บทที่ 186 อุโมงค์ใต้สะพาน

คู่ชะตาบันดาลรัก

สระฉางเล่อเชื่อมต่อกับแม่น้ำอวี๋ไต้โดยไหลเข้าสู่แม่น้ำฉางเหอทางทิศตะวันออก หยุนจิงเป็นเมืองใหญ่มีจำนวนประชากรหลายล้านคนจึงอาศัยแม่น้ำฉางเหอสายนี้ในการขนส่งเสบียง

หากอสูรน้ำเข้าแม่น้ำฉางเหอไปละก็ลำบากแน่หลังจากนี้เส้นทางสายนี้จะไม่สงบสุขอีกต่อไป!

“ไม่ต้องรีบร้อน” หยางชูตอบ “มีประตูกั้นระหว่างแม่น้ำอวี๋ไต้กับแม่น้ำฉางเหอซึ่งจะปิดในตอนกลางคืนมันไม่สามารถออกไปได้แน่”

ผู้ใดจะรู้ว่าอสูรน้ำตัวนั้นยังไม่ทันถึงประตูกั้นก็ดำดิ่งลงไปแล้ว

หมิงเวยเบิกเนตรนางเห็นอสูรน้ำค่อยๆ ดำลงไปใต้สะพานและหยุดเคลื่อนไหว เรือเล็กหยุดใกล้ๆ บริเวณริมแม่น้ำ ผ่านไปไม่นานหนิงซิวกับจวินโม่หลีก็ไล่ตามมาถึง

หนิงซิวกระโดดขึ้นฝั่งเขากวาดสายตามอง จากนั้นก็ยกมือขึ้นประสานกันแล้วถามออกไป “ไม่ทราบว่าอสูรน้ำดำไปทางไหนหรือ”

หยางชูมองแล้วชี้ไปที่อุโมงค์ใต้สะพาน “ทางนั้น”

หนิงซิวเพ่งมองแล้วเห็นว่ามีเงาจางๆ อยู่ในอุโมงค์ใต้สะพานอันมืดมิด

จวินโม่หลียังคงลอยอยู่บนผิวน้ำสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดี “เกรงว่าจะเป็นรังของมัน”

หลายคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรต่อไป และในที่สุดหนิงซิวก็พูดขึ้นว่า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้นพวกท่านต้องการลงไปหาหรือไม่”

จวินโม่หลีตอบ “แน่นอนว่าต้องลงไปอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าอสูรน้ำซุ่มตัวอยู่ที่นี่ หากไม่กำจัดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ภายภาคหน้าต้องมีคนตกอยู่ในอันตรายแน่”

หนิงซิวพยักหน้าแล้วแบกกู่ฉินขึ้นหลัง

“ช้าก่อนเจ้าค่ะ!” หมิงเวยเปลี่ยนเสียงเล็กน้อยแล้วพูด “ในเมื่อเป็นรังของมันหากลงน้ำไปย่อมอันตรายแน่ พวกท่านจะไม่เตรียมตัวก่อนลงไปเลยหรือ”

“ต้องเตรียมตัวอะไรอีก” จวินโม่หลีเอ่ยอย่างไม่พอใจ “หากปล่อยนานไปกว่านี้แล้วมันหนีไปจะทำอย่างไร” หนิงซิวไม่พูดอะไรเขาทำเพียงแค่มองหมิงเวย

หมิงเวยพูดต่อ “ที่นี่มืดเพียงนี้ลงน้ำไปทุกอย่างก็ทึมทึบไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะช่วยเหลือหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น พวกเรามาจับอสูรน้ำไม่ใช่จะส่งตนเองไปตายเสียหน่อย”

หนิงซิวถาม “แล้วแม่นางมีความเห็นว่าอย่างไร”

หมิงเวยเงยหน้ามองไกลออกไป “รออีกสักประเดี๋ยว กำลังเสริมกำลังมาเจ้าค่ะ” ดวงไฟกำลังใกล้เข้ามามากขึ้น เห็นเกาฮ่วนนำคนไล่ตามมา

เมื่อเห็นพวกนางยังอยู่ดีไม่เป็นอะไรเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “อสูรน้ำล่ะขอรับ”

“อยู่ใต้สะพาน” หยางชูมองเลยไปยังด้านหลังของอีกฝ่าย “มีคนเยอะมากหรือไม่”

เกาฮ่วนตอบ “ข้าน้อยส่งคนไปแจ้งกองทหารรักษาพระองค์ พวกเขาจึงรีบเดินทางมาทันทีขอรับ” เขาพูดกับหยางชูแต่คนที่เขามองกลับเป็นหมิงเวย “คุณชายสามต่อไปทำอย่างไรดีขอรับ”

