บทที่ 339 บอกเหตุผลมาสักข้อหนึ่ง + บทที่ 340 ข้าไม่สนใจอดีตของเจ้า

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 339 บอกเหตุผลมาสักข้อหนึ่ง

หลิงอ๋องรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเห็นหลิงหลัวมีท่าทีเช่นนั้น ‘ลูกชายของเขายังสบายดีอยู่ใช่หรือไม่’

หากหนิงเมิ่งเหยายังไม่แต่งงาน พวกเขาก็ยังพอมีโอกาสเอาตัวนางกลับมาได้ แต่ตอนนี้ นางคือภรรยาของแม่ทัพใหญ่แล้ว

“ถึงนางจะแต่งงานแล้ว แล้วอย่างไร คู่สามีภรรยาก็หย่าร้างกันได้” หลิงหลัวเอ่ยอย่างไม่แยแส

ก่อนที่หลิงอ๋องจะทันพูดอะไร เขาก็หมุนตัวและเดินจากไป เพราะไม่อยากจะสนทนาเรื่องนี้ต่อ

หลังจากกลับมาถึงลานบ้าน หลิงหลัวก็พบเซียวจื่อเซวียน และดวงตาของเขาก็สั่นไหว ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าจะให้อิสรภาพแก่เจ้า จงออกไปจากจวนตระกูลหลิงเดี๋ยวนี้”

ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวจื่อเซวียนก็แข็งเกร็งไป ก่อนจะมองผู้เป็นสามีอย่างไม่อยากเชื่อ “ท่านพูดอะไรน่ะ หลิงหลัว ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน” ก่อนหน้านี้ เขาหยุดพูดจาเช่นนี้แล้ว แต่เหตุใดจู่ๆ ตอนนี้เขาจึงพูดมันขึ้นมาตอนนี้

“ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ”

หลิงหลัวหรี่ตามอง แต่ไม่ใส่ใจเซียวจื่อเซวียนนัก “เราจะหย่ากัน หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกมา”

เมื่อเซียวจื่อเซวียนเห็นท่าทีหลิงหลัวเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นว้าเหว่เหลือเกิน นางมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “หลิงหลัว ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่”

หลิงหลัวไม่ตอบ และมองนางเงียบๆ

เซียวจื่อเซวียนหัวเราะกับตนเอง “ข้ารู้แล้ว ข้าคิดว่าเราจะกลับมาอยู่ร่วมกันเหมือนวันเก่าได้ แต่ท่านเปลี่ยนไปแล้ว ท่านยอมแลกทุกสิ่งเพื่ออำนาจบารมี เหมือนกับครั้งที่ท่านยอมทิ้งหนิงเมิ่งเหยาไปนั่นแหละ”

เมื่อเซียวจื่อเซวียนพูดชื่อหญิงสาวอีกคนขึ้นมา ท่าทีของหลิงหลัวก็เปลี่ยนไป ก่อนจะจ้องมองอีกฝ่าย “หุบปาก”

นางหัวเราะ “ทำไมข้าต้องเงียบด้วย หรือว่าข้าพูดแทงใจดำท่านเล่า ท่านอยากจะหย่ากับข้า ได้เลย แต่ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขอหย่ากับข้าหรือ ข้าทำสิ่งชั่วร้ายอะไรเกินกว่าจะให้อภัยได้หรือ”

เซียวจื่อเซวียนมิได้กระทำผิดต่อบัญญัติเจ็ดประการ  แล้วเขาจะมีสิทธิ์มาขอหย่ากับนางได้เช่นไรกัน

หลิงหลัวมองนางก่อนจะยิ้มมุมปาก

“เพราะข้าต้องการจะหย่ากับเจ้าน่ะสิ ต้องการเหตุผลอะไรอีกหรือ”

“ฮ่าๆ หลิงหลัว ท่านคิดว่า หากทำเช่นนี้แล้ว หนิงเมิ่งเหยาจะยอมกลับมาอยู่กับท่านหรือ หยุดเพ้อฝันเสียทีเถอะ” เขาทำเช่นนี้เพียงเพื่อต้องการให้หนิงเมิ่งเหยากลับมาอยู่เคียงข้างเขา

แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว หนิงเมิ่งเหยาในปัจจุบันนั้น มิใช่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครให้พึ่งพาอีกแล้ว แต่นางเป็นถึงลูกสาวผู้หายสาบสูญไปของผู้สำเร็จราชการ หากลองตรองดูแล้วจะรู้ว่านางมีค่ามากเพียงใด  ส่วนหลิงหลัวนั้นเป็นใครกัน คิดหรือว่าหนิงเมิ่งเหยาจะยอมกลับไปหาเขา แค่เพียงเพราะเขาต้องการเช่นนั้นน่ะหรือ

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

เซียวจื่อเซวียนหัวเราะ ก่อนมองหลิงหลัวอย่างเหยียดหยาม “จริงอยู่ว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่หลิงหลัว ท่านคิดจะยอมแลกภรรยากับลูก เพียงเพื่อให้ได้ตัวนางมาเช่นนั้นหรือ อย่าแม้แต่จะคิดเลย หากท่านต้องการจะหย่ากับข้า ก่อนอื่น ท่านไปถามพ่อของข้าก่อนดีกว่า ว่าเขายินยอมหรือไม่”

เมื่อเซียวจื่อเซวียนเอ่ยถึงเซียวอ๋อง หลิงหลัวก็หน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะมองนางอย่างหมดความอดทน “เจ้าคิดจะทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากขึ้นหรือ”

“ยุ่งยากหรือ แล้วตอนนั้นใครกันที่มาเยี่ยมเยือนและสู่ขอข้า หลังจากได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ และเมื่อเห็นว่าข้าไร้ประโยชน์แล้ว ท่านก็คิดจะเขี่ยข้าทิ้งเช่นนี้หรือ หลิงหลัว ท่านคิดว่าข้าเป็นใครกัน” เซียวจื่อเซวียนมองอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง หากนางไม่โดนชายผู้นี้หลอกลวง ตอนนี้ชีวิตของนางจะเป็นเช่นไรกัน

หลิงหลัวหมดความอดทน แต่ยังรู้สึกเกรงกลัวจวนตระกูลเซียวอยู่ เขาจึงไตร่ตรองอย่างหนัก จนในที่สุด เขาก็ตัดสินใจจะตามหาหนิงเมิ่งเหยา และตราบใดที่นางยอมช่วยกดดันจวนตระกูลเซียว การหย่าร้างระหว่างเขากับเซียวจื่อเซวียนก็จะไม่มีปัญหาใดๆ

ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้

เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวที่จากไปอย่างเร่งรีบ ก่อนยิ้มอย่างขมขื่น และกลับไปยังห้องของตน นางมองดูใบหน้าอันอ่อนโยนของลูกตนเอง

เซียวจื่อเซวียนเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเด็กน้อยอย่างแผ่วเบา สีหน้าของนางเคร่งเครียด “ไม่ว่าอย่างไร แม่จะไม่ยอมให้ผู้อื่นมาแย่งชิงสิ่งที่เป็นของของเจ้าไปอย่างเด็ดขาด”

หลังจากหลิงหลัวออกมาจากจวนของเซียวจื่อเซวียน เขาก็มุ่งหน้าไปที่จวนของแม่ทัพใหญ่ เพราะต้องการตามหาหนิงเมิ่งเหยา

เขาไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองในโลกนั้น จะเทียบไม่ได้กับความสัมพันธ์เพียงหนึ่งถึงสองปีของนางกับเฉียวเทียนช่าง

‘นางทำเช่นนี้เพียงเพราะต้องการให้เขารู้สึกเสียใจเท่านั้น’

‘ใช่ มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่’

หลิงหลัวคิดปลอบใจตนเอง และเมื่อมาถึงจวนแม่ทัพ เขาก็เดินเข้าไป “ข้ามาพบนายหญิงของท่าน”

คนเฝ้าประตูมองหลิงหลัว ก่อนตอบ “โปรดรอก่อนขอรับ ข้าจะไปแจ้งให้นางทราบ”

