บทที่ 180: โลงศพ
ฉินเย่แสร้งทำเป็นหมดแรงและเดินกลับไปที่ห้องของตน จากนั้นก็ทิ้งลงตัวลงบนเตียงและพักผ่อน
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…สองชั่วโมงผ่านไป…และเมื่อผ่านไปสามชั่วโมงครึ่ง เขาก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าที่หนักและถี่ดังมาตามทางเดิน เขาหันไปมองนาฬิกาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ตอนนี้เป็นเวลา 05.30 น.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ใครบางคนเคาะประตูห้อง เขาตอบออกไปอย่างเกียจคร้าน “นั่นใคร?”
“ผมเอง” ซู่เฟิงเอ่ยเสียงต่ำ “คำสั่งของศาสตราจารย์เถา อาจารย์ผู้สอนทุกคนถูกเรียกรวมเดี๋ยวนี้”
เกิดเรื่องขึ้นอย่างนั้นหรือ?
ฉินเย่ลุกจากเตียงและเดินไปพร้อมกับซู่เฟิงทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
“มีคนตายอีกแล้ว” สีหน้าของซู่เฟิงเคร่งขรึม “เป็นเหมือนกับครั้งที่แล้ว ไม่มีใครสัมผัสความผิดปกติได้เลยสักคน แต่ครั้งนี้…มีคนตายทั้งหมดห้าคน พวกเขาถูกพบโดยพวกนักเรียนที่ตื่นมาฝึกฝนตอนเช้า สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุม และข่าวเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ยังไม่แพร่ออกไป หัวหน้าสาขาโจวกำลังตรวจดูการเคลื่อนไหวของทั่วทั้งสำนัก ศาสตราจารย์โจวจึงสั่งการแทนเป็นการชั่วคราว”
ดวงตาของฉินเย่วูบไหว เขาเดินตามซู่เฟิงไปที่เกิดเหตุอย่างเงียบ ๆ
มีสถานการณ์ที่เกิดเหตุทั้งสิ้นห้าแห่ง และที่ที่พวกเขาไปก็คือหอพัก 2 ห้อง 322 มันไม่มีร่องรอยของการปิดล้อมสถานที่แต่อย่างใด ทว่าบานประตูหลักถูกปิดสนิท ทันทีที่ซู่เฟิงเปิดประตูออก ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันมามองและปล่อยจิตสังหารออกมาทันที แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้รับการยืนยันตัวตน
05.30 น. ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท และกลุ่มเมฆที่ลอยอยู่ก็บนฟ้าก็ปกคลุมจนแทบไม่เห็นแสงจันทร์ โดยไม่เอ่ยอะไร ฉินเย่เดินตรงไปที่ข้างเตียงและยกผ้าปูที่นอนขึ้น ร่างซีดเซียวของศพปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา
ผู้ชาย
แต่ท่าทางของเขากลับแตกต่างจากศพที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
เห็นได้ชัดว่าผู้ตายพยายามจะหนีเอาชีวิตรอด เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด ทั้งยังมีคราบเลือดเต็มไปทั่ว แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยดเลยก็ตาม ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้เห็นในช่วงสุดท้ายของชีวิต
“เสียชีวิตจากบาดแผลถูกแทง” ฉินเย่ตรวจดูรอยแผลบริเวณอก ผู้ตายถึงแก่ชีวิตด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว
ยิ่งกว่านั้นมันยังมีรอยฟันอยู่บริเวณคอของศพอีกด้วย เขาไล่นิ้วไปตามรอยนั้นเบา ๆ และน้ำเสียงเย็นยะเยือกของเถาหรานก็ดังขึ้น “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรเพิ่ม เราตรวจสอบแล้วว่ามันคือรอยฟันของมนุษย์”
“นักเรียนคนนี้…ถูกดูดเลือดไปจนหมดหลังจากที่ถูกแทงจนตาย อาจารย์ฉิน เมื่อคืนคุณเป็นคนลาดตระเวน คุณเห็นความผิดปกติอะไรบ้างหรือเปล่า?”