หยางชูหันศีรษะชำเลืองมอง “รอคนมาถึงแล้วค่อยคุยกันอีกที”

เมื่อกองทหารรักษาพระองค์มาถึงพวกหมิงเวยทั้งสี่คนจึงขึ้นจากเรือเล็ก

จี้เสียวอู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำในตลอดการเดินทาง วันนี้ริมฝีปากของเขาซีดและสั่นด้วยความหนาวเย็น

ตัวฝูถามอย่างเป็นห่วง “คุณชายห้าหนาวมากหรือไม่เจ้าคะให้บ่าวนำเสื้อคลุมให้ท่านดีหรือไม่”

จี้เสียวอู่ส่ายหัว “ไม่ต้องๆ แค่ลมพัดน่ะ อีกสักพักก็ดีขึ้นแล้ว” จะให้เอาเสื้อคลุมจากสาวใช้มาสวมใส่เนี่ยนะ ตนยังพอมีความละอายอยู่บ้าง

เมื่อก่อนเขามักคิดถึงการเรียนเคล็ดวิชา ปราบปรามสิ่งชั่วร้าย คิดว่าโลกมนุษย์เปรียบเสมือนการละเล่น แต่ตอนนี้ได้เจอสิ่งชั่วร้ายจริงๆ ถึงได้รู้ว่ามันน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน…

ผู้บัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ที่มาเป็นคนที่พวกเขารู้จักนามว่าตี๋ฝาน

เหล่าราชองครักษ์เหล่านี้ได้ออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจพร้อมกับเจี่ยงเหวินเฟิง เมื่อกลับมายังเมืองหลวงพวกเขาจึงได้เลื่อนขั้น

“คุณชายสาม” ตี๋ฝานทำความเคารพ “ได้ยินว่ามีอสูรน้ำออกมาข้าน้อยจึงมารอรับคำสั่งการเป็นพิเศษขอรับ” เห็นเขาให้ความเคารพต่อหยางชูเช่นนี้ จวินโม่หลีและหนิงซิวก็อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่าย

จวินโม่หลีไม่รู้จักเขา แต่เดาว่าคงเป็นคุณชายจากตระกูลชนชั้นสูงท่านหนึ่ง แต่หนิงซิวกลับครุ่นคิด

หยางชูได้รับคำพูดจากหมิงเวยจึงบอกต่อไปว่า “เวลาไม่คอยท่า ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อ้อมค้อมล่ะ รีบไปเตรียมของพวกนี้มา…”

สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ของหายากอะไร ตี๋ฝานกับเกาฮ่วนแยกย้ายกันไปจัดการ สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาให้เตรียมของไม่นานก็ได้รับของที่ต้องการ

“ทั้งสองท่าน ลงน้ำกันเถอะ!”

จวินโม่หลีมองซ้ายมองขวา “แค่พวกเราหรือ”

หยางชูถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วรับแถบผ้ามาจากเกาฮ่วนมารัดแขนเสื้อกับขากางเกง

“ยังมีพวกเราด้วย” หยางชูชี้ตัวเองและเกาฮ่วน

หมิงเวยยิ้ม “ข้าจะคอยช่วยพวกท่านอยู่บนฝั่งนะเจ้าคะ”

จวินโม่หลีเม้มปากอยู่บนฝั่งจะช่วยอะไรได้ แค่สตรีคนเดียวเขาไม่เคยคาดหวังอะไรอยู่แล้ว

หยางชูยืมกระบี่ของตี๋ฝาน “ข้าไปล่ะ” แล้วเขาก็กระโดดลงไป

เกาฮ่วนรีบตามลงไปอย่างรวดเร็ว หนิงซิวตามลงไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ จวินโม่หลีไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องทิ้งมาดลงและกระโดดตามลงไป

ทางด้านตี๋ฝานได้เลือกคนที่ว่ายน้ำเป็นออกมาแล้วถาม “แม่นางหมิงต้องทำอะไรต่อไปหรือขอรับ”

“แบ่งกลุ่มปิดล้อมแม่น้ำ” หมิงเวยพูด “พวกเขามีสี่คนก็เพียงพอที่จะจัดการกับอสูรน้ำแล้ว อย่าปล่อยให้มันหนีไปได้ก็พอ”

“ขอรับ”

ตี๋ฝานสั่งทหารและแบ่งพวกเขาออกเป็นหลายๆ กลุ่ม แต่ละคนถือตาข่ายจับปลายืนล้อมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำไว้