บทที่ 340 ข้าไม่สนใจอดีตของเจ้า

ภายในจวนแม่ทัพ หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกำลังฟังเรื่องราวในอดีตของหนานกงเยี่ยน หรือจะกล่าวให้ชัดคือเป็นหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังนั่งฟังหนานกงเยี่ยนเล่าถึงประสบการณ์ของตนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้ฟัง ในขณะที่เฉียวเทียนช่างนั่งอยู่ข้าง ๆ

เฉียวเทียนช่างเงยหน้าขึ้นและเห็นข้ารับใช้ผู้หนึ่งกำลังทำท่าละล้าละลังไม่กล้าเข้ามาในห้องยืนอยู่ เขาขมวดคิ้ว “เข้ามา”

“ท่านแม่ทัพ ฮูหยิน ท่านอ๋อง”

“มีเรื่องอันใดหรือ”

“ซื่อจื่อแห่งจวนตระกูลหลิงมาที่นี่ขอรับ เขาบอกว่าต้องการพบฮูหยิน”

คำพูดขององครักษ์รักษาประตูทำให้หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินชื่อของหลิงหลัว นางก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมาในใจเสียทุกครั้ง

“เขาต้องการอะไร” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างไม่สบอารมณ์

เฉียวเทียนช่างส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าอยากพบเขาไหม”

“บอกให้เขากลับไป… ไม่ดีกว่า เราไปพบเขาและจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไปเลยก็แล้วกัน”

หนิงเมิ่งเหยาพึมพำออกมาเบาๆ ดวงตาของนางมีความหงุดหงิดอยู่ภายใน

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า เขามองคนที่อยู่ด้านข้าง

หลิงหลัวรออยู่ด้านนอกครู่ใหญ่ พอเขาเริ่มจะมีโทสะ ในที่สุดองครักษ์ผู้นั้นก็กลับมา “ท่านแม่ทัพเชิญท่านเข้าไปขอรับ กรุณาตามข้ามา”

หลิงหลัวนิ่วหน้าแต่ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเดินตามหลังองครักษ์ผู้นั้นเข้าไปด้านใน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิงหลัวมาที่แห่งนี้ เมื่อมาถึงห้อง เขาก็ได้ยินเสียงของชายแปลกหน้าวัยกลางคนผู้หนึ่ง ครุ่นคิดเพียงเล็กน้อยเขาก็รู้ว่าเสียงนั้นน่าจะเป็นหนานกงเยี่ยน ผู้สำเร็จราชการจากเมืองหลิง

“คารวะผู้สำเร็จราชการ” เขาเป็นบิดาของหนิงเมิ่งเหยา และอาจเป็นว่าที่พ่อตาในอนาคตของเขาด้วย ดังนั้นหลิงหลัวจึงไม่อาจทำตัวหยาบคายต่อเขาได้

หนานกงเยี่ยนมองหลิงหลัว เขายิ้มออกมาอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร จากนั้นเขาจึงหันไปมองเฉียวเทียนช่าง “เทียนช่าง ข้าจะพักอยู่ที่นี่สักพัก ช่วยบอกให้คนตระเตรียมห้องหับให้กับข้าด้วย ข้าจะไปพักเสียหน่อย” เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการพบหลิงหลัว

เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วพยักหน้า “ขอรับ โปรดรอสักครู่ขอรับท่านพ่อตา” จากนั้นเฉียวเทียนช่างก็เรียกยายฉินเข้ามาเพื่อให้พาหนานกงเยี่ยนออกไปพักผ่อน

หลังจากหนานกงเยี่ยนออกไป เฉียวเทียนช่างจึงหันไปมองหลิงหลัว “ข้าสงสัยนักว่าเหตุใดซื่อจื่อแห่งจวนตระกูลหลิงจึงมาที่นี่”

