บทที่ 185 เจ้าหนุ่ม เจ้าจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองแน่

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“นี่ซี่โครงเปรี้ยวหวานที่สั่ง กินให้อร่อย”

เสียงเบาของปู้ฟางดึงพ่อครัวเงาจากโลกแห่งมโนภาพของต้นอ่อนกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ชายชราหันกลับมามองปู้ฟาง สีหน้าหนักอึ้งครุ่นคิด

เขาลุกขึ้นยืนแล้วเพ่งไปที่ต้นอ่อนตรงหน้าด้วยสายตาลังเล ดูเหมือนว่ากำลังต่อสู้กันเองภายในจิตใจอยู่

ต้นตื่นรู้ทางห้าสายนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดขั้นนักพรตยุทธการระดับเจ็ดได้อย่างอยู่หมัด ไม่มีขั้นนักพรตยุทธการคนใดสามารถต้านทานพลังของต้นไม้ชนิดนี้ได้ หลังจากที่มันออกผล ผลของมันจะช่วยให้ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการสามารถบรรลุขั้นปราณขึ้นไปเป็นผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามได้

แม้แต่ขั้นเทพแห่งสงครามที่มีอยู่หยิบมือเองก็อาจไม่สามารถต้านทานความยั่วยวนใจของต้นตื่นรู้ทางห้าสายได้เช่นกัน

“เจ้าเป็นเจ้าของร้านนี้รึ” ชายชรามองปู้ฟางแล้วเอ่ยถาม

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบอย่างไม่ยี่หระ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังปลูกต้นอะไรอยู่” ชายชราชี้นิ้วไปที่ต้นอ่อนในกระถางดินเผาสีเหลืองน่าเกลียด สีหน้าของเขานิ่งขึงเคร่งขรึม

เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่าย ปู้ฟางก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่ข้างใน

“ไม่รู้” ชายหนุ่มส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองกำลังปลูกเมล็ดที่จะโตขึ้นมาเป็นอะไร แต่ดูเหมือนชายแก่คนนี้จะรู้ เช่นนั้นเขาก็ควรลองถามดูเสียหน่อย

“เจ้าไม่รู้เช่นนั้นรึ แล้วจะเข้าร่วมงานสมโภชร้อยครอบครัวเพื่อชิงเมล็ดนี้มาเพื่ออะไรกัน” มุมปากของชายชรากระตุกอย่างแรง เขาถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น หากไม่ใช่เพราะปู้ฟางยื่นมือเข้ามาสอด ป่านนี้ศิษย์ทั้งสองของเขาคงนำเมล็ดกลับมาให้เขาได้แล้ว

“หรือว่าเมล็ดนี้จะโตไปเป็นอะไรน่าที่ตื่นเต้น” ชายหนุ่มถามอย่างไม่ลดละ ดูเหมือนว่าชายชราตรงหน้าเขาจะรู้จริงเสียด้วยว่ามันคือต้นอะไร

ชายชราถอนหายใจออกมาแล้วมองปู้ฟางด้วยความรู้สึกสมเพชในใจ “เจ้าคิดว่าเมล็ดนี่เป็นของดีเช่นนั้นรึ ใช่แล้ว สำหรับบางคนมันถือเป็นสมบัติล้ำค่า แต่สำหรับคนอื่นนั้น… เมล็ดนี้เป็นใบสั่งตายที่น่ากลัวที่สุด”

ใบสั่งตายเช่นนั้นรึ! น่ากลัวรึ! หัวใจของปู้ฟางกระตุก

เมล็ดนี่คงไม่โตไปเป็นสิ่งที่มีพิษหรอกนะ ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อใบมันปล่อยพลังปราณที่ดีเยี่ยมออกมาเช่นนี้

“เจ้าเคยได้ยินที่คนโบราณว่ากันไว้ว่าทรัพย์ล้ำค่าก็อาจทำให้เจ้าของเหมือนตายทั้งเป็นหรือไม่ การถือครองทรัพย์ที่เจ้าไม่มีปัญญาปกป้อง ไม่ว่าทรัพย์นั้นจะมีค่าเพียงใด ก็รังแต่จะกลายเป็นใบสั่งตายเท่านั้น”

ปู้ฟางกะพริบตาปริบ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นไร้อารมณ์ทันที