สายตาของฉินเย่ของฉินเย่ชะงักไปชั่วคราว จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ผมรายงานหัวหน้าโจวไปแล้วครับ”
ตอนนี้ภายในห้องมีอาจารย์ผู้สอนอยู่สามท่านและศาสตราจารย์อีกหนึ่งท่าน หนึ่งในอาจารย์กัดฟันแน่นและเอ่ยว่า “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น? พวกเรายังหาความจริงเบื้องหลังการตายของนักเรียนคนก่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมีคนตายเพิ่มอีกห้าคน! ใครมันกล้าทำแบบนี้ภายใต้สายการจับตาดูของหัวหน้าโจว?!”
อาจารย์อีกท่านเองก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “ผมเห็นศพที่เหลือแล้วมีลักษณะเหมือนกันเลยครับ ฆาตกรโหดเหี้ยมมาก นักเรียนที่อยู่หอพัก 4 ถูกคนหนึ่งถูกปาดคอจนเสียชีวิต ที่เกิดเหตุคือห้องน้ำ คอของเขาถูกปาดก่อนแล้วจึงถูกดูดเลือด มีเลือดบางส่วนที่กระเซ็นไปโดนกระจกซึ่งเราคิดว่าอาจเป็นเลือดของฆาตกร และเราก็ได้ส่งมันไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการแล้วเช่นกัน”
“ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างซ่อนตัวอยู่ในสำนักฝึกตนแห่งแรกโดยที่พวกเราไม่รู้ตัว…” เถาหรานไม่สามารถปกปิดรังสีอำมหิตที่ซ่อนอยู่ในแววตาของตนได้อีกต่อไป เขามองไปยังวิทยาเขตที่มืดมิดของสำนักขณะเอ่ยต่อ “มันควรภาวนาให้ไม่ถูกเราหาตัวพบ…พวกคุณมีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?”
ไม่มีใครตอบ ฉินเย่เองก็ไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมาที่ตน ดังนั้นเขาจึงปิดปากเงียบเช่นกัน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เถาหรานก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ที่พวกเราเรียกพวกคุณมาก็เพื่อให้พวกคุณได้ทราบและเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะแม้แต่หัวหน้าสาขาโจวก็ไม่สามารถจับต้นชนปลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เช่นกัน จากนี้เป็นต้นไปนี่คือหน้าที่ของพวกคุณ ประการที่หนึ่ง…พวกคุณจะต้องให้ความใส่ใจกับนักเรียนทุกคน! เหล่านักเรียนที่เสียชีวิตในคืนนี้ล้วนเสียชีวิตในรูปแบบเดียวกันกับศพนี้ และฆาตกร…ก็คือมนุษย์ เพราะหากเป็นวิญญาณ พวกเขาคงไม่สามารถต่อสู้ได้นานขนาดนี้!”
เขากวาดสายตามองคนทั้งหมดขณะที่เอ่ยเสียงเย็น “มีปีศาจร้ายซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มนักเรียนของเรา จับตาดูพวกเขาให้ดี และหากเจออะไรผิดปกติ แม้เพียงเล็กน้อย ให้รายงานทันที!”
“รับทราบ!”
“ประการที่สอง เดิมทีทางสำนักได้ตั้งใจที่จะพวกนักเรียนพักอยู่ด้วยกันเพื่อที่จะเสริมสร้างความสามัคคีและความสนิทสนมซึ่งกันและกัน แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ความคิดนั้นจึงไม่เหมาะจะนำมาใช้อีกแล้ว เตรียมตัวให้ดี เมื่อพิธีศพของท่านกู่ชิงจบลง นักเรียนทุกคนจะถูกจัดให้แยกกันอยู่ทันที นักเรียนที่อยู่สาขาเดียวกันจะต้องอาศัยอยู่ในหอพักเดียวกันกับอาจารย์ของพวกเขา และแต่ละชั้นจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์อย่างน้อยหนึ่งท่าน”
“ประการที่สอง! โลงศพของท่านกู่ชิงได้เดินทางออกจากศาลากลางมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และคาดว่าอีกไม่เกิน 20 นาทีก็จะมาถึงที่นี่ ปิดเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความลับ พวกเราจะหาโอกาสในการเปิดเผยเรื่องนี้สู่สาธารณะในอนาคต ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราจะยอมเสียหน้าต่อหน้าเหล่าผู้ว่าราชการระดับมณฑลและเทศบาลในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“รับทราบ!” คนทั้งหมดเอ่ยรับคำอย่างพร้อมเพรียง
เถาหรานที่เห็นเช่นนั้นจึงถอนหายใจออกมา และโบกมืออย่างเหนื่อยอ่อน “เฮ้อ ช่างเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายจริง ๆ …ทุกครั้งที่มีสิ่งใหม่ ๆ ทำไมมันจะต้องเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นเสมอเลยนะ และผมเดาว่าทางสำนักฝึกตนแห่งแรกก็ไม่ได้รับข้อยกเว้นในเรื่องนี้เช่นกัน…แยกไปทำหน้าที่ของพวกคุณเถอะ จำไว้ วันนี้เราจะเกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด!”
