บทที่ 222 เลี้ยงตอบแทน

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว สู้เขาบอกราคามาเลยดีกว่า

แน่นอนว่าราคานี้ก็ยังเป็นราคาต้นทุนอยู่ดี และเป็นราคาที่ท่านหมอเมิ่งรับมาจากชาวไร่สมุนไพร ไม่ได้คิดค่าหลอมยาเลยสักนิด

ดูจากเรื่องนี้ก็รู้เลยว่าท่านหมอเมิ่งดีกับจางซิ่วเอ๋อจริง ๆ

ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ไปหยิบตำลึงเงินมาให้ท่านหมอเมิ่ง

เป็นเช่นนี้แล้ว ตำลึงเงินของนางจึงลดลงไปไม่น้อย

จางซิ่วเอ๋อพบว่า ไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือยุคปัจจุบัน ก็ถือหลักที่ว่ามีอะไรก็ได้แต่อย่ามีโรค ขาดอะไรก็ได้แต่อย่าขาดเงิน

โชคดีที่ตอนนี้นางมีตำลึงเงินอยู่บ้าง ถ้าดันมาป่วยตอนไม่มีตำลึงเงินนี่ชีวิตคงได้หาไม่

จางซิ่วเอ๋อสั่งให้จางชุนเถาเอาข้าวต้มไปให้แม่โจว

เนื่องจากเป็นแค่ข้าวต้มเหลว ๆ จางซิ่วเอ๋อจึงไม่ค่อยกังวลว่าคนตระกูลจางจะแย่ง

ตอนนี้นางกำลังเตรียมไก่ตุ๋นโสม ที่บ้านไม่มีแม่ไก่แต่มีไก่ป่า พอทดแทนได้อยู่ จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ว่ารอให้ตัวเองเข้าเมืองเมื่อใด ต้องซื้อแม่ไก่มาบำรุงแม่โจวสัก 2 ตัว

ส่วนในหมู่บ้านเหรอ? ตอนนี้เป็นฤดูออกไข่ คนทั่ว ๆ ไปไม่ขายไก่กันหรอก

มีแต่ต้องไปซื้อกับคนที่เลี้ยงไก่โดยเฉพาะถึงในเมือง

จางชุนเถาบรรจุข้าวต้มหนึ่งถ้วยและไข่หนึ่งฟองลงในตะกร้าสาน และเดินไปที่บ้านตระกูลจาง

จางอวี่หมินเห็นจางชุนเถาแต่ไกลจึงรีบออกมา พลางมองเข้าไปในตะกร้า

จางชุนเถาถลึงตาใส่จางอวี่หมิน “ท่านอาเล็ก เจ้ามองหาอะไรรึ หรือเจ้าอยากกินข้าวต้ม แต่นี่เป็นข้าวต้มที่พี่ข้าตั้งใจทำมาให้แม่….เจ้าคงไม่คิดจะแย่งใช่ไหม?”

จางชุนเถาแหกปากลั่นขณะที่พูด หากมีใครผ่านบ้านตระกูลจางตอนนี้ ต้องได้ยินในสิ่งที่จางชุนเถาพูดแน่ ๆ

จางอวี่หมินหน้าร้อนผ่าว “ข้าแค่อยากดูว่ามีของดีอะไรไหม ข้ากลัวว่าจางซิ่วเอ๋อจะพูดโม้ไปอย่างนั้น สุดท้ายก็ไม่ยอมทำของดี ๆ มาให้พี่สะใภ้สี่”

จางชุนเถาเลิกผ้าบนตะกร้า เผยให้เห็นข้าวต้มและไข่ไก่

จางอวี่หมินผิดหวังเล็กน้อย นึกว่าจะเป็นของอย่างปลาอย่างเนื้อเสียอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นแค่ข้าวต้มกับไข่ ของแบบนี้คนอื่นในตระกูลจางอาจจะไม่ได้กิน แต่ตัวนางเองได้กินอยู่บ่อย ๆ

ถึงกระนั้นนางเห็นไข่แล้วก็ยังอยากกินอยู่ดี

ตาของจางอวี่หมินเป็นประกาย “ไข่ไก่นี่…..”

