บทที่ 184 สุนัขนี่... ไม่ใช่สุนัขธรรมดา!

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

ชายชรายืดคอจ้องมองเจ้าดำ ส่วนเจ้าดำก็มองกลับด้วยดวงตากลมโตของมัน

“ตาแก่นี่ว่าอย่างไรนะ น่าเสียดายจริงที่กลับนำมาให้สุนัขกิน เหมือนการโยนของขวัญจากเซียนเทพทิ้งไปในอากาศชัดๆ ช่างเสียของอะไรเช่นนี้อย่างนั้นรึ”

เจ้าดำเดือดดาลขึ้นมาทันที “แล้วเหตุใดสุนัขจะกินซี่โครงเปรี้ยวหวานไม่ได้ ท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้เคยไปทำอะไรให้ตาแก่นี่ไม่พอใจรึ”

เจ้าดำแยกเขี้ยวแสยะใส่ชายชราอย่างดุร้าย ตรงระหว่างซี่ฟันมีซี่โครงเปรี้ยวหวานติดอยู่…

“ตาเถร เจ้าหมานี่ขู่ข้าเฉย เจ้าคำรามทำไม คงจะไม่กัดข้าหรอกใช่ไหม” ชายชราโบกพัดขนอสูรเวทปริศนาไปมาพร้อมหัวเราะลั่น

“อ้า แต่ช่างเสียของอะไรเช่นนี้ ซี่โครงเปรี้ยวหวานที่เป็นงานศิลปะนี่” ชายชราก้มลงมองซี่โครงเปรี้ยวหวานในชามที่โดนเจ้าดำสวาปามไปบ้างแล้ว จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันหลังเตรียมจากไป

แต่ทันทีที่ชายชราหันหลัง พลังรุนแรงร้ายกาจก็สาดเข้ามากดทับร่างของเขาไว้ ด้วยความที่เขาเพิ่งก้าวขาออกไปข้างหน้า ขาที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศก็พลันอ่อนยวบจนตัวแทบทรุดลงกองกับพื้น

รูม่านตาของชายชราหดแคบ พลางมองไปรอบตัวอย่างกระสับกระส่าย พลังรุนแรงน่ากลัวนี้… ถึงกับทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้าน แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการอย่างเขาก็ต้องแทบคุกเข่าลงหน้าร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้

หากเข่าเขาตกถึงพื้นจริง คงเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดเลยก็ว่าได้

เจ้าดำแลบลิ้นออกมาเลียอุ้งเท้าเล็กๆ น่ารักของมัน จากนั้นก็คำรามอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วยกอุ้งเท้าขึ้นสะบัดใส่ชายชรา

ชายชราไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากหันหลังให้เจ้าดำอยู่ จึงไม่รู้ว่าแรงกดดันมหาศาลที่สาดเข้ามาจากทุกทิศทางนั้นนั้นมีต้นตอมาจากไหน

ปัง!!

รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชายชรากระเพื่อม เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนถูกภูเขาโถมลงมาทับ เสียงกระแทกดังลั่นปะทุขึ้น จากนั้นร่างของชายชราก็ลงไปนอนพังพาบอยู่บนพื้นจนแทบแทรกเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นดิน

“นี่มันอาเพศอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น! เหตุใดจึงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับข้าได้”

ชายชราโงศีรษะที่เปื้อนฝุ่นเขรอะขึ้น ใบหน้าดูไม่อยากเชื่อประสบการณ์ที่เพิ่งได้รับแม้แต่น้อย กระนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าต้นตอนั้นมาจากอะไร จู่ๆ พลังมหาศาลไร้ที่มาที่ไปก็โถมทับลงมาบนตัวเขาจนแบนแต๊ดแต๋ลงกับพื้น หรือว่าเขาโดนสาปกัน เขาไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจรึ “หากเจ้าแน่จริง… ก็ออกมาสู้กันให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลยดีกว่า!”

