ตอนที่ 181 ไปหาคุณหนูฉินก็สิ้นเรื่อง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“ลู่จ้าวอิ่ง นายยุ่งขนาดนี้เลยเหรอ เลิกเรียนแล้วยังมีคนไข้อีกหรือไง” เจียงตงเย่มองข้างนอกแวบหนึ่ง

 

 

เข้าหน้าหนาวแล้ว

 

 

คนที่มาให้ลู่จ้าวอิ่งตรวจที่ห้องพยาบาลในแต่ละวันไม่น้อยจริงๆ

 

 

นักเรียนที่มาเอาใบรับรองแพทย์หลังเลิกเรียน มาให้น้ำเกลือช่วงภาคค่ำก็มี อยู่ข้างห้องนี่แหละ

 

 

เฉิงมู่ไปเปิดประตูตามปกติ

 

 

ฉินหร่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือวางอยู่โต๊ะ จ้องมองทางประตู

 

 

ด้านนอก ผู้บัญชาการเฉียนเพิ่งดับบุหรี่ทิ้งพอดี ข้างหลังเขาเป็นเจ้าหน้าที่ไอทีคนนั้น ทำงานกับเฉิงมู่และผู้บัญชาการห่าวได้สักระยะแล้ว นับว่าเป็นคนสนิทเช่นกัน

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนพยักหน้าให้เขา ถือเป็นการทักทายแล้วถามว่า “คุณหนูฉินอยู่ไหม”

 

 

เฉิงมู่นิ่งไปครู่หนึ่ง กว่าจะได้สติ เขาเบี่ยงตัวหลบ “อยู่ครับ เพิ่งมา”

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนเดินเข้าไปข้างใน ถือโอกาสทิ้งก้นบุหรี่ลงถังขยะ เห็นฉินหร่านที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะในปราดเดียว

 

 

เจียงตงเย่กำลังคุยกับเฉิงเจวี้ยน ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องของกู้ซีฉืออีกสักครั้ง

 

 

เมื่อหันหน้าอย่างไม่ยี่หระ ก็เห็นผู้บัญชาการเฉียนที่เดินเข้ามาในห้อง เขาจึงโพล่งออกไปว่า “ผู้บัญชาการเฉียนมาได้ยังไง”

 

 

จากนั้นก็คุยกับเฉิงเจวี้ยนต่อ

 

 

เฉิงเจวี้ยนเชยตาขึ้นมองเขาแวบเดียว แน่นอนว่าแค่แวบเดียว เป็นแวบเดียวที่อธิบายได้ยากทีเดียว

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนนั่งลงข้างฉินหร่าน ตอบเจียงตงเย่อย่างสุภาพว่า “ผมมาหาคุณหนูฉิน”

 

 

“อ้อ” เจียงตงเย่พยักหน้า จู่ๆ ก็ได้สติ

 

 

เขาหันมองทางผู้บัญชาการเฉียนทันที

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนกำลังนั่งอยู่ฝั่งฉินหร่าน และกำลังคุยกับฉินหร่านด้วย

 

 

เฉิงมู่ชงชาให้ทั้งสามคน

 

 

นิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบกาน้ำเดินไปทางเจียงตงเย่

 

 

เจียงตงเย่ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “คุณพระ! ผู้…ผู้…ผู้บัญชาการเฉียน”

 

 

เขารอที่หน่วยอาชญากรรมทั้งวัน แถมยังสวมเสื้อคลุมทหาร อยู่หน้าประตูกับยาม จนกระทั่งเลิกเรียนก็ยังไม่เจอผู้บัญชาการเฉียน

 

 

เฉิงมู่พยักหน้า เขาพยักหน้าให้เจียงตงเย่ ช่วยยืนยันแทนเขา “ใช่แล้ว ผู้บัญชาการเฉียน”

 

 

เจียงตงเย่ได้ยินวิญญาณของตัวเองกำลังถามว่า “เขามาหาฉินหร่านงั้นเหรอ มาหาเธอทำไม พวกนายสนิทกับเขามากเหรอ”

 

 

“ผมไม่สนิท แต่คุณหนูฉินสนิทมาก ทั้งสองคนรู้จักกันนานแล้ว” เฉิงมู่คิดๆ แล้วก็โจมตีเขาอย่างแรง

 

 

มีดอกไม้ไฟระเบิดในสมองของเจียงตงเย่ในพริบตา เสียงดังตูมตามสะเทือนจนเขาเวียนหัวตาลาย ไม่รู้จะพูดอะไร

