หลังจากราชินีเอลฟ์ร่ายเวทเสร็จแล้วก็เดินออกไป ทิ้งให้ออสต้าอยู่คนเดียวในห้องโถง
ในตอนกลางคืน หลังจากที่ชีอ้าวชวางคุยกับเหลิ่งหลิงยวิ๋นและเบนเสร็จแล้วว่าจะออกเดินทางพรุ่งนี้ นางก็กลับไปที่ห้องที่เอลฟ์เตรียมไว้ให้ ในตอนที่ชีอ้าวชวางกำลังจะนอนก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ชีอ้าวชวางสงสัย แต่ก็ยังลุกขึ้นไปเปิดประตู แล้วก็พบว่ามีเอลฟ์หญิงสาวงดงามยืนอยู่
“มีอะไรหรือ? หรือว่าราชินีเรียกพบข้า?” ชีอ้าวชวางมองเอลฟ์ตรงหน้าอย่างสงสัย เอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ดูมีนิสัยอ่อนโยนและใจดี นางแต่งตัวแตกต่างจากเหล่าสาวใช้ทั่วไปเพราะมีลวดลายสีเขียวปักอยู่ที่ชุดสีขาวของนาง เวลานี้นางยืนอยู่ที่ประตูนิ่งงันเป็นเวลานาน
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกำลังจะถามอีกครั้ง แต่เอลฟ์พูดเบาๆ ขึ้นมา “ข้าขอเข้าไปสักพักได้หรือไม่?”
ชีอ้าวชวางรู้สึกฉงนในใจแต่ก็ยังเปิดทางให้เอลฟ์หญิงตรงหน้าเดินเข้ามา
ชีอ้าวชวางปิดประตูแล้วเดินไปในห้องเอลฟ์หญิงยิ้มและแนะนำตัวเอง “สวัสดีคุณหนูแคลร์ ข้าชื่อมอร์นา เป็นผู้อาวุโสของเผ่าเอลฟ์”
“สวัสดี” ชีอ้าวชวางพยักหน้าอย่างสุภาพแล้วพูด “ราชินีมีคำพูดอะไรฝากมาหรือ?”
“โอ้ ไม่ ไม่ใช่หรอก” มอร์นารีบโบกมือด้วยสีหน้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
“ถ้าเช่นนั้น?” ชีอ้าวชวางยิ่งงุนงง เอลฟ์เกลียดมนุษย์ทั้งหมดไม่ใช่หรือ? ทำไมเอลฟ์ตนนี้ถึงมาหาตนเองในยามดึกขนาดนี้ล่ะ?
“ข้า ข้า…” มอร์นารู้สึกประหม่าและอายเล็กน้อย นางมองสายตาที่งงงวยของชีอ้าวชวางแล้วในที่สุดก็พูดออกมา “ข้า ข้าอยากถามเจ้าเกี่ยวกับมนุษย์คนหนึ่ง”
“ห๊ะ?” ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ใคร?”
“คลิฟ”เอลฟ์พูดอย่างเขินอาย
หืม? เมื่อชีอ้าวชวางได้ยินก็ขมวดคิ้วทันที
ข่าวซุบซิบ! คำสามคำนี้ปรากฏขึ้นในใจของชีอ้าวชวางทันที
ชีอ้าวชวางมองการแสดงออกที่ลำบากใจของเอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วนึกได้ว่าอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าเขาเคยช่วยเอลฟ์มาก่อน จากนั้นเขาก็พานางกลับไปที่ป่าเอลฟ์ หรือจะเป็นเอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้านี้?
