บทที่ 185 ไล่ล่า

คู่ชะตาบันดาลรัก

หมิงเวยเหลือบมองจวินโม่หลีแล้วยิ้มอย่างขบขันมันจะไปมีวรยุทธ์ที่สามารถยืนบนผิวน้ำได้อย่างไร ก่อนที่เขาจะลงไปในน้ำเขาได้โยนอะไรบางอย่างลงไปและอาศัยสิ่งนั้นในการลอยตัว

แน่นอนว่าฝึกวิชาตัวเบาได้ถึงระดับนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ววิชาเท้าทะยานคลื่นที่คนพูดถึงกันนั้นมีเพียงแค่นี้เท่านั้นเอง

ในตอนที่หมิงเวยมองจวินโม่หลีนั้นผู้อื่นก็มองนางเช่นกัน หญิงสาวที่เข้ามาช่วยหมิงเวยนั้นก็มองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง

การแต่งกายของนางดูเหมือนจะเป็นคุณหนูจากตระกูลไหนสักแห่ง แต่การลงมือช่วยชีวิตคนนั้นดูชำนาญมาก คุณหนูในเมืองหลวงมีความสามารถในเรื่องนี้ได้ด้วยหรือ จริงสิ นางใช้วิชาตัวเบาขึ้นมาบนเรือนี้ด้วยนี่ หรือนางจะเป็นชาวยุทธภพ สตรีผู้เคราะห์ร้ายสำลักน้ำออกมาแล้ว ในที่สุดนางก็ไอออกมาและฟื้นสติขึ้นมาช้าๆ

หมิงเวยวางนางลงไปและเช็ดมือที่เปียกชื้นพลางพูดกับมารดานางที่เดินเข้ามาหา “เอาล่ะ พานางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหาน้ำขิงให้นางดื่มเพื่อกำจัดไอชั่วร้ายเถิด”

มารดาของนางกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าและกวักมือเรียกคนให้มาช่วยอุ้มนักขับร้องอออกไป หมิงเวยยืนขึ้นและมองไปที่ผิวน้ำ

หยางชูที่ไม่มีอะไรทำถามขึ้น “ไอชั่วร้ายเป็นอย่างไรหรือ”

“ท่านอยากเห็นหรือเจ้าคะ”

“สอนข้าได้หรือไม่” หมิงเวยคว้ามือของเขามา จากนั้นรวบรวมพลังไว้ที่ปลายนิ้วและแตะลงไปที่กลางฝ่ามือของเขา

เมื่อถูกนางจับมือ หยางชูรีบชักมือกลับไปโดยสัญชาตญาณแต่ก็ไม่สามารถสั่งการตนเองได้ เขาคิดในใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยแล้วเหตุใด…

“ข้าปิดกั้นหยางชี่ของท่านไว้ชั่วคราวเพื่อให้ท่านสามารถมองเห็นสิ่งชั่วร้ายได้ หากท่านอยากเบิกเนตรมองด้วยตนเองท่านถามอาหว่านได้ข้าสอนคาถาให้นางไปแล้ว”

หยางชูเองก็รู้ว่านางสอนอาหว่านแล้วเพียงแต่เขารู้กฎของคนกลุ่มนี้ดี วิชาที่ไม่ได้ถ่ายทอดจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ ตอนนี้นางอนุญาตแล้วหมายความว่าให้อาหว่านสอนเขาโดยตรงได้

เมื่อเนตรสวรรค์ได้ถูกเปิดขึ้นหยางชูเพ่งมองลงไปในทะเลสาบ มีเงาที่คลุมเครืออยู่ใต้ทะเลสาบอันมืดมิด นอกจากนี้ยังมีจุดเล็กๆ สองสามจุดกำลังโจมตีรอบๆ เงามืดนั้น คงเป็นคนที่เพิ่งลงไปในน้ำก่อนหน้านี้

เพียงแต่ใต้น้ำมีผลต่อสายตาอยู่แล้วยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เป็นเวลากลางคืน ถึงบนเรือสำราญจะมีแสงเทียนแต่ก็ส่องไปไม่ถึงใต้ผิวน้ำที่อยู่ลึกลงไปได้ พวกเขาหลายคนล้อมรอบโจมตี แต่ส่วนใหญ่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

จวินโม่หลีลอยอยู่เหนือผิวน้ำคอยสั่งการพวกเขา แต่เมื่อวิสัยทัศน์ไม่ค่อยดี สั่งการไปก็ไร้ประโยชน์