 

 

เขาน่าสงสารมากทีเดียว แต่เฉิงมู่ไม่อยากทำให้เขาสะเทือนใจไปมากกว่านี้ โทษเพื่อนอย่างลู่จ้าวอิ่งที่เป็นกำลังเสริม

 

 

เฉิงมู่ถึงขั้นอยากถ่ายรูป

 

 

สุดท้ายก็อยากจะรายงานเฉิงจินสักหน่อย

 

 

ฉินหร่านไม่รู้สถานการณ์ทางฝั่งเขา เธอคุยกับผู้บัญชาการเฉียนไม่กี่ประโยค ก็มองเจ้าหน้าที่ไอที

 

 

นึกถึงคำพูดของเฉิงเจวี้ยนที่บอกว่าเขาเป็นสมาคมแฮกเกอร์ เธอลุกขึ้น งอนิ้วแล้วเคาะโต๊ะ “นายออกมา ฉันมีอะไรอยากถามนายหน่อย”

 

 

เจ้าหน้าที่ไอทีพยักหน้า เขาลุกขึ้น เดินออกไปข้างนอกก่อน

 

 

ฉินหร่านกวาดสายตามองรอบห้องพยาบาล ไม่เจอเสื้อนอกของตัวเอง เลยเดาว่าเสื้อนอกของเธอยังอยู่ในรถ หยุดคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หยิบยูนิฟอร์มที่วางอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมา

 

 

ตามเจ้าหน้าที่ไอทีออกไปข้างนอก ยังเดินไม่ถึงสองก้าว ก็มีเสื้อนอกคลุมลงบนตัวเธอ

 

 

ฉินหร่านเผลอหันมองอย่างไม่รู้ตัว

 

 

เฉิงเจวี้ยนน่าจะกำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่ หลังคลุมเสื้อนอกให้เธอแล้ว ก็เดินเข้าไปในห้อง ขณะเดียวกันก็คุยกับคนปลายสายอย่างเกียจคร้าน

 

 

เฉิงมู่มองฉากนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ท่านเจวี้ยนของพวกเขาช่างแสดงละครเก่งเสียจริง

 

 

จู่ๆ เฉิงเจวี้ยนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขามองเฉิงมู่ “วันนั้น…เธอได้เพชรสีชมพูแบบไหน”

 

 

แม้เฉิงมู่จะนอนดึกทุกวัน ความจำไม่ค่อยดี แต่กลับจำของที่เขาสงสัยว่าใช่ลูกแก้วหรือเปล่าได้แม่นยำอย่างยิ่ง เพียงแค่ใช้คำนิยามไม่ค่อยเก่ง คลังศัพท์น้อย “เป็นก้อนหิน ไม่เคยผ่านการเจียระไน…”

 

 

เฉิงเจวี้ยนขี้เกียจถามเขาอีก จึงหยิบปากกาบนโต๊ะขึ้นมา ขีดๆ เขียนๆ ลงบนด้านหลังใบเสร็จ

 

 

จากนั้นโยนให้เฉิงมู่ดู “ใช่แบบนี้ไหม”

 

 

คุณพระ ท่านเจวี้ยนเคยเรียนวาดรูปด้วยเหรอ ขณะที่สมองของเฉิงมู่ยังคิดวนเวียนแต่เรื่องนี้ ก็ก้มหน้ามองภาพวาดลวกๆ ที่เฉิงเจวี้ยนวาด

 

 

นอกจากสีที่ไม่เหมือนแล้ว อย่างอื่นแทบจะเหมือนอย่างกับแกะ

 

 

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าท่านเจวี้ยนกำลังปั่นหัวเขา จึงเงยหน้าขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ท่านเจวี้ยน คุณก็เห็นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

 

 

ปฏิกิริยาแบบนี้ เฉิงเจวี้ยนหลุดขำพรืด ยักคิ้วงามได้รูปของเขา

 

 

เขาโยนปากกาใส่โต๊ะ มองเฉิงมู่นิ่งๆ แวบหนึ่ง “นายไปเอาเสื้อนอกของเธอที่รถมาหน่อย”

 

 

 

 

ฉินหร่านเดินออกไปข้างนอก พร้อมกับปิดประตูด้วย

 

 

“เมื่อก่อนนายเป็นคนของสมาคมแฮกเกอร์เหรอ” ในสวนนอกห้องพยาบาล ฉินหร่านยกมือขึ้นกระชับเสื้อนอก พลางมองเจ้าหน้าที่ไอที

 

 

