้องให้เจ้าปกป้องหรอก”

“ตอนนี้ฝูกวงเป็นคนของนายหญิงแล้ว”

“นางยังไม่แต่งงาน ถ้าเจ้าพูดคำนี้ออกไป มันจะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของนางหรือ?”

ฝูกวงยืนอยู่ข้างกายของกู้ชูหน่วน เขาทำหน้าบึ้งเหมือนลูกสะใภ้น้อยที่โกรธเคือง เขาก็มหัว แต่ไม่ยอมจากไป

เซียวหยู่เซียนโมโห ขยับฉีกถูกบาดแผล เจ็บจนเขาปากเกือบฉีก

กู้ชูหน่วนจ้องมาที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว คนเจ็บต้องหุบปากเชื่อฟัง ฝูกวง แบกเขากลับไปจวนแม่ทัพ”

“ขอรับ”

เซียวหยู่เซียนอยากจะปฏิเสธ แต่ฝูกวงได้แบกเขาไว้บนหลังแล้ว เขย่งเล็กน้อยแล้วหายไปยังสุดถนน

“บ้าไปแล้ว! เจ้าใช้วิชาตัวเบาอะไร หรือว่าที่หลังของเจ้าจะมีปีก?”

เสียงสะท้อนของเซียวหยู่เซียนยังคงดังก็อง กู้ชูหน่วนเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง วิชาตัวเบาเร็วมาก ต่อให้เป็นนาง เกรงว่าก็ยังเทียบเขาไม่ติด

เมื่อมองดูขลุ่ยหยกในมือ ในใจของนางคิดวนไปวนมากับเรื่องที่เกิดขึ้น

สำนักอสุราไม่มีทางที่จะช่วยนางโดยไม่มีเหตุผล ยิ่งไม่มีทางที่จะมอบขลุ่ยหยกให้นางโดยไม่มีเหตุผล พวกเขากำลังคิดแผนอะไรกันอยู่?

หรือว่าร่างเดิมและสำนักอสุราจะมีที่มาอะไร?

จนถึงวันนี้ กู้ชูหน่วนมั่นใจขึ้นเรื่อยๆว่าร่างเดิมไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่ตาเห็น

ถ้านางเป็นแค่คุณหนูสามที่ไม่มีใครรักในจวนเฉิงเซี่ยง แล้วทำไมอี้เฉินเฟยต้องดูแลนางขนาดนั้นด้วย?

ทำไมนางไม่มีกำลังภายใน แต่กลับมีร่างกายที่มีวิชาตัวเบาราวกับนกนางแอ่น

เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นว่ามีแสสีขาวปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก

กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างขมขื่น “ไม่ได้นอนทั้งคืนอีกแล้ว เข้าเรียนพรุ่งนี้ ก็สัปหงกต่อแล้วกัน”

นางอยากกลับไปจวนอ๋องหาน แต่เมื่อคิดถึงภาพน่าอายของอาจารย์ซ่างกวนและเทพสงครามที่วาดที่ราชวิทยาลัยเมื่อวานนี้ นางก็เลี้ยวกลับไปที่ราชวิทยาลัยแทน

ทำเป็นเล่น! กลับไปที่จวนอ๋องหานเวลานี้ ไม่ต้องวุ่นวายจนไก่เตลิดหมากระเจิงหรือ?

หลังจากเลี้ยวผ่านไปไม่กี่ถนน ผู้คนที่ตื่นแต่เช้าเพื่อตั้งร้านก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเบาบางบนถนน

กู้ชูหน่วนบังเอิญได้ยินเสียงใสที่คุ้นเคย เสียงฝีเท้าของนางก็าวไม่ออกอย่างกับมีของหนักถ่วงไว้ นางเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปในระยะไกล

นั่นเป็นแผงขายก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ เย่เฟิงท่าทางมีฝีมือ กำลังทุ่มเทแรงกายนวดแป้งก๋วยเตี๋ยวอยู่ เขาหน้าซีด ไอเป็นครั้งคราว

เจ้าของร้านต้มเส้นไป เป็นห่วงเขาไป “นี่เสี่ยวเฟิง สีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? หากเจ้าไม่สบายตรงไหนต้องไปหาหมอนะ อย่าทนไว้เด็ดขาด ถ้าเจ้าไม่มีเงิน ลุงให้ยืมเงินก่อนได้”