ชายแก่อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ความสง่าผ่าเผยราวกับปราชญ์ผู้ชาญฉลาดที่เขาเพียรสร้างมานานพังทลายเหมือนปราสาททรายที่โดนน้ำซัด

เจ้าดำดวงตาเป็นประกาย มันเลียอุ้งเท้าอีกครั้งด้วยท่าทางพึงพอใจในความยียวนของตนเอง “กล้าดีอย่างไรมาปากหมากับท่านสุนัขผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ หากข้าไม่ได้ดัดนิสัยเจ้าให้รู้ที่ต่ำที่สูง เห็นทีวันนี้ข้าจะได้เสียหมาจริงๆ”

จากนั้นมันก็หันกลับไปกินซี่โครงเปรี้ยวหวานในชามต่อ ไม่นานก็กินจนเกือบเกลี้ยงชาม

ชายชรายันตัวเองให้ลุกขึ้นจากพื้น สีหน้าบูดเบี้ยวเหมือนมีปัญหาถ่ายไม่ออก ร้านนี้มันอันตรายหรืออย่างไรกัน… หรือว่ามีสิ่งลี้ลับในตำนานคอยปกป้องอยู่กันแน่ เมื่อครู่เขาไม่ได้พูดจาลบหลู่ใครไม่ใช่หรือ แค่บอกว่าเสียของที่เอาซี่โครงเปรี้ยวหวานให้สุนัขกินเองนี่นา…

สุนัข… หือ สุนัขเช่นนั้นรึ

ดูเหมือนเขาจะจำได้ในที่สุดว่าตนเองไปปากพล่อยพูดอะไรไว้ ชายชราพลันหันหน้าไปมองสุนัขที่กำลังส่ายหางกินซี่โครงเปรี้ยวหวานด้วยความหวาดระแวง…

ยิ่งชายชราจ้องเจ้าดำนานเท่าไหร่ รูม่านตาของเขาก็ยิ่งหดแคบลงเท่านั้น ตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจสังเกตสุนัขตรงหน้าให้ดี แต่พอได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณน่ากลัวที่หมุนเวียนอยู่ในกายมัน

“สุนัขนี่… ไม่ใช่สุนัขธรรมดา!”

เขามองเจ้าดำอีกครั้งด้วยสายตาเข็ดขยาด จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าร้านไป

พอได้เหยียบเท้าเข้าร้าน กลิ่นหอมเข้มของอาหารที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศก็พลันพุ่งเข้าใส่จมูกและปากของชายชราทันที ทำให้ร่างทั้งร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความตกใจ

“หอมเหลือเกิน! กลิ่นเช่นนี้… หลายปีดีดักแล้วที่ข้าไม่ได้สัมผัส!” ชายชราเชิดศีรษะที่เต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นแล้วพูดออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ

โอวหยางเสี่ยวอี้เดินกระโดกกระเดกมาหาชายชราพลางเอ่ยถาม “ท่านตา เลือกรายการอาหารที่ท่านอยากกินได้เลยเจ้าค่ะ ร้านเล็กๆ ของฟางฟางดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ราคาของเราเป็นธรรม และเราโปร่งใสกับลูกค้าเสมอ ท่านตาหันไปดูรายการอาหารด้านหลังแล้วบอกข้าได้เลยว่าอยากกินอะไร”

ชายชราชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ยังหันกลับไปดูรายการอาหารที่ด้านหลัง ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดถึงราคาอาหารแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ดูเข้าไปเต็มตาแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยรอยเย้ยหยันออกมา

“แม้แต่ข้าที่เป็นพ่อครัวเงายังไม่คิดเงินค่าอาหารแพงขนาดนี้เลย ร้านอาหารนี่… กล้าตั้งราคาสูงไร้สาระถึงเพียงนี้เชียวหรือ! เจ้าเรียกราคานี้ว่าเป็นธรรมโปร่งใสได้อย่างไรกัน” ชายชรางุนงงมากจนไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง แต่ความจริงแล้วใครที่ได้เห็นรายการอาหารเป็นครั้งแรกก็ต้องขนลุกกับความแพงหูฉี่ด้วยกันทั้งนั้น

“เจ้าหนูนี่ไม่จริงใจเอาเสียเลย นี่น่ะรึราคาโปร่งใส ธุรกิจเป็นธรรมของเจ้า” เขาถามด้วยความไม่พอใจ

“ราคาของเราเป็นธรรมแล้ว เห็นหรือไม่ว่าแม้จะแพง แต่ทุกคนก็กินอาหารร้านเราอย่างเอร็ดอร่อย” โอวหยางเสี่ยวอี้ตอบ

ชายชราไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อดี เขามองเจ้าอ้วนจินและคนอื่นๆ ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตายัดอาหารเข้าปากแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นปุเลี่ยนทันที จากนั้นเขาก็หันหลังไปมองราคาซี่โครงเปรี้ยวหวาน หนึ่งจาน ราคาห้าสิบผลึก…