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

 

 

จากนั้นก็ครุ่นคิด คิดว่าฉินหร่านรู้ไม่ค่อยแปลกมากนัก จึงยอมรับโดยตรง “สมาคมแฮกเกอร์ทำงานอิสระ แต่ผมลาออกมาสองปีแล้ว”

 

 

“คนในสมาคมแฮกเกอร์เคยเจอกันมาก่อนไหม” ฉินหร่านเอนตัวพิงกำแพง น้ำเสียงสบายๆ

 

 

“เปล่าครับ ส่วนใหญ่คนพวกนี้จะกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก นอกจากนัดเจอกัน ไม่งั้นก็เจอกันได้ยาก” เจ้าหน้าที่ไอทีลูบหัว “ผมเคยเห็นแค่บอสเท่านั้น”

 

 

“แค่บอสของพวกนายเหรอ” ฉินหร่านเลิกคิ้ว

 

 

“มีอีกคน แต่เขาหันหลังให้ผมตลอดเวลา” เจ้าหน้าที่ไอทีย้อนความทรงจำ “ครั้งแรกที่เจอบอสของพวกเรา ผมตื่นเต้นนิดหน่อย จำรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่น่าจะมีแค่บอสกับเพื่อนของเขาสองคน”

 

 

ฉินหร่านพยักหน้า “บอสของพวกนายมีเพื่อนคนไหนบ้าง”

 

 

มือถือของเจ้าหน้าที่ไอทีเหมือนของฉินหร่าน

 

 

ล้วนเป็นมือถือที่ฝาพับเป็นคอมพิวเตอร์ ฉินหร่านเคยให้เจ้าหน้าที่ไอทีคนหนึ่งเมื่อสามปีก่อน

 

 

มือถือเครื่องนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว หากคนของสมาคมแฮกเกอร์เคยเห็น น่าจะจำได้ชัดเจน

 

 

“เรื่องนี้ผมไม่ค่อยรู้หรอก เขามักจะโลดแล่นข้ามชาติ เพื่อนของเขาเป็นคนระดับเดียวกับเขาทั้งนั้น” เจ้าหน้าที่ไอทีนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองฉินหร่านแวบหนึ่ง “ก็เหมือนกับ…คุณหนูฉิน คุณคิดว่าผมจะรู้ไหมว่าคุณมีเพื่อนคนไหนบ้าง” ไม่ใช่ระดับเดียวกันสักหน่อย

 

 

จู่ๆ ฉินหร่านก็เถียงไม่ออก เธอมอบใบหน้าคับข้องใจของเจ้าหน้าที่ไอที กระแอมเล็กน้อย “…กลับไปเถอะ”

 

 

ทั้งคู่เดินกลับไปโดยที่คนหนึ่งอยู่ข้างหน้า อีกคนตามหลัง

 

 

ฉินหร่านผลักประตูเข้าไป

 

 

 

 

ภายในห้อง เจียงตงเย่ไปนั่งข้างผู้บัญชาการเฉียนที่อยากเจอหลายวันแล้วแต่ไม่ได้เจอสักทีแล้ว

 

 

ถามคำถามต่างๆ นานา

 

 

ถามเขาว่ารู้จักฉินหร่านได้อย่างไร จากนั้นก็ถามว่าเขาช่วยหน่อยได้ไหม

 

 

แต่ทว่าผู้บัญชาการเฉียนดูเย็นชามากทีเดียว พูดก็น้อย

 

 

‘ผู้บัญชาการเฉียนดื้อมาก…’

 

 

เจียงตงเย่ส่งวีแชทให้ลู่จ้าวอิ่ง

 

 

ลู่จ้าวอิ่งเหลือบมองเขา ไม่ตอบ

 

 

เมื่อเห็นฉินหร่านกลับเข้ามาอีกครั้ง ตาของเจียงตงเย่ก็จดจ้องเธอทันที

 

 

จ้องเธอไม่วางตา

 

 

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ผู้บัญชาการเฉียนที่แม้แต่เจียงหุยยังไม่สนิท นักเรียนมัธยมปลายอย่างฉินหร่านจะรู้จักด้วย!