ตาแก่นี่อารัมภบทมายาวยืดเพียงเพื่อจะบอกว่าเมล็ดนี่จะงอกออกมาเป็นสิ่งที่มีค่ามาก แต่เพราะปู้ฟางไม่มีปัญญาที่จะปกป้องของมีค่านี้ ชะตากรรมของเขาจึงต้องดับอนาถ

แต่ข้อมูลนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเช่นกัน

หากเมล็ดนี้โตมาเป็นสิ่งที่มีพิษ ตัวเขาเองคงทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทิ้งมันไป แต่… หากปัญหาที่ตาแก่นี่คิดคือตัวเขาไม่สามารถรักษาดูแลต้นไม้ต้นนี้ได้ ปู้ฟางก็คงไม่กระดิกนิ้วทำอะไรนอกจากพ่นลมเยาะหนึ่งทีด้วยความรำคาญใจ

“ระบบรักษาความปลอดภัยของร้านเรามีมาตรฐานดีที่สุดในโลก หากร้านนี้ปกป้องต้นไม้นี้ไม่ได้ ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการแก่ๆ แสนธรรมดาเช่นเจ้า คงมีปัญญาปกป้องมันได้น้อยกว่าแน่”

ชายชราไม่ได้พูดอะไรอีกแต่เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วหันไปสนใจอาหารรสเลิศตรงหน้าแทน ซี่โครงเปรี้ยวหวานในชามทำให้เขารู้สึกอยากอาหารขึ้นมาทันที

ซี่โครงเปรี้ยวหวานสีส้มสดใสของปู้ฟางส่งกลิ่นหอมละมุนของเนื้อออกมา ทำให้ใครก็ตามที่ได้เห็นต้องน้ำลายสอแล้วอยากรีบเอาเข้าปากเร็วๆ

ชายชราใช้ตะเกียบไม้ไผ่คีบซี่โครงเปรี้ยวหวานขึ้นมา เขากัดลงไปเบาๆ ซอสเปรี้ยวหวานสีส้มพลันกระจายตัวในปาก กลิ่นของชิ้นเนื้อหนาอ่อนนุ่มระเบิดออกมาท่วมปากในพริบตา ทำให้ชายชรารู้สึกเหมือนกำลังเมามาย

“อาหารรสเลิศ… อาหารรสเลิศเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก!”

พ่อครัวเงาอึ้งจนทำอะไรต่อไม่ถูก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอเข้ากับอะไรเช่นนี้ ชายหนุ่มหน้าอ่อนตรงหน้าบรรลุทักษะการทำอาหารระดับสูงไปเรียบร้อยแล้ว

แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชายชราประหลาดใจมากที่สุด เขากลืนซี่โครงเปรี้ยวหวานเข้าไปหนึ่งชิ้นแล้วดวงตาก็โตเป็นไข่ห่าน… เพราะซี่โครงเปรี้ยวหวานชิ้นนี้เต็มไปด้วยพลังปราณปริมาณมากนั่นเอง

“เหตุใดอาหารนี่จึงมีพลังปราณสะสมอยู่มากถึงเพียงนี้ หรือว่าเถ้าแก่ปู้จะมีวิธีพิเศษในการรักษาระดับพลังปราณในอาหารกันนะ”

ชายชรายัดซี่โครงเปรี้ยวหวานเข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่า รสชาติอร่อยนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่ปริมาณพลังปราณในซี่โครงแต่ละชิ้น เมื่อรวมกันแล้วเรียกได้ว่ามากกว่าโอสถทิพย์ที่เขากินเสียอีก

ราคาขายห้าสิบผลึกสำหรับซี่โครงเปรี้ยวหวานหนึ่งชาม พ่อครัวเงารู้สึกได้ทันทีว่าเป็นราคาที่คุ้มจ่ายแล้ว

ปู้ฟางเก็บผลึกห้าสิบชิ้นที่ชายชราส่งให้เข้ากระเป๋า เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่าย ชอบใจนักที่มีลูกค้าที่ไม่อิดออดเวลาต้องจ่ายเงิน

“เถ้าแก่ปู้ เรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า เจ้าเอาต้นอ่อนนั่นให้ข้าดีไหมเล่า เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าด้วยระดับพลังปราณของเจ้าเอง คงไม่สามารถปกป้องมันเอาไว้ได้” ชายชราประกาศ

