บทที่ 105 เป็นบัณฑิตที่ยากจนเกินไปแล้ว

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ข้าไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าช่วงนี้พักผ่อนไม่เต็มที่ กลางคืนพักผ่อนหน่อยก็ฟื้นตัวแล้ว”

“ดูเจ้าสิ อายุก็น้อยๆ มีเรื่องต้องทำมากมายแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วตัวเองก็คงจะเหนื่อยตายเข้าสักวัน เอาเถอะๆ ข้านวดแป้งเอง ยังไงวันนี้ลูกค้าก็ไม่เยอะเท่าไหร่ เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ค่าแรงข้าคิดตามปกติ”

เจ้าของร้านต้องการจะแย่งงานเขาทำ แต่เย่เฟิงกลับปฏิเสธ “เวลานี้ ข้ากลับไปนอนก็นอนไม่หลับหรอก ไม่สู้อยู่ช่วยท่านที่นี่ดีกว่า”

“เจ้านี่นิ ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย จริงด้วย อาการป่วยของยายเจ้าดีขึ้นบ้างรึยัง ข้าได้ยินมาว่าทางเหนือของเมืองมีหมอพเนจรมา มีทักษะการแพทย์สูงมาก ถ้ายายของเจ้าไม่ดีขึ้น ข้าว่าลองให้ท่านหมอตรวจดูสักหน่อยก็ยังดีนะ บางทีดูสักหน่อยก็หายแล้ว”

เย่เฟิงขยับมือของเขา แววตาเย็นชาของเขามีแสงวาบ “หมอพเนจรมาทางเหนือ?”

“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าเขารักษาโรคที่รักษาไม่หายมามากมาย เพื่อนบ้านขาไปหาหมอมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็ยังรักษาโรคหูของเขาไม่ได้ พอไปให้หมอท่านนั้นรักษา แค่ดื่มยาไปสองสามเทียบเท่านั้น โรคก็หายทันที เจ้าว่าเขาเป็นเทพเซียนรึเปล่า?”

“ไม่รู้ว่าหมอท่านนั้น…คิดค่ารักษาแพงหรือไม่” เมื่อเย่เฟิงถามถึงคำถามนี้ เขาก็ระมัดระวังและประหม่าเล็กน้อย

“ไม่แพง ไม่แพงเลยสักนิด เพื่อนบ้านข้าจ่ายแค่ร้อยเหวินเท่านั้น”

“ร้อยเหวิน…ไม่แพงจริงๆ” เย่เฟิงเช็ดมือ ควักเงินออกมาจากตัว แต่ก็ควักออกมาได้เพียงน้อยนิดสิบกว่าเหวินเท่านั้น

เจ้าของร้านเอาเศษเงินครึ่งตำลึงใส่มือของเย่เฟิง “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบเป็นหนี้คนอื่น แต่อาการป่วยของยายเจ้าไม่สามารถล่าช้าได้อีก และหมอท่านนั้นก็เป็นเพียงหมอพเนจร ไม่กี่วันมานี้มาตั้งแผงรักษาคนที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าจะจากไปเมื่อไหร่ ถือโอกาสที่ยังเช้าอยู่ เจ้ารีบพายายเจ้าไปรักษาดูเถิด”

“ไม่ได้ ข้าเอาเงินท่านไม่ได้ เงินที่จะไปรักษา ข้าจะลองหาวิธีเอาเอง ฮูหยินของท่านพึ่งจะคลอดลูก ในบ้านของท่านเองก็มีทั้งคนแก่และเด็กต้องดูแล ท่านยังต้องใช้เงินมากกว่าข้า”

“เย่เฟิงนะเย่เฟิง เด็กอย่างเจ้านี่ทำไมช่างดื้อรั้นนัก เจ้าเอาไปก่อนเถอะ รอเจ้ามีเงินแล้ว ค่อยเอามาคืนข้าก็ได้แล้ว อีกอย่าง ถ้าไม่ได้เจ้าเมียของข้าก็คงตายตอนคลอดลูกไปนานแล้ว บ้านข้าหลังคารั่ว ก็ได้เจ้านี่แหละมาช่วยซ่อม เจ้ามีบุญคุณต่อครอบครัวเรามากมายนัก ครอบครัวเราล้วนซาบซึ้งในบุญคุณเจ้า”

เย่เฟิงคืนก็อนเงินให้กับเขา แต่พูดอย่างไรเจ้าของร้านก็ไม่รับ

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

เกิดอะไรขึ้นกับเย่เฟิง?

งานชุมนุมแข่งขันบุ๋นเขาเป็นอันดับสอง ฮ่องเต้ให้สมบัติมากมายขนาดนั้น ทำไมเงินเพียงร้อยเหวินเขาถึงควักออกมาไม่ได้?

เด็กหนุ่มเมื่อวาน ใช่เย่เฟิงหรือไม่?

ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมวันนี้สีหน้าของเย่เฟิงถึงได้ซีดขาวได้ถึงเพียงนี้?

เมื่อเห็นว่าเย่เฟิงเดินออกจากร้านไป และมุ่งหน้าไปทางเหนือเพื่อสอบถามข่าวของหมอพเนจร กู้ชูหน่วนก็มาถึงด้านหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว “เถ้าแก่ก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม”

“ได้เลย เดี๋ยวนี้แหละ”

ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆหนึ่งชามก็ถูกยกมาทันที กู้ชูหน่วนชี้ไปที่เย่เฟิงที่พึ่งจากไปแล้วถามว่า “เถ้าแก่ ได้ยินท่านเรียกเขาว่าเย่เฟิง เขาเป็นอันดับสองในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นมิใช่หรือ ทำไมถึงได้ยากจนเพียงนั้น”

เถ้าแก่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหัวเราะ “เขาชื่อเย่เฟิง ความสามารถด้านวรรณกรรมก็ดีมาก แต่เขาไม่ใช่เย่เฟิงที่เป็นอันดับสองในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋น ถ้าเขาเป็นอันดับสองในงานชุมนุมแข่งขันบุ๋นจริง ทำไมต้องทำงานหนักไปทั่ว เพื่อเงินค่ายาเพียงเล็กน้อยเล่า?”

“อ้อ…” กู้ชูหน่วนสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

ด้วยความสามารถของเย่เฟิง เขาไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้แน่นอน