 

 

นักเรียนมัธยมปลายทั่วไปจะรู้จักผู้บัญชาการหน่วยอาชญากรรมเหรอ

 

 

แถมยังมาหาเธอถึงโรงเรียนอีกด้วย

 

 

ฉินหร่านถูกจ้องจนชินแล้ว จึงไม่แปลกใจ ห้องพยาบาลไม่หนาว เธอจึงถอดเสื้อนอกออก พาดกับพนักเก้าอี้

 

 

ตอนนี้ไม่มีใคร ลู่จ้าวอิ่งจึงเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะของเขา ล็อกอินเข้าเกม พลางถามฉินหร่านว่า “วันเสาร์จะไปดูเทพพระอาทิตย์แข่งที่เซี่ยงไฮ้หรือเปล่า”

 

 

“น่าจะไป” ฉินหร่านหรี่ตา ยกแก้วชาบนโต๊ะขึ้นมา

 

 

ไม่ใช่แค่หยางเฟย เฉินซูหลานไปหากู้ซีฉือไม่ได้ ฉินหร่านจะไปด้วยตัวเองสักครั้ง

 

 

เฉิงมู่เอาเสื้อนอกของฉินหร่านเข้ามาให้แล้ว ฉินหร่านรับมา วางไว้บนตัก

 

 

“คุณหนูฉิน อันนี้” ผู้บัญชาการเฉียนยื่นโน้ตบุ๊กมา “คุณลองดูหน่อย”

 

 

ฉินหร่านมองครู่หนึ่ง เป็นเช่นที่ผ่านมา เมื่อจัดการปัญหาประเภทโค้ดแล้ว เจ้าหน้าที่ไอทีจะมายืนเรียนรู้ข้างๆ เธอ

 

 

เธอจัดการโค้ด ผู้บัญชาการเฉียนก็ไม่กวนเธอ

 

 

“เธอทำอะไรน่ะ” เจียงตงเย่เห็นท่าทางเคร่งขรึมของสองคนนี้ ก็อดหันไปกระซิบถามเฉิงมู่ไม่ได้

 

 

“น่าจะช่วยเจ้าหน้าที่ไอทีของผู้บัญชาการเฉียนจัดการปัญหาล่ะมั้ง” เฉิงมู่ตอบนิ่งๆ

 

 

เจียงตงเย่นั่งอยู่เก้าอี้ ชะงักไปเล็กน้อย “เธอเป็นนักเรียนไม่ใช่เหรอ”

 

 

เฉิงมู่ตอบเสียงเรียบว่า “เคยเรียนกับตาของเธอ”

 

 

ไม่นาน เมื่อจัดการโค้ดเสร็จ ผู้บัญชาการเฉียนก็เก็บโน้ตบุ๊กจะกลับแล้ว

 

 

เจียงตงเย่หยิบเสื้อนอก พูดกับฉินหร่านที่นั่งบนเก้าอี้คำหนึ่งว่า “ขอบคุณล่วงหน้านะ!”

 

 

จากนั้นก็รีบตามผู้บัญชาการเฉียนออกไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เจอ เจียงตงเย่จะตามอีกฝ่ายแจแน่นอน ซ้ำยังพูดถึงเจียงหุยด้วย

 

 

“คุณหมายถึงอธิบดีเจียงเหรอ” ผู้บัญชาการเฉียนล้วงกุญแจออกมา หันหน้าเล็กน้อย ท่าทีที่มีต่อเจียงตงเย่ในวันนี้ดีขึ้นเล็กน้อย “เคยเจอในงานไหว้ครูของคุณหนูฉิน ได้คุยกันนิดหน่อย”

 

 

ประโยคนี้ ทำให้เจียงตงเย่เงยหน้าทันที ดอกไม้ไฟระเบิดในสมอง

 

 

กระทั่งรถของผู้บัญชาการเฉียนออกไป เขาก็ยังจมอยู่ในภวังค์

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ เจียงตงเย่ล้วงบุหรี่ออกมาคาบไว้ หยิบมือถือออกมาต่อสายหาผู้บัญชาการห่าวในเขตหนิงไห่

 

 

เขาจำได้ว่าตอนนั้น ผู้บัญชาการห่าวเคยทำงานกับผู้บัญชาการเฉียน แถมยังแอบโพสต์ในโมเมนต์ด้วย

 

 

มีสายจากเจียงตงเย่ ผู้บัญชาการห่าวแปลกใจมากทีเดียว

 

 

เขาวางมือจากงานทางด้านนั้น เดินออกไปข้างนอก โพล่งขึ้นมาทันทีว่า “เรื่องแบบนี้ คุณไปหาคุณหนูฉินก็สิ้นเรื่อง ตอนนั้นที่ผมตามหาแก๊งหมาป่า ผู้บัญชาการเฉียนก็ช่วยผมเพราะเห็นแก่คุณหนูฉิน”