อาหารที่ร้านนี้ให้สุนัขกินราคาห้าสิบผลึก…

ชายชรารู้สึกได้ว่าชีวิตของตนเองนั้น “ลำบากกว่าสุนัข” ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้

“เช่นนั้นชายแก่คนนี้ขอซี่โครงเปรี้ยวหวานก็แล้วกัน” เขาคิดอยู่สักพักแต่สุดท้ายก็ยังเลือกซี่โครงเปรี้ยวหวาน เนื่องจากเป็นจานที่เขาเห็นเป็นอย่างแรกของร้านนี้ และทนกลิ่นหอมของมันไม่ไหว ด้วยเหตุนี้จึงต้องสั่งมาลองชิมดู ห้าสิบผลึกแล้วมันอย่างไรเล่า

พ่อครัวเงาอย่างเขามีอันจะกินอยู่แล้ว

“หาที่นั่งก่อนเลยเจ้าค่ะ” โอวหยางเสี่ยวอี้พูดแล้วหันหลังกลับเพื่อเดินไปที่หน้าต่างครัว จากนั้นก็ตะโกนบอกรายการซี่โครงเปรี้ยวหวานกับปู้ฟาง

ปู้ฟางพยักหน้าแล้วทำอาหารจานที่เขาทำค้างไว้ต่อ

ชายชรามองประเมินบรรยากาศภายในร้าน ร้านนี้แตกต่างจากร้านที่เขาสร้างที่เมืองอาทิตย์ขจีอย่างสิ้นเชิง มันให้บรรยากาศสันโดษลึกลับ แต่อบอุ่นเป็นกันเองอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนร้านของเขาพลุกพล่านไปด้วยพลังชีวิตและความตื่นเต้นของบรรดานักผจญภัยที่เป็นลูกค้า ด้วยเหตุนี้ร้านของเขาจึงเหมือนอยู่คนละโลกกับร้านนี้เลยทีเดียว

“นั่นมัน!” สายตาของชายชราค้างอยู่กับที่ราวกับเห็นบางอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

เขาก้าวยาวๆ ไปข้างหน้าจนไปถึงกระถางต้นไม้ดินเผาสีเหลือง จากนั้นก็นั่งยองๆ อยู่ข้างกระถาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง

ชายชราหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก ใบอ่อนบนกิ่งปล่อยพลังปราณบางเบาออกมา พลังปราณนี้แม้จะไม่เข้มข้นแต่ก็ทำให้เขาหลงใหลยินดีเป็นอันมาก

“นี่… นี่มันต้นตื่นรู้ทางห้าสายมิใช่รึ แต่… อาเหวยบอกว่าเจ้าของร้านนี้เพิ่งได้รับมันเป็นรางวัลไปหมาดๆ เหตุใดจึงงอกออกมาเป็นต้นอ่อนแล้ว แถมยังแตกกิ่งอีก” เขาตกใจเป็นอันมาก รู้สึกว่าตนเองไม่เข้าใจโลกใบนี้อีกต่อไป

เถ้าแก่ปู้เพิ่งได้เมล็ดต้นตื่นรู้ทางห้าสายไปไม่นาน แต่เมล็ดที่เพิ่งปลูกลงในกระถางหน้าตาน่าเกลียดนี้ได้ไม่กี่วันกลับงอกขึ้นมาเป็นต้นอ่อนเสียแล้ว แถมใบของมันยังมีลายแขนงปราณห้าสายด้วย

“เขา… เขาหาวิธีปลูกต้นตื่นรู้ทางห้าสายได้หรือนี่ ไอ้เถ้าแก่ปู้นี่… มันเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไรกัน!”