“ไข่ไก่ทำไมหรือ? เจ้าเห็นว่าไข่ไก่นี่เล็กไปจึงอยากเอาฟองใหญ่กว่านี้ให้แม่ข้าหรือ? งั้นก็ดีเลย!” จางชุนเถาพูดเสียงดัง

จางอวี่หมินโดนจางชุนเถาพูดใส่อย่างนี้แล้ว จึงไม่อาจเอ่ยปากให้จางชุนเถาเหลือไข่ไก่ไว้ให้อีก

แต่ก็เพราะของที่จางชุนเถานำมาครั้งนี้ไม่ได้ดีเท่าใด จางอวี่หมินจึงไม่ได้อยากกินมาก ถ้าของที่นำมาเป็นจำพวกเนื้อ นางคงไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้

ตอนนี้จางต้าหูกำลังดูแลแม่โจวอยู่ในห้อง

ตอนที่แม่เฒ่าจางไม่อยู่ จางต้าหูยังถือว่าเป็นห่วงแม่โจวมาก นี่อย่างไรล่ะ เมื่อครู่นี้เขายังถามไถ่นางด้วยความเป็นห่วงอยู่ตลอด

ทว่าต่อให้เวลานี้จางต้าหูจะทำตัวดีขนาดไหน แม่โจวก็หมดใจกับเขาไปแล้ว

ตอนนี้ทำดีกับนางแล้วอย่างไร? หากแม่เฒ่าจางสั่งมาสุดท้ายก็เหมือนเดิมอยู่ดีไม่ใช่หรือ? จางต้าหูจะดูแลเอาใจใส่แม่โจวแบบนี้หรือ?

จางต้าหูเห็นจางชุนเถาเข้ามา จึงกวาดสายตามองของที่อยู่ในถ้วยของจางชุนเถา

จางชุนเถาปอกไข่ แกะเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ในข้าวต้ม ก่อนจะป้อนให้แม่โจวกิน

จางต้าหูกลืนน้ำลาย นั่นไข่ไก่เลยนะ เขาไม่ได้กินไข่ไก่เต็มฟองมานานเท่าใดแล้ว? ครั้งก่อนที่ได้กินไข่เป็นตอนที่มีรสนิดหน่อยปนมาในกับข้าว แต่ของแบบนั้นจะได้ลิ้มรสสักแค่ไหนเชียว?

จางชุนเถาสัมผัสได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนเป็นพิเศษของจางต้าหู

แต่พอนึกถึงสิ่งที่จางต้าหูทำ หัวใจของจางชุนเถาก็กระด้างเย็นชาขึ้น

“ท่านแม่ เดี๋ยวตอนเที่ยงข้าจะส่งข้าวมาให้อีกนะเจ้าคะ” จางชุนเถาทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็ไม่อยากอยู่ที่บ้านตระกูลจางต่อแม้แต่นาทีเดียว

“นี่! เด็กคนนี้นี่ จะไปก็ไม่ทักทายข้าเลย แม่เจ้าสอนเจ้าอย่างไรกัน!” จางต้าหูรู้สึกคุกรุ่นในใจ

“ชายไร้การอบรมเป็นความผิดของบิดา ท่านพ่อ ที่ข้าเป็นแบบนี้ก็เพราะท่านพ่อสอนมาไม่ดี เลิกเอาแต่โทษท่านแม่ได้แล้ว” จางชุนเถาได้เรียนรู้มาจากบัณฑิตจ้าวมาก แม้ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงขึ้นพูดเป็นบทกวีได้ แต่คนทั่ว ๆ ไปก็เทียบนางไม่ได้แล้ว

จางต้าหูฟังแล้วชะงักงันไป ครู่ใหญ่ถึงพึมพำออกมา “เจ้าไม่ใช่ลูกชายสักหน่อย”