“ข้าไม่ได้มาหาเจ้า ข้ามาหาเหยาเอ๋อร์ ข้ามีบางสิ่งต้องคุยกับนางเป็นการส่วนตัว หวังว่าท่านแม่ทัพจะออกไปเสีย” ไม่มีความสุภาพใดๆ อยู่ในคำพูดของหลิงหลัว เขาทำเหมือนกับว่าจวนแม่ทัพแห่งนี้เป็นจวนของตน และเฉียวเทียนช่างนั้นเป็นเพียงแขกผู้ไม่ได้รับเชิญผู้หนึ่งเท่านั้น

เฉียวเทียนช่างตวัดสายตามองหลิงหลัว ก่อนจะหันไปมองหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา เจ้าต้องการคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวหรือ”

“ระหว่างข้ากับเขา เราไม่มีอะไรที่ต้องพูดคุยกัน เจ้าเป็นสามีของข้า ดังนั้นเจ้ามีสิทธิ์ที่จะฟังทุกสิ่ง” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “มีอะไรก็พูดมา”

เมื่อหลิงหลัวเห็นท่าทางที่หนิงเมิ่งเหยาแสดงออกมา เขารู้ได้ทันทีว่าตอนนี้นางคงไม่อยากพูดจาอ้อมค้อมกับเขาเท่าใดนัก หลิงหลัวขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น และหลังจากเหลือบมองเฉียวเทียนช่างแวบหนึ่ง สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้นว่า “เหยาเอ๋อร์ ข้าหวังว่าเจ้าจะกลับมาอยู่ข้างกายข้า”

หนิงเมิ่งเหยาทำหน้าราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องตลก นางเอ่ยเยาะหลิงหลัวว่า “แล้วเจ้ากำลังใช้ฐานะอันใดมาบอกให้ข้าทำเช่นนั้นหรือ”

“เหยาเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้า ตราบใดที่เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายข้า เช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะเคยอยู่กับชายใดมาก่อน” หลิงหลัวมองหนิงเมิ่งเหยาพลางเอ่ยคำพูดที่ตนคิดว่าเปี่ยมไปด้วยความรักออกมา แต่คำพูดเหล่านั้นกลับทำได้เพียงยั่วโมโหหนิงเมิ่งเหยาเท่านั้น

หนิงเมิ่งเหยาเคลื่อนสายตาไปจ้องหลิงหลัวผู้ทำตัวราวกับว่าสิ่งที่ตนเอ่ยนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องและจริงแท้แน่นอนที่สุดออกมา แล้วนางก็เหยียดยิ้มขึ้น “ดูเหมือนว่าพอฐานะของข้าเปลี่ยนไป ไม่เพียงแค่หัวใจเจ้าเท่านั้นที่เปลี่ยนไปด้วย แม้แต่หนังหน้าเจ้าก็หนาขึ้นเช่นกัน” ชายผู้นี้สามารถเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมาได้ราวกับว่านางเป็นผู้กระทำผิด

เหมือนหลิงหลัวจะไม่ทันได้ยินน้ำเสียงเยาะหยันในประโยคที่หนิงเมิ่งเหยาเอ่ย เขามองหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์ พวกเราเป็นเนื้อคู่กัน เจ้าแน่ใจหรือว่าถ้าหากเขารู้อดีตของเจ้าแล้ว เขาจะยังปฏิบัติต่อเจ้าเช่นเดิมได้อีก”

แน่นอนว่าหนิงเมิ่งเหยารู้ดีว่าหลิงหลัวต้องการบอกอะไร เขาหมายถึงเรื่องที่พวกเขาข้ามยุคมาเกิดใหม่ใช่ไหม

“ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่เจ้าจะต้องมาห่วงเรื่องนั้น เทียนช่างรู้อยู่แล้ว ข้าบอกเขาไปตั้งนานแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

หลิงหลัวเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ “เป็นไปได้อย่างไร เจ้าบอกเรื่องนั้นกับเขาไปดื้อๆ เช่นนั้นได้อย่างไร”

“ทำไมข้าจะบอกเขาไม่ได้ล่ะ เขาเป็นสามีของข้า ข้าจะบอกอะไรเขาก็ได้” หนิงเมิ่งเหยาไม่สนใจอาการตื่นตกใจของหลิงหลัว แต่กลับมองเขาด้วยสายตาเยาะหยันแทน