สิ้นเสียงพูดของชายสูงวัย อาจารย์ผู้สอนทั้งหมดก็แยกย้ายกัน ทว่าฉินเย่กลับไม่ได้ตรงกลับไปที่หอของเขา เด็กหนุ่มเดินไปตามแนวแม่น้ำขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง สายตาของเขาเหม่อลอยขณะที่มุมปากยกยิ้มบาง
ยมทูตนอกอาณาเขตอยู่ที่ปลายสุดของทางเดินของพวกเขาแล้ว
ที่นี่คือสำนักฝึกตนแห่งแรก วิญญาณของกู่ชิงเป็นเหมือนกับแครอทที่ถูกห้อยอยู่เบื้องหน้าของม้า ดึงความสนใจจากยมทูตนอกอาณาเขตทั้งหมด แต่…พวกเขาจะสามารถลิ้มรสของแครอทหัวนี้ได้จริง ๆ น่ะหรือ?
เห็นได้ชัดว่าการตายของเหล่านักเรียนเกิดขึ้นโดยฝีมือของยมทูตพวกนี้
เถาหรานและคนอื่น ๆ ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่สังเกตก็คือมันมีจุดที่เหมือนกันระหว่างศพก่อนหน้าและศพทั้งห้าอยู่
ยกตัวอย่างเช่น…เลือดของพวกเขาถูกดูดออกไปจนหมด
แม้ว่าศพก่อนหน้าอาจจะอยู่ในลักษณะท่าทางที่แปลกประหลาดกว่า แต่นั่นก็เป็นเพราะฆาตกรในครั้งที่แล้วนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าไม่มีใครสามารถตรวจจับการมีอยู่ของตนได้ และสาเหตุที่นักเรียนคนแรกถูกดูดเลือดจนหมดภายใต้จมูกของทั้งสำนักก็เป็นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าฆาตกรบาดได้รับเจ็บสาหัสจากการโจมตีของอาร์ทิส
และสถานการณ์ในคืนนี้เองก็เช่นกัน
รอยมีดนั้น…ฉินเย่แทบจะมั่นใจมากว่ามันเกิดจากยมทูตญี่ปุ่น!
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นกลางดึกของเมื่อคืนชุลมุนเป็นอย่างมาก และเขาก็เป็นคนทำลายอาณาเขตเวทของฝ่ายหนึ่งไป ยมทูตทั้งสองตนของฝ่ายนั้นย่อมต้องบาดเจ็บสาหัสเป็นธรรมดา และมันก็ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับเข้าร่างที่ตนได้สิงอยู่ก่อนหน้านี้ ด้วยการจับตาดูของโจวเซียนหลง ทำให้พวกเขาไม่กล้ากลับสู่ร่างยมทูตแต่พวกเขาก็ต้องรีบฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง แล้วพวกเขาสามารถทำอะไรได้ล่ะ?
“สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือกระทำผ่านร่างของนักเรียนที่ตนสิงอยู่…” เขากระโดดข้ามหินไปตามผิวน้ำขณะที่แสยะยิ้มออกมา “นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงมีร่องรอยขัดขืนอยู่บนตัวศพของพวกนักเรียนที่ตายรอบนี้ และมันก็เป็นเพราะว่าฆาตกร…คือนักเรียนที่อยู่ข้างกายตนมาตลอด…และฆาตกรก็ไม่สามารถลงมือโดยไร้ร่องรอยเหมือนอย่างที่ตนทำครั้งที่แล้วได้”
“พวกเจ้ามาถึงทางตันแล้วหรือยัง?…ข้าอยากรู้จริง ๆ ว่าจะมี “เพื่อนเก่า” สักกี่ตนที่ข้าจะได้เจอในคืนนี้?”
ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขามองดูและพบว่าเป็นเถาหรานนี่เองที่โทรเข้ามา
“คุณหายไปไหน? ไปรวมตัวที่ด้านหน้าประตูทางเข้าของสำนักภายในห้านาที พวกเราต้องเตรียมตัวรับโลงศพของท่านกู่ชิงแล้วนะ”
ในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นแล้ว…
หลังจากวางสาย ฉินเย่ก็สูดหายใจเข้าช้า ๆ เอาน้ำลูบหน้าเพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้นและเดินไปที่ประทางเข้าทันที
ตั้งแต่ที่กู่ชิงเสียชีวิต เขาก็พบว่าตัวเองได้ถูกล้อมรอบด้วยยมทูตนอกอาณาเขตหลายตนที่หมายตายวิญญาณของกู่ชิง พวกนั้นตามเขามาที่เมืองเป่าอัน แทรกซึมเข้ามาในสำนักฝึกตนแห่งแรก เตรียมการเอาไว้ทั้งหมด ก่อความวุ่นวายหลาย ๆ อย่างในตอนกลางคืน และสังหารพวกนักเรียนอย่างเงียบเชียบ…การกระทำสุดท้ายนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการแสดงที่น่าตกตะลึงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เขาไม่ได้สนใจว่ามีสายตาจับจ้องมาที่ตัวเองกี่คู่ เขาไม่สนใจเลยสักนิด ยังมีเวลาอีก 18 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเที่ยงคืนตรง และการแสดงในคืนนี้ก็จะดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์! สิ่งจำเป็นที่ต้องทำเขาก็ทำจนหมดแล้ว การคิดมากเกินไปมีแต่จะทำให้เกิดความผิดพลาด
เมื่อฉินเย่เดินมาถึง อาจารย์ผู้สอนแทบจะทุกคนก็ได้รวมตัวอยู่ที่ประตูทางเข้าของสำนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บานประตูที่ดูเรียบง่ายในเวลานี้ถูกตกแต่งด้วยผ้าสีขาวและสีดำ และมีป้ายขนาดใหญ่ซึ่งมีรูปของกู่ชิงและข้อความว่า ‘ยินดีต้อนรับดวงวิญญาณของสหายกู่ชิงกลับสู่บ้านเกิด’ แขวนอยู่
ฉินเย่มองภาพของอีกฝ่าย เส้นผมสีขาว ดูร่าเริงและใจดี และร่างอวบอ้วน ช่างภาพที่ถ่ายรูปนี้ออกมาถ่ายได้ดีมากทีเดียว
ท้องฟ้ายังคงมืดอยู่ อาจารย์แต่ละคนต่างมีสีหน้าที่เคร่งขรึม และห้านาทีต่อมา แสงไฟจากขบวนรถก็ปรากฏขึ้นให้เห็นจากที่ไกล ๆ
พวกเขามาถึงแล้ว…
ฉินเย่สงบลงแล้ว แต่ทันทีที่ขบวนรถมาถึง หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรงอีกครั้ง เลือดในกายสูบฉีดขึ้นไปบนสมอง เด็กหนุ่มรีบเคลื่อนมือของตนไปที่เอวก่อนจะตั้งสติแล้วสงบลงอีกครั้ง
สายลมเย็นพัดผ่านไปทั่วบริเวณ ราวกับกำลังร่ายรำและกู่ร้องเพื่อต้อนรับการมาถึงของโลกศพของกู่ชิง
ในเวลาเดียวกัน ภายในหอพักนักเรียนที่อยู่ห่างออกไป สายตาหลายคู่ต่างจับจ้องไปยังบริเวณทางเข้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
เขามาแล้ว… ในที่สุดเขาก็มาแล้ว…
อาณาเขตของยมโลกที่ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวเข้ามา ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว! และกำลังรอคอยการมาถึงของเป้าหมายต่อไป!