ภายใต้แสงคบเพลิง สังเกตเห็นคลื่นใต้สะพานที่รุนแรง

พวกเขาเริ่มลงมือกันแล้ว…

หมิงเวยมองไปที่เงาใต้สะพานแล้วพูดกับตัวฝู “หยินชี่ของอสูรน้ำตัวนี้แรงมาก น่าจะกินซากศพไปไม่น้อย ถ้าเป็นเช่นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ต่างถิ่นซึ่งจะดุร้ายมาก ต่อไปถ้าเจออสูรเช่นนี้ไม่ต้องคิดมากให้เจ้าฆ่าได้เลย” ตัวฝูรับคำ

เสียง ‘เจิง’ ดังมาจากในน้ำเป็นหนิงซิวที่ลงมือ เสียงกู่ฉินของเขาทรงพลังมากและคลื่นก็หมุนเร็วขึ้น

หมิงเวยหยิบขลุ่ยที่เหน็บเอาไว้ตรงหลังเอวออกมาจรดริมฝีปาก

“วู…” เสียงขลุ่ยไร้ทำนองเป็นเสียงเรียบๆ ธรรมดา คลื่นเสียงถูกส่งไปยังใต้น้ำประสานกันกับเสียงกู่ฉินของหนิงซิว

“เจิง…” เสียงกู่ฉินดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้น

หมิงเวยฟังเงียบๆ

เสียงกู่ฉินที่ดังออกมา นางได้นำเสียงขลุ่ยไปประสานเข้าด้วยกัน คลื่นเสียงไม่ได้สลายไปเป็นเวลานานแต่กลับวนอยู่บนผิวน้ำอย่างช้าๆ แล้วกระแสน้ำวนก็ปรากฏขึ้นที่อุโมงค์ใต้สะพาน

“เจิงๆ!”

“วู…” กระแสน้ำวนเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คลื่นซัดเร็วมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้นก็มีเลือดกระเซ็นออกมา หมิงเวยหันหน้าไปตะโกน “ระวัง! อสูรน้ำกำลังจะหนี”

ตี๋ฝานตะโกน “เร็วเข้า! เตรียมสกัดกั้น”

“ขอรับ!” สิ้นเสียงนั้นก็เห็นว่ามีคลื่นน้ำพุ่งออกมาจากอุโมงค์ใต้สะพาน

“เคร้งๆๆ!” เสียงแหลมบาดหูของฆ้องดังขึ้นหลายรอบทำให้อสูรน้ำตกใจกลัวแล้วหันหนีไปทางอื่น

หยางชูกระโดดขึ้นจากน้ำ เขาตวัดกระบี่ไปมาไม่หยุดโดยหันกระบี่ไปในมุมที่แปลกออกไปแล้วเฉือนเข้าที่หัวของอสูรน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดแผล

หนิงซิวจับสายกู่ฉินค้างไว้แล้วมองเขา

อสูรน้ำไม่ได้หนีไปไกลเนื่องจากอาการบาดเจ็บ อีกด้านยังมีการซุ่มโจมตีอีก เสียงฆ้องดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อตาข่ายจับปลาเคลื่อนเข้ามาใกล้มันจึงหนีไปอีกทาง

เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนวงล้อมเริ่มแคบลง

นอกจากนี้พวกหยางชูทั้งสี่คนยังคอยสร้างบาดแผลให้มันเป็นครั้งคราวจนอสูรน้ำเริ่มอ่อนแรงลง และในที่สุดก็เข้าไปติดในตาข่ายจับปลา

ตี๋ฝานสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทันที ตาข่ายจับปลาก็ถูกห่อหุ้มไว้เป็นชั้นๆ เพื่อดักจับอสูรน้ำ และลากขึ้นฝั่ง

หยางชูถูจมูกเขาบิดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นไปหมดและสั่งการ “ส่งคนลงไปดูหน่อย ใต้น้ำเหมือนจะมีอะไรบางอย่างข้าเหลือบไปมองแต่เห็นไม่ชัด”

ตี๋ฝานรับคำแล้วให้คนที่ว่ายน้ำได้ดีดำลงไปในอุโมงค์ใต้น้ำ

ผ่านไปไม่นานทหารที่ดำลงไปก็ขึ้นมารายงานว่า “ใต้เท้า ข้างใต้มีรูและมีกระดูกมากมายอยู่ในนั้นขอรับ!”

เกาฮ่วนเลิกคิ้ว “เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลายปีนี้คนที่ตกลงไปในน้ำแล้วหากระดูกไม่เจอจะอยู่ในนั้น”

ทหารคนนั้นกลับตอบว่า “ใต้เท้า ดูเหมือนจะไม่ใช่ขอรับกระดูกพวกนั้นดูเหมือนก่อนเสียชีวิตจะได้รับบาดเจ็บมา”

……………