ปู้ฟางหมดคำจะพูดทันที ต้นไม้นี่จะไม่ปลอดภัยในร้านของเขาได้อย่างไร… ตาแก่นี่ประสาทไปเสียแล้ว

“ไม่” ปู้ฟางปฏิเสธเสียงเย็น

ชายชราบันดาลโทสะทันทีที่ได้ยิน ไอ้หมอนี่เป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการ มันไปเอาความมั่นใจมาจากนรกขุมไหนถึงกล้ามาปฏิเสธเขา

“ตาแก่คนนี้ไม่ได้กำลังหลอกเจ้าอยู่ ทันทีที่ต้นไม้ของเจ้าโตเต็มที่ มันจะต้องดึงดูดขั้นนักพรตยุทธการจากทั่วทุกสารทิศมาอย่างแน่นอน!” ชายชราอธิบายให้ปู้ฟางฟังด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ขั้นนักพรตยุทธการนี่เก่งกาจไร้เทียมทานขนาดนั้นเชียวหรือ หากกล้าก่อความไม่สงบที่ร้านข้า ก็อย่ามาโทษข้าที่ต้องจับคนพวกนั้นโยนออกไปทีละคนก็แล้วกัน” ปู้ฟางพูดอย่างไม่ยี่หระ

  …

วันนี้เจวี้ยนเอ๋อร์อยู่ในชุดกระโปรงยาวลายดอก เผยให้เห็นร่างแบบบางอ้อนแอ้น นางถือกล่องอาหารเอาไว้ในมือ แน่นอนว่าภายในบรรจุทาร์ตไข่ที่นางอยากให้ปู้ฟางลองชิม

“ทาร์ตไข่รึ” พ่อครัวเงาที่แม้กำลังวัดฝีปากกับปู้ฟางอยู่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขามองกล่องอาหารในมือเจวี้ยนเอ๋อร์ รู้สึกกระสับกระส่ายประหลาด

เจวี้ยนเอ๋อร์เข้ามาแทรกการปะทะคารมระหว่างเขาและปู้ฟาง ทำให้ทั้งสองเลิกตีกันแล้วหันมาสนใจนางได้อยู่หมัด

วันนี้ในร้านมีลูกค้าไม่มาก หลังจากที่กลุ่มของเจ้าอ้วนจินกินอาหารเสร็จแล้วจากไป ก็มีที่นั่งว่างเหลืออยู่เยอะแยะ

เจวี้ยนเอ๋อร์หยิบทาร์ตไข่หน้าตาประณีตออกมาจากกล่องอาหาร ทันทีที่เปิดฝา กลิ่นหอมของไข่และนมก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว แม้จะเทียบไม่ได้กับทาร์ตไข่ของปู้ฟาง แต่หากตัดสินจากกลิ่นอย่างเดียวก็จัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว

“เถ้า… เถ้าแก่ปู้ นี่เป็นทาร์ตไข่ที่ข้าทำเองกับมือ โปรดลองชิมด้วยเจ้าค่ะ” เจวี้ยนเอ๋อร์วางทาร์ตไข่ลงแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางมองปู้ฟางด้วยสายตาเคารพยกย่อง

ปู้ฟางพยักหน้า ก้มหน้าลงไปมองทาร์ตไข่บนโต๊ะ สีของทาร์ตไข่ดูดีทีเดียว ดีกว่าชิ้นแรกที่เขาได้ชิมไปมาก

ปู้ฟางหยิบทาร์ตไข่ขึ้นมากัด กลิ่นหอมของนมระเบิดใส่ใบหน้าชายหนุ่มทันที ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองได้ไปอยู่ในที่ที่มีแต่ท้องฟ้ากว้างใหญ่และทุ่งหญ้าไพศาล ฝูงวัวและแกะกำลังเล็มหญ้าตามใจชอบอยู่บนทุ่งหญ้าแห่งนั้น

เจวี้ยนเอ๋อร์กะพริบตาปริบ ดวงตาของนางจ้องไปที่ปู้ฟางไม่ลดละ หญิงสาวอยากได้ยินปู้ฟางเอ่ยชมทาร์ตไข่ของนาง เพื่อที่เขาจะได้สอนวิธีทำทาร์ตไข่ที่ถูกต้องให้นางรู้เสียที