“何百年ぶりに、私は……。ついにまた国の土地を踏んだ。/ หลังจากผ่านไปร้อยกว่าปี… ในที่สุดข้าก็ได้กลับมายืนอยู่บนแผ่นดินจีนอีกครั้ง!” ที่หอพัก 3 ห้อง 322 หน้าอกของนักเรียนคนหนึ่งกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ขณะแอบดูจากด้านหลังของผ้าม่าน มือของทั้งคู่กำผ้าม่านแน่นจนมันข้อนิ้วมือเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
“このの中で最もい土地は、これほどに入られているのか。/ ตำนานกล่าวว่ายมโลกของจีนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ยมโลกด้วยกัน แต่ตอนนี้เรากลับสามารถแทรกซึมเข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างง่ายดาย”
นักเรียนที่ยืนอยู่ถัดจากเขาหลับตาลงและเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นเทา “成功すれば、自分がった後に身をっているだけでなく、底的に明しました。国は自分のを守る格がない!/ หากเราทำสำเร็จ มันจะไม่เพียงแต่สร้างความรุ่งโรจน์และเกียรติยศสู่เราเท่านั้น แต่มันยังเป็นการพิสูจน์ด้วยว่ายมโลกของจีนไม่มีอำนาจที่จะปกป้องวิญญาณของพวกมันได้อีกต่อไปแล้ว!”
เขาลืมตาขึ้น และทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างตัดสินใจ “を守ることができない地府は、地府と呼ばれるものではないが……。古青の魂を持ちるなら冥府会は中国出の案を再するが……。私たちの先のはできません!/ ยมโลกที่ไม่สามารถปกป้องวิญญาณของตนเองจากยมโลกอื่น ๆ ก็ไม่สมควรถูกเรียกว่ายมโลกอีกต่อไป…ตราบใดที่เราสามารถแย่งวิญญาณของกู่ชิงมาได้ ข้ามั่นใจว่าแม้แต่สภายมโลกก็ต้องไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปิดดูแฟ้มคดีของยมโลกจีนอีกครั้ง…และสานต่อในสิ่งที่บรรพบุรุษของเราทำไม่สำเร็จ!”
“私たちは退けない……。!伊邪あの美大人は私たちをしています!/ เราจะไม่หันหลังกลับ…ไม่มีวัน! ท่านอิซานามิโปรดอวยพรให้เราด้วย!”
ที่หอพัก 1 ห้อง 111 ภาพนักเรียนหญิงที่มีคราบเลือดเปรอะเปื้อนบนใบหน้าจ้องไปที่ทางเข้าของสำนักเขม็ง มือของเธอกำผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือดแน่น
ด้านหลังของเธอคือนักเรียนหญิงอีกสามคนที่นอนอยู่บนเตียงของตัวเอง ดวงตาของทั้งสามปิดสนิทและใบหน้าสงบนิ่ง มันเหมือนกับว่าพวกเธอคือดอกกุหลาบที่เบ่งบานอยู่ในบ่อน้ำที่มีการสังเวยเลือดไม่มีผิด
หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ เธอก็พึมพำออกมาเป็นภาษาจีนที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนัก “ในครานั้น…พวกเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับความอับอายที่พ่ายแพ้ให้กับพวกเจ้าที่ทะเลทรายรุบอุลคอลี [1]….แต่วันนี้…พวกเจ้าจะต้องชดใช้หนี้แค้นทั้งหมด พร้อมกับดอกเบี้ย…”
“ข้าจะแย่งชิงดวงวิญญาณของกู่ชิงมาให้จงได้แม้ว่าข้าต้องตายก็ตาม ข้าจักสลักความอ่อนแอของยมโลกจีนไว้ให้เป็นที่ประจัก เพื่อที่ท่านอะนูบิสจะสามารถตั้งมันเป็นถ้วยรางวัลบนชั้นทองคำของท่านได้! มันจะเป็นการประกาศต่อยมโลกทุกแห่งว่าจีนนั้นอ่อนแอ! และจากนั้น เมื่อผ่านไปร้อยปี กองกำลังสคารับอันศักดิ์สิทธิ์จะร่วมมือกับยมโลกอื่น ๆ และล้างแค้นให้กับการตายของข้าในครั้งนี้! ข้าขอสาบาน!”
[1] ส่วนหนึ่งของทะเลทรายอาหรับที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