“พวกเขาไม่ต้องการให้พวกเราช่วยเหลือจริงๆ หรือ” หยางชูถามอีกครั้ง

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ” หมิงเวยมองเงาหนึ่งในนั้น “เขามีความสามารถในการสกัดกั้นสิ่งชั่วร้ายนั้นได้”

เขา…หยางชูอดไม่ได้ที่จะมองลงไป

“เจิง!” มีเสียงแผ่วเบาจากใต้ผิวน้ำยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้น ผิวน้ำมีการเคลื่อนไหว คลื่นพัดโหมสูงขึ้น

“เจิงๆ!” มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

“ตู้ม!” มีบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากน้ำ

จวินโม่หลีที่ยืนอยู่บนผิวน้ำตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการพลิกตัวและกระโดดหลบหลีกสิ่งนั้นเขาสอดมือชักกระบี่ออกมา

“ติง…” เสียงกระบี่คร่ำครวญราวกับมีแสงสว่างวาบขึ้นโจมตีอสูรน้ำตัวนั้น

หมิงเวยชื่นชม “ศิษย์ของเสวียนตูกวันผู้นี้ถึงแม้นิสัยจะค่อนข้าง…แต่ฝีมือไม่เลวเลย”

หยางชูพูดไปตามตรง “ผู้ที่เข้าเสวียนตูกวันได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั้งนั้น”

“ตู้มๆ!” มีเสียงน้ำแตกกระจายตามอีกหลายครั้งแล้วคนที่กระโดดลงน้ำไปก่อนหน้านี้ก็ขึ้นตามกันมา และหนึ่งในนั้นมีหนิงซิวด้วย

แต่เมื่อเห็นเขามือหนึ่งกอดกู่ฉินอีกข้างดีดสาย เกิดเสียง ‘เจิง’ ดังขึ้น เสียงนั้นเกิดการรวมตัวกันและพุ่งโจมตีอสูรน้ำโดยตรง

หยางชูมองอย่างสงสัย “นั่น…ไม่ใช่เต่าหรอกหรือ”

บนหลังของอสูรน้ำมีเปลือกแข็งทำให้ดูเหมือนเต่าขนาดใหญ่ แต่ส่วนหัวดูดุร้ายมากคล้ายปลาแปลกประหลาดตัวหนึ่ง

เนื่องจากมีเปลือกที่แข็งขนาดนั้นอาวุธของพวกเขาที่ใช้โจมตีนั้นจึงไม่ได้ผล หยางชูที่ออกมาเดินเล่นนั้นไม่ได้พกอาวุธมาด้วย เขาจึงบินเข้าไปแล้วใช้ฝ่ามือลมจับหัวของอสูรน้ำเอาไว้

จวินโม่หลีเห็นทางออกจึงรีบเปลี่ยนกระบวนท่า เขาหันกระบี่แทงเข้าที่ดวงตาของอสูรน้ำ อย่างไรก็ตามหยางชูได้เคลื่อนไหวก่อนหน้าเขาไปแล้ว วิชากระบี่ของเขาทรงพลังก็จริงแต่กลับไม่คำนึงเลยว่าจะทำอันตรายผู้อื่นหรือไม่ สิ่งที่เขาทำเหมือนบังคับให้หยางชูจำต้องเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน

หยางชูชักมือกลับแล้วมองอีกฝ่าย จวินโม่หลีเองก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ เขามัวแต่จดจ่อกับการจัดการอสูรน้ำ

หยางชูหัวเราะเยาะไม่คิดเคลื่อนไหวใดๆ เขาเอาแต่ยืนอยู่บนหลังอสูรน้ำ แต่เมื่อเห็นว่ามันคิดที่จะลงน้ำเขาจึงโจมตีเท้าทั้งสี่ของมัน จวินโม่หลีที่ถูกชิงความโดดเด่นไปก็พูดไม่ออก เขาจึงเปลี่ยนไปลอยอยู่บนผิวน้ำและตวัดกระบี่ในมือ ท่าทางของเขานั้นช่างดูดีเสียจริง

แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการกับอสูรน้ำตัวนี้เลย หัวของมันเดี๋ยวยืดเดี๋ยวหด มันว่องไวมากเมื่ออยู่ในน้ำจึงไม่สามารถโจมตีได้ การที่เขาออกกระบวนท่านี้ทำให้ผู้อื่นยื่นมือเข้ามาได้ยาก