ปู้ฟางเคี้ยวแล้วพยักหน้าหงึกหงักกับตนเอง จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองเจวี้ยนเอ๋อร์

“รสชาติเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” เจวี้ยนเอ๋อร์ถามด้วยความตื่นเต้น

ปู้ฟางไม่ได้รีบตอบ เขามองเจวี้ยนเอ๋อร์ที่ดูกระวนกระวายจากนั้นก็ตอบด้วยเสียงสงบ “ยังไม่ถึงระดับที่ข้าคาดหวังเอาไว้ กลับไปฝึกมาเพิ่มอีกแล้วนำมาให้ข้าชิมครั้งหน้าก็แล้วกัน”

ยิ่งหวังสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตกลงมาเจ็บมากเท่านั้น

ใบหน้าร่าเริงของเจวี้ยนเอ๋อร์แข็งทื่อทันทีเมื่อถูกปู้ฟางปฏิเสธอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นหดหู่เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

“ข… ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าจะพยายามให้มากกว่านี้ ข้าจะกลับไปลองคิดลองทำดูใหม่ ครั้งหน้าจะต้องอบทาร์ตไข่ที่ทำให้เถ้าแก่ปู้พอใจได้อย่างแน่นอน”

ปู้ฟางชื่นชมความมุมานะของเจวี้ยนเอ๋อร์ไม่น้อย สตรีนางนี้มุ่งมั่นตั้งใจกับเส้นทางแห่งอาหารชั้นเลิศโดยแท้ แม้ทาร์ตไข่ของนางจะยังไม่เป็นที่พอใจของปู้ฟาง แต่นางก็ยังมุ่งหน้าทลายกำแพงของตนเองเพื่อศึกษามันให้ลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก

เจวี้ยนเอ๋อร์จากไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมา นางกอดกล่องอาหารของตนไว้อย่างดื้อดึงแล้วเดินออกจากร้าน มุ่งหน้ากลับตำหนักไปศึกษาวิธีการทำทาร์ตไข่เพิ่มเติมทันที

ลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านก็จากไปที่ละคนสองคนเช่นกัน จนสุดท้ายเหลือเพียงชายชราแสนประหลาดเพียงคนเดียวเท่านั้น

“ทาร์ตไข่เช่นนั้นรึ ที่แม่หนูคนนั้นทำก็ดูใช้ได้นี่ เหตุใดจึงไม่ผ่านการทดสอบเล่า” พ่อครัวเงาถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

ปู้ฟางมุ่นคิ้วจากนั้นก็ตวัดสายตาไปมองชายชราแล้วตอบเสียงไร้อารมณ์ “ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรทั้งนั้น หากข้าประเมินว่ามันยังไม่เกินความคาดหวังของข้า ก็แปลว่ายังใช้ไม่ได้”

ชายชราหน้าซีด อับจนคำพูดทันที

ปู้ฟางมองชายชราที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตก แล้วก็หันหลังตั้งท่าจะเดินกลับเข้าครัว

“เจ้าจะไม่ให้ต้นอ่อนนี่กับข้าจริงๆ รึ” พ่อครัวเงาจ้องแผ่นหลังของปู้ฟางพลางถามออกมา

ชายหนุ่มเมินคำถามนั้นแล้วเดินกลับเข้าครัวไปฝึกซ้อมทำอาหารต่อทันที เขาไม่แยแสแม้แต่จะต่อปากต่อคำกับชายชราอีกต่อไป

ชายชราถอนใจยาว เขาหันไปมองต้นอ่อนด้วยสายตาแสนเสียดาย จากนั้นก็ประกาศออกมา “เจ้าหนุ่ม เจ้าจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองแน่… คอยดูเถิด เดี๋ยวเจ้าจะต้องถูกไอ้พวกขั้นนักพรตยุทธการแสนร้ายกาจรุมทึ้ง แล้วเราค่อยมาดูกันว่าเจ้าจะทำอย่างไร”

พ่อครัวเงาเอามือไพล่หลัง ส่ายหน้างุดพลางเดินออกจากร้าน เงาตะคุ่มของเขาค่อยๆ หายไปจากตรอกในที่สุด