แต่ตอนนี้จางชุนเถาได้เดินจากไปแล้ว จางต้าหูจึงได้แต่พูดให้ตัวเองฟังเท่านั้น

แม่โจวกินข้าวแล้วไม่อยากจะชายตามองจางต้าหู นางหลับตาลงทันที

ตอนนี้จางซิ่วเอ๋อต้มโสมและไก่ป่าไว้ด้วยกัน ค่อย ๆ ตุ๋นด้วยไฟเบา ๆ

นางเริ่มจัดการเรื่องอย่างอื่น วันนี้ท่านหมอเมิ่งช่วยนางไว้ตั้งมาก ให้เขาอยู่กินข้าวสักมื้อไม่ได้มากเกินไปเลย แน่นอนว่านางต้องหาทางทำกับข้าวให้หลากหลายหน่อย

จางซิ่วเอ๋อเตรียมกับข้าวหกอย่างและแกงหนึ่งอย่างไว้สำหรับข้าวเที่ยง

ตอนนี้ไปตลาดไม่ได้แล้ว วัตถุดิบที่บ้านก็มีจำกัด ทำได้เท่านี้แหละ

บัณฑิตจ้าวกินข้าวด้วยกันกับทุกคน

ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ แม้แต่เถี่ยเสวียนและเนี่ยหย่วนเฉียวก็นั่งกินข้าวด้วยกันโดยไม่แบ่งแยกนายบ่าว

ส่วนเถี่ยเสวียนและเนี่ยหย่วนเฉียวสองคนถึงดูเหมือนจะเป็นนายกับบ่าว แต่ความจริงแล้วทั้งคู่อยู่กันแบบไม่ต่างจากพี่น้องนัก ขนาดนอนเตียงเดียวกันยังนอนมาแล้ว อย่าว่าแต่กินข้าวโต๊ะเดียวกันเลย

เถี่ยเสวียนยิ่งไม่ใช่คนประเภทอึกอักเจ้าระเบียบ

แม้ว่าคนที่โต๊ะอาหารจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าใด แต่ทุกคนก็อยู่กันด้วยบรรยากาศกลมเกลียว

โดยเฉพาะบัณฑิตจ้าว เขาดูเป็นคนอ่อนแอขี้โรค และคุยด้วยง่ายมาก เขาไม่มีความหยิ่งผยองที่คนเรียนหนังสือมักมี กลับเข้ากันได้กับทุกคน

สมัยหนุ่ม ๆ เขาอาจจะยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นพิเศษกว่าใคร แต่มาถึงบัดนี้แล้ว เขากลับปลงในหลาย ๆ อย่าง

โดยเฉพาะหลังจากที่เขาป่วยแล้วมีคนยอมร่วมกินข้าวโต๊ะเดียวกับเขา เท่านี้เขาก็ซาบซึ้งมากแล้ว

ที่บ้านจางซิ่วเอ๋อ เนี่ยหย่วนเฉียวและเถี่ยเสวียนทราบอาการของเขาดี แม้ว่าสองคนนี้จะไม่ใช่คนพูดมาก แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเขา ทำให้บัณฑิตจ้าวซึ้งใจเหลือคณา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่านหมอเมิ่งที่รักษาเขา

ที่บ้านไม่มีเหล้าแล้ว จางซิ่วเอ๋อเป็นห่วงแม่โจวอยู่ ไม่มีทางกินเหล้า ทุกคนจึงกินข้าวกันเฉย ๆ

จางซิ่วเอ๋อกินเสร็จก็กล่าวขอโทษ หยิบเอาแกงไก่และข้าวที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มุ่งหน้าไปที่บ้านตระกูลจาง

นางบอกให้จางชุนเถาอยู่เก็บจานล้างจาน ของที่นำไปครั้งนี้เป็นแกงไก่ หากจางชุนเถาเป็นคนนำไป จางซิ่วเอ๋อกลัวว่านางจะต่อกรกับทางนั้นไม่ไหว

หลังจากจางซิ่วเอ๋อออกเดินทางแล้ว เถี่ยเสวียนก็มาถามไถ่จางชุนเถาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เนี่ยหย่วนเฉียวก็ถามจางซิ่วเอ๋อแล้ว แต่จางซิ่วเอ๋อไม่ยอมปริปากสักคำ