มอร์นาเห็นการแสดงออกแปลกๆ ของชีอ้าวชวางก็อดท้อไม่ได้แล้วพูด “ข้า ข้าคงจะคิดน้อยเกินไป มนุษย์มีอยู่มากมายขนาดนั้น เจ้าก็อาจจะไม่รู้…”
“ไม่ๆ ผู้อาวุโสท่านถามถูกคนแล้ว คลิฟผู้ที่ท่านกำลังตามหาคืออาจารย์ของข้าเอง เขาเคยเล่าให้ข้าฟังว่าตอนที่เขาเป็นวัยรุ่นเคยช่วยเอลฟ์แล้วพากลับไปส่งที่ป่าเอลฟ์” ชีอ้าวชวางมองเอลฟ์แสนสวยตรงหน้าอย่างรู้สึกเศร้าใจ มนุษย์และเอลฟ์แตกต่างมากเกินไป เมื่อเทียบอายุขัยของมนุษย์ที่มีเพียงแค่หลายสิบปีแต่ของเอลฟ์มีถึงหลายร้อยปี มันเหมือนกับเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก เอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้ายังคงสวยงามและเยาว์วัย แต่อาจารย์กลายเป็นชายชราไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราที่ดูค่อนข้างน่ารักก็ตาม ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว เวลานี้อาจารย์อยู่ที่ไหนกันนะ? ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับนาง อาจารย์ก็หายไปจากในเมืองหลวงแล้ว เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสิ่งที่วิหารแห่งแสงจงใจให้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ชีอ้าวชวางจึงยิ่งนึกถึงชายชราผู้น่ารักผู้นั้นเลย
“หือ! จริงหรือ?” มอร์นาลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นพร้อมใบหน้าแดงก่ำ
“อื้ม” ชีอ้าวชวางพยักหน้า พอนางมองท่าทีของเอลฟ์ที่อยู่ตรงหน้าก็รู้เลยว่าเรื่องระหว่างสองคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เขา ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” มอร์นาตระหนักได้ว่ากิริยาของนางไม่เหมาะสมจึงก้มหน้าลงเพื่อปกปิดท่าทีไม่เหมาะสมของนางแล้วนั่งลง
“เขาสบายดี” ชีอ้าวชวางพยักหน้าแล้วถอนหายใจ อาจารย์ตอนนี้อาจารย์อยู่ที่ไหน? เกิดเรื่องขึ้นกับตนเองใหญ่โตขนาดนี้ อาจารย์น่าจะรู้แล้วนะ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้อาจารย์กำลังทำอะไรอยู่?
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว…” มอร์นาพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นช้าๆ พร้อมรอยยิ้มขมขื่นที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยของนาง จากนั้นนางก็พูดออกมาด้วยความยากลำบาก “เขาคงจะแต่งงานแล้วใช่หรือไม่? ตอนนี้คงจะมีหลานแล้วสินะ?”
ชีอ้าวชวางมองความเจ็บปวดของเอลฟ์และส่ายหัวเบาๆ “ไม่ใช่ อาจารย์ไม่เคยแต่งงาน เขาไม่มีภรรยา แล้วจะมีหลานได้อย่างไรล่ะ?”
“อะไรนะ?” สีหน้าของมอร์นาเปลี่ยนไปทันที “เขาไม่ได้แต่งงานจริงๆ หรือ? เขาไม่ได้…”
ชีอ้าวชวางเข้าใจทันทีว่าอาจจะมีข้อตกลงกันบางอย่างระหว่างอาจารย์และเอลฟ์ตนนี้ หรือไม่ก็อาจารย์อาจจะสัญญาอะไรบางอย่างไว้กับเอลฟ์ตนนี้เมื่อครั้งยังเด็ก เขาจึงไม่แต่งงาน ไม่มีภรรยาและลูก
“ใช่ ข้าเกรงว่าในใจของอาจารย์คงจะมีใครคนหนึ่งอยู่ในนั้นแล้ว” ชีอ้าวชวางมองท่าทีหมดอาลัยตายอยากของเอลฟ์แล้วพูดต่อ “คนที่อยู่ในหัวใจของอาจารย์ก็คือท่านสินะ ผู้อาวุโสมอร์นา”
มอร์นาอยู่ในอาการงุนงง นางเงียบไปสักพักแล้วพูด “ช่างเป็นคนที่โง่จริงๆ เขาโง่จริงๆ เวลาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว…”
“อาจารย์คงคิดว่ามันคุ้มค่า และเขาก็เต็มใจที่จะทำสิ่งนี้” ชีอ้าวชวางมองท่าทางเหม่อลอยของเอลฟ์ตรงหน้าและถอนหายใจเบาๆ “ทำไมตอนนั้นท่านถึงไม่อยู่กับอาจารย์ล่ะ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเอลฟ์ก็นิ่งลง นางเงียบไปเป็นเวลานานก่อนที่จะค่อยๆ พูดขึ้นมา “ช่วงชีวิตของมนุษย์มีเพียงแค่ไม่กี่สิบปี แต่ช่วงชีวิตของข้าต้องอยู่หลายร้อยปี ข้าไม่อยากทนดูเขาต้องจากไป มนุษย์กับเอลฟ์จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรล่ะ?”
