บทที่ 106 สมควรถูกควักลูกตาออกจริงๆ

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“เจ้าเย่เฟิงเนี่ยเจ้าอย่ามองว่าปกติเขาเป็นคนเย็นชา แต่จิตใจเขาดีมาก ไม่กี่เดือนก่อนเขาเดินผ่านหมู่บ้านของเราพร้อมกับยายที่ป่วยหนัก เห็นอยู่ว่าหิวจนไส้กิ่ว ไม่มีแรง พวกเราเห็นก็สงสาร เลยเอาหมั่นโถวให้ลูกหนึ่ง ทีแรกเขาปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายพอเห็นยายตัวเองจะตายเพราะหิว เขาจึงรับหมั่นโถวให้ยายกินอย่างไม่เต็มใจ”

“แต่เจ้ารู้มั้ย?เพราะหมั่นโถวลูกนั้นลูกเดียว หลายเดือนที่ผ่านมานี้ เขาดูแลแปลงผักของเราหมดเลย แล้วยังซ่อมหลังคาให้พวกเราด้วย เมียข้าคลอดลูกยาก ก็เป็นเขาอีกที่แบกฮูหยินข้าไปหาหมอตำแย จึงช่วยชีวิตเมียและลูกข้าเอาไว้ได้”

กู้ชูหน่วนที่กำลังกินก๋วยเตี๋ยวหยุดชะงักไป

ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพูดจริงๆ เย่เฟิงก็เป็นคนที่จิตใจดีใช้ได้เลย

“เย่เฟิงเป็นคนดี เขาไม่เพียงแต่ช่วยพวกเรา แต่ยังช่วยงานคนในหมู่บ้านอีก เพียงแค่เป็นเรื่องที่เขาทำได้ เขาก็จะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ คนในหมู่บ้านของเราทุกคนก็ชอบเย่เฟิงทั้งนั้น”

“ท่านบอกว่าไม่กี่เดือนก่อนเขามาที่หมู่บ้านกับยายหรือ?ถ้าอย่างนั้นนอกจากยาย เขาก็ไม่มีญาติคนอื่นแล้วหรือ?”

เถ้าแก่ส่ายหัว “ไม่มีแล้ว ได้ยินว่าเขาอาศัยอยู่กับยายมาตั้งแต่เล็ก แล้วหมู่บ้านของเขาก็เกิดภัยพิบัติ เขาจึงเดินทางมาที่หมู่บ้านของเรา ตอนนั้นที่พวกเราเห็นเย่เฟิงครั้งแรก ร่างกายของเขามีรอยแผลเต็มไปหมด เห็นแล้วก็ตกใจ อีกทั้งยังมีรอยแส้และรอยไหม้มากมาย ไม่รู้ว่าระหว่างทางที่มาเขาต้องทุกข์ยากแค่ไหน”

รอยแส้?

รอยไหม้?

นึกถึงตอนอยู่ที่หอโคมเขียวอู๋โยว รังสีสังหารที่เย่เฟิงปล่อยออกมา รวมไปถึงเสียงโจมตีของหนุ่มน้อยยอดฝีมือที่คาดเดาไม่ได้เมื่อครู่

กู้ชูหน่วนไม่เชื่อว่าคนธรรมดาจะสามารถทำร้ายเขาได้

“ท่านรู้ไหมว่ายายของเขาป่วยเป็นอะไร?”

“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด ข้ารู้แค่ว่ายายของเขามักจะไอ บ่อยครั้งก็ไอเป็นเลือด แล้วยังมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอีก”

“ยังมีครั้งแรกที่พวกเราเจอยายของเขา ดวงตาของยายเขาเต็มไปด้วยเลือด ราวกับถูกควักลูกตาออกมาทั้งเป็น แต่เย่เฟิงกลับบอกว่า ยายของเขาเป็นโรคตามาตลอด แถมตาก็บาดเจ็บในตอนที่เร่ร่อนอยู่ ดังนั้นจึงมีเลือดออก พวกเราก็ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เขาพูด แต่ในเมื่อเขาไม่อยากพูด พวกเราจึงไม่

ถามอะไรอีก”

เมื่อเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวพูดถึงเย่เฟิงเขาก็พูดได้ไม่รู้จบ ไม่จำเป็นต้องให้กู้ชู

หน่วนถามให้มากความ

“หลายเดือนมานี้ เย่เฟิงทำงานหามรุ่งหามค่ำ ประหยัดกิน ประหยัดใช้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำงานไปแล้วกี่อย่าง เพียงเพื่อเก็บเงินให้ยายไปหาหมอ แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ไปหาหมอมามากมาย ก็ไม่สามารถรักษายายได้”

“อาการป่วยของยายเขาแปลกมาก ตกกลางคืนนางมักจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงของนางแหลมบาดใจจริงๆ หมอคนหนึ่งในตำบลของเราบอกว่า ยายของเขาอาจจะถูกวางยาพิษ พิษกำเริบถึงทำให้นางเจ็บปวดจนอยู่ก็ไม่สู้ตาย”

“แต่จะเป็นพิษชนิดใด เขาก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้ ทุกครั้งที่พิษของยายเขากำเริบ ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาเจ็บปวดทรมานที่สุด พวกเราเห็นเขาไปแอบร้องไห้อยู่หลายครั้ง”

“แอบร้องไห้?” กู้ชูหน่วนเลิกคิ้ว

“ก็ใช่สิ เขาตัวอยู่ในมุม เขากอดเข่าร้องไห้เสียงอู้อี้ ทำให้ผู้คนที่พบเห็นปวดใจมาก”

“เย่เฟิงสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเราจึงตุ๋นเนื้อให้เขา แต่เจ้ารู้ไหมว่าเขาพูดว่าอย่างไร เขาบอกว่าเขาไม่กินเนื้อ กินแต่มังสวิรัติ”

“ตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาตัดใจใช้เงินซื้อเนื้อกินไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอ้างว่าไม่กินเนื้อ หลังจากนั้นต่อมาอีกหลายครั้ง หมู่บ้านของเราจัดงานแต่งงาน เราจึงเชิญเขาไปดื่มเหล้ามงคล เขาไม่กินเนื้อเลยสักคำ พวกเราถึงได้รู้ว่าเขาไม่กินเนื้อจริงๆ”