ชายชราตื่นเต้นมากถึงมากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะตื่นเต้นได้ จากนั้นก็รู้สึกอยากจะเจอเถ้าแก่ปู้ตัวเป็นๆ ขึ้นมาทันที

“การปลูกต้นตื่นรู้ทางห้าสายจนงอกได้นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กแน่นอน จักรพรรดิฉางเฟิ่งได้รับเมล็ดของต้นไม้พลังปราณนี้มาหลายปีดีดัก และพยายามฟูมฟักให้มันงอกอยู่หลายปี แต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จจนงอกเป็นต้นเลย เจ้าปู้ฟางนี่เพิ่งปลูกเมล็ดไว้ในร้านไม่กี่วัน แต่ต้นตื่นรู้ทางห้าสายกลับแตกหน่อออกมาจากดินเสียได้”

พ่อครัวเงาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อทำให้ตนเองใจเย็นลง หากชื่อของต้นตื่นรู้ทางห้าสายกระจายออกไป ต้องทำให้ร้านนี้กลายเป็นที่โจษจันของผู้คนทั่วทุกสารทิศแน่นอน

และคราวนี้ท่าจะเป็นอันตรายใหญ่หลวงจริงเสียด้วย

ต้นตื่นรู้ทางห้าสายจะออกผลที่แม้แต่ผลของต้นตื่นรู้ทางสามสายเองก็เทียบไม่ได้ ใครที่ได้กินผลตื่นรู้ทางสามสายเข้าไปจะทำให้คนผู้นั้นเหมือนได้ตื่นรู้ความจริงของโลกใบนี้

แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปของต้นตื่นรู้ทางห้าสายก็คือ เมื่อมันโตเต็มวัยกว่านี้ ต้นไม้นี้จะปล่อยพลังงานแสนลึกลับออกมา ใครก็ตามที่ได้เข้าไปอยู่ในรัศมีของพลังนี้ จะสามารถบรรลุขั้นปราณได้ง่ายขึ้น

นี่เป็นเหตุผลที่ผู้ฝึกตนทุกคนล้วนเข้าใจดีว่าต้นตื่นรู้ทางห้าสายนั้นล้ำค่าเพียงใด

ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ผลของต้นตื่นรู้ทางห้าสายเป็นผลไม้พลังปราณอันมีฤทธิ์พิเศษ ที่ทำให้ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองขึ้นไปเป็นผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามได้ แค่ความสามารถในการทำให้บรรลุขั้นปราณจากระดับเจ็ดไปเป็นระดับแปดได้นี้ ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนเกิดคลั่งจนต้องแย่งชิงมาเป็นของตนแล้ว

ชายชราจับจ้องไปที่ต้นตื่นรู้ทางห้าสายไม่วางตา ความโลภพุ่งเข้าครอบงำจิตใจ

เขาเองก็เป็นผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการ และปรารถนาเหลือเกินที่จะก้าวข้ามขั้นปราณนี้ขึ้นไปเป็นขั้นเทพแห่งสงคราม…

โลกใบนี้มีขั้นนักพรตยุทธการอยู่มากมายหลายคนที่ติดอยู่ระหว่างทาง ก้าวขึ้นจากระดับเจ็ดไปเป็นระดับแปดไม่ได้เสียที ผลตื่นรู้ทางห้าสายถือเป็นแสงสว่างปลายอุโมงที่จะทำให้พวกเขาบรรลุถึงฝั่งฝัน แน่นอนว่าย่อมต้องดึงดูดบรรดาคนโลภให้เข้าหามันเป็นธรรมดา

“ในนครหลวงแห่งนี้ ร้านเล็กๆ นี้กลับสามารถปลูกต้นตื่นรู้ทางห้าสายจนงอกได้… เหมือนที่โบราณว่าเอาไว้ไม่มีผิด บางทีทรัพย์ล้ำค่าก็อาจทำให้เจ้าของเหมือนตายทั้งเป็นได้… ร้านเล็กๆ แห่งนี้คงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว” ชายชราพึมพำ

ปู้ฟางเพิ่งทำซี่โครงเปรี้ยวหวานเสร็จและกำลังเช็ดหยดน้ำออกจากมือ เขาเดินทอดน่องออกจากครัวมาเจอชายชราในชุดคลุมสีเทาที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างกระถางต้นไม้ดินเผาสีเหลือง และกำลังจ้องต้นอ่อนด้วยสายตาบื้อใบ้

ภาพนี้ทำให้ชายหนุ่มงุนงงเป็นอย่างมาก

ตาแก่นี่… มานั่งอึ้งใส่ไม้ประดับร้านข้าเพื่ออะไร หรือจะรู้ว่าไอ้ต้นอ่อนนี่มันเป็นต้นอะไร

ปู้ฟางเองก็สงสัยเช่นกันว่าต้นไม้ที่เขากำลังปลูกอยู่นี้เป็นต้นอะไร หากชายชราผู้นี้มีคำตอบ ปู้ฟางก็มีคำถามที่จะถาม