ชีอ้าวชวางมองมอร์นาเงียบๆ แล้วค่อยๆ พูด “ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเอง ตอนนี้ท่านก็รู้แล้วว่าเขายังสบายดีและก็คิดถึงท่านอยู่ตลอด แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?”
“พอแล้ว ข้าพอใจแล้ว” มอร์นายิ้ม นางถอดสร้อยคอออกแล้วยื่นให้ชีอ้าวชวาง “ข้ารบกวนเจ้านำสิ่งนี้ไปมอบให้เขาที ฝากบอกเขาว่าหัวใจของข้าจะอยู่กับเขาตลอดไป”
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วแล้วรับสร้อยคอมา เอลฟ์ที่สงวนท่าทีและเก็บตัวมาตลอดกลับพูดคำเช่นนั้นออกมา ดูเหมือนว่าอาจารย์ก็ยังคงอยู่ในใจของนางเสมอไม่ต่างกัน
“ข้าจะบอกให้” ชีอ้าวชวางเก็บสร้อยคอและพูดสัญญา “ข้าจะนำคำพูดของท่านไปบอกอาจารย์ให้ค่ะ” ทุกคนล้วนมีทางเลือกของตัวเอง ชีอ้าวชวางก็ไม่อาจรู้ได้ว่าทำไมคลิฟและเอลฟ์ถึงเลือกทางแบบนี้ แต่ชีอ้าวชวางก็เลือกที่จะเคารพในการเลือกของพวกเขา
“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามาก” มอร์นายืนขึ้นเพื่อจะคำนับแต่ชีอ้าวชวางหยุดนางเอาไว้
ชีอ้าวชวางยิ้ม “ข้าไม่กล้าที่จะรับความเคารพของท่านหรอก หากอาจารย์รู้เข้าคงจะถลกหนังข้าแน่ๆ”
มอร์นาหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“จริงสิ สิ่งนี้สำหรับท่าน” ชีอ้าวชวางคิดอยู่พักหนึ่งแล้วหยิบของขวัญสามชิ้นที่คลิฟเคยมอบให้นางก่อนหน้านี้ออกมามามอบให้มอร์นาทั้งหมด
มอร์นามองสิ่งของในมือแล้วมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างสงสัย ชีอ้าวชวางพูดพร้อมรอยยิ้ม “สิ่งเหล่านี้อาจารย์เป็นผู้สร้างขึ้นทั้งหมด ข้าคงไม่ใช้ของเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว ถือว่าข้ามอบให้ท่านเป็นของที่ระลึกแทนใจนะ”
“เขาทำขึ้นเองทั้งหมดเลยหรือ?” มอร์นามองสิ่งที่อยู่ในมือด้วยความดีใจ
“ค่ะ” ชีอ้าวชวางพยักหน้า “เก็บไว้เถอะค่ะ ถ้าอาจารย์รู้ว่าข้าให้ท่าน เขาคงจะยกย่องข้าแน่ บางทีเขาอาจจะสอนคาถาต้องห้ามทั้งหมดกับข้าก็ได้” ชีอ้าวชวางยิ้ม
มอร์นามองของในมือแล้วลูบมันเบาๆ ชีอ้าวชวางเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจอีกครั้ง
สุดท้ายมอร์นาก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ชีอ้าวชวางปิดประตูและนอนลง แต่ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ ในใจของนางคิดถึงคนรอบตัวในตอนอดีต ตอนนี้อาจารย์อยู่ที่ไหน เวลานี้ซัมเมอร์เป็นอย่างไรบ้าง? จินเหยียนที่สาบานว่าจะอยู่เคียงข้างตนเองตลอดไปล่ะ หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นจะยังคงยืนยันที่จะพูดเช่นนี้หรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของดยุกกอร์ตั้นนะ พอนึกถึงคนๆ นี้ หัวใจของชีอ้าวชวางก็เหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ดยุกกอร์ตั้น! ชายผู้ที่ยอมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออำนาจ! ตนเองจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่!