นอกจากส่วนหัวที่นิ่มแล้วส่วนอื่นของร่างกายหากไม่แข็งก็เหนียวและแข็งแรงมาก เป็นการโจมตีที่พูดได้ว่าก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

หลังจากนั้นหนิงซิวก็พูดขึ้นว่า “หากท่านไม่สามารถทำอะไรมันได้ก็ถอยออกมาจะดีกว่า” จวินโม่หลีตกใจกับคำพูดนั้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

ความโดดเด่นเมื่อครู่ได้ถูกหนิงซิวแย่งไปแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายยังพูดเช่นนี้ออกมาอีก หากเขาหลีกทางให้ไม่เท่ากับว่าทำให้เสวียนตูกวันขายขี้หน้าหรอกหรือ ขณะนี้ใจของเขาเดือดดาลเป็นอย่างมาก เขาเปลี่ยนกระบวนท่ารวบรวมพลังไว้ที่กระบี่แล้วโจมตีออกไป

กระบี่โจมตีโดนเป้าหมาย แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จวินโม่หลีมองลงไป พบว่ากระบี่ของตนถูกอสูรน้ำกัดเอาไว้ ตัวกระบี่อันแหลมคมแทงเข้าที่ปากของมันทำให้มันดุร้ายมากขึ้น จวินโม่หลีเซและตกลงไปในน้ำ

กระบี่ของเขาถูกกัดจนหัก…

“กรร…” เสียงคำรามต่ำดังออกจากปากของอสูรน้ำ ดวงตาที่นูนออกมาเหมือนปลาคู่นั้นกลายเป็นสีเลือด เท้าทั้งสี่ข้างของมันสะบัดไปมาก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่

ผู้คนที่ล้อมรอบอสูรน้ำถูกคลื่นซัดออกไป เท้าทั้งสี่ของอสูรน้ำสะบัดไปมาอย่างแรงแล้วจู่ๆ มันก็กลายเป็นคลื่นน้ำว่ายหนีออกไปไกล

อุตส่าห์บังคับให้มันออกมาได้จะปล่อยให้มันหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร

“ไล่ตามไป!” ทุกคนใช้วิชาตัวเบาไล่ตามอสูรน้ำไป แต่บนผิวน้ำไม่มีที่ให้ยืนเลย พวกเขาจึงไล่ตามไปได้ไม่ไกลนัก

หมิงเวยกำลังมองหาเรือก็ได้ยินตัวฝูตะโกนเรียกนาง “คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ! ”

เห็นตัวฝูมาพร้อมเรือลำเล็กหมิงเวยดีใจมากและรีบกระโดดลงเรือ “ไล่ตามไป!”

“เจ้าค่ะ” ตัวฝูไม่พูดพล่าม นางรวบรวมพลังใช้แรงในการพายเรือ เรือลำเล็กพุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูหลุดออกจากคันศร

“คุณชายหยาง!” ตัวฝูตะโกนเรียกอีกครั้ง หยางชูหันมาแล้วเห็นว่าพวกนางแล่นเรือมาทางนี้ หมิงเวยยื่นมือออกไปหาเขา เขาจับมือนางไว้แน่นแล้วถูกดึงขึ้นเรือไป

ส่วนคนที่เหลือมองมาทางนี้เกาฮ่วนตื่นเต้นมาก แต่เมื่อเห็นว่าทางนั้นมีสี่คนแล้วหากขึ้นไปอีกเรือจะล่มได้เขาจึงทำได้เพียงว่ายน้ำตามต่อไป

ชั่วพริบตาเหลือเพียงคนสามกลุ่มที่ไล่ตามหลังอสูรน้ำ

พวกเขาที่อยู่บนเรือลำเล็ก จวินโม่หลีและหนิงซิว

เท้าของจวินโม่หลีเหมือนจะเหยียบอะไรสักอย่างเพื่อยืมแรง แต่วิธีของหนิงซิวนั้นสง่างามกว่ามาก เมื่อพลังหมดลงเขาก็ดีดสายกู่ฉินเพื่อให้คลื่นเสียงระเบิดออกมากระทบผิวน้ำแล้วอาศัยพลังจากการดีดนี้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า

อสูรน้ำรีบพุ่งไปที่ใต้สะพานเข้าสู่แม่น้ำอวี๋ไต้

……………….