ณ เมืองหลวงของประเทศอันพาแกรนด์ในขณะนี้
ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ราเซียกำลังนั่งสมาธิอยู่ในบ้านของโมซาผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์
“ราเซีย…” โมซาเคาะประตูเบาๆ
“เข้ามาสิคะ” ราเซียพูดน้ำเสียงเย็นชา
โมซาค่อยๆ เปิดประตูเดินเข้ามา เมื่อเห็นราเซียที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็บีบแน่นไปชั่วขณะ ตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น ราเซียก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฮิลล์และไม่ได้กลับไปอีกเลย นางมาอยู่ฝึกฝนอยู่ที่บ้านเขาและเอาแต่ฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้นางเปลี่ยนจากเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาชอบหัวเราะเป็นคนที่เย็นชากับทุกคนไปแล้ว แววตาของโมซามีความทุกข์อยู่ในนั้น สำหรับเขาแล้วเด็กคนนี้คือศิษย์ผู้ฉลาดและอัจฉริยะที่สุด โมซารักนางมาก การที่ได้เห็นนางเป็นแบบนี้จะไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไร ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะปิดใจของนางไปหมดแล้ว
“ราเซีย ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยฝึกต่อ” โมซาพูดเบาๆ
“ค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณอาจารย์ค่ะ” น้ำเสียงของราเซียยังคงเย็นชาและราบเรียบ แต่นางก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
เมื่อเห็นดังนั้น โมซาก็ถอนหายใจ จากนั้นก็เดินออกจากห้องแล้วปิดประตู เขารู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะพูดมากแค่ไหนก็ไร้ผล ส่วนสิ่งที่ดยุกกอร์ตั้นส่งคนมาพูดอะไรนั้นโมซาก็ไม่ได้เอ่ยถึงเลย ดยุกกอร์ตั้นตามราเซียกลับบ้านตั้งกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ แต่ราเซียก็ทำเป็นหูหนวกตาบอด ไม่เคยยอมไปพบกับคนที่ดยุกกอร์ตั้นส่งมาเลย นางบอกเพียงแค่ว่านางอยากจะฝึกฝนด้วยความสงบ ไม่อยากพบใครทั้งนั้น
ราเซียมองประตูที่ปิดอยู่นั้นแล้วค่อยๆ หลับตาลง พูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน “ข้ารู้ว่าท่านพี่จะต้องกลับมา ท่านพี่ ข้าจะรอท่านพี่นะ” ราเซียหลับตาลงเบาๆ แล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา ก่อนที่มันจะเหือดแห้งไป
ณ คฤหาสน์ของดยุกการ์ตั้น
ภายในห้องหนังสือ ดยุกกอร์ตั้นกำลังยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าต่าง มือสองข้างของเขาไพล่อยู่ข้างหลัง มีมือข้างหนึ่งที่เป็นสีขาวสว่างแปลกตา มือนั้นคือมือข้างที่ถูกชีอ้าวชวางทำลายไปนั่นเอง ในขณะนี้มันถูกสร้างขึ้นจากแร่พิเศษที่พระสันตปาปาทำให้ พระสันตะปาปาก็มีสารนี้ที่ขาข้างหนึ่งของเขาเช่นกัน แต่สิ่งนั้นเทพีแห่งแสงเป็นผู้สร้างขึ้น แน่นอนว่านี่ก็เป็นฝีมือของชีอ้าวชวางเช่นกัน
สีหน้าของดยุกกอร์ตั้นในตอนนี้ดูแย่มาก เจ้าขยะลาเกอร์นั่นก็โกรธตนเองมากเพราะการตายของหญิงผู้นั้น เขาจึงขอออกจากเมืองหลวงไปรับตำแหน่งแถวชายแดนแทน จากที่ได้ข่าวมาก็คือเขาเอาแต่ดื่มเหล้าทั้งวันจนไม่มีสติเลย คนที่มารายงานบอกว่าเขาโทรมลงไปมาก แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ขยะนั่นถึงจะตายไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่กับราเซีย…พอดยุกกอร์ตั้นนึกถึงก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เด็กคนนี้กำลังอยู่ในช่วงขบถ ตนเองก็ได้แต่หวังว่านางจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ในสักวันหนึ่ง แต่แคลร์ เด็กหญิงที่มีผมสีดำตาสีดำผู้นั้น จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ เลย!