บทที่ 213 นายพลวิญญาณสีขาว

ไหปีศาจ

บทที่ 213
นายพลวิญญาณสีขาว

แสงสีขาวกะพริบและดับลงในที่สุด
ลั่วอู๋และพรรคพวกปรากฏตัวในป่าทึบห่างออกไปไม่กี่ลี้
“ฟู่ … ” ฉูจงฉวนถอดชุดพรางตัวออกอย่างระมัดระวังและนอนลงบนพื้นพร้อมหายใจด้วยความเหนื่อยล้า “ข้าเหนื่อยมาก”

เขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีสักเท่าไหร่ เพื่อเข้าไปช่วยลั่วอู๋ เขาได้ใช้พละกำลังจนหมดแรงเฮือกสุดท้าย ตอนนี้เขาไม่อยากขยับแม้แต่ปลายนิ้วเลยจริง ๆ

ลั่วอู๋เองก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
หลังจากที่ถูกล้อมกรอบในเวลานั้น เขาคิดที่จะมอบแผ่นหยกทั้งหมดให้กับศัตรู
แต่ใครจะไปคิดว่ากลุ่มของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มีเป้าหมายเป็นแผ่นหยก แต่ต้องการที่จะฆ่าคนอื่น ๆ ทั้งหมด มันจึงทำให้ลั่วอู๋ตกใจมาก
โชคดีที่ฉูจงฉวนปรากฏตัวขึ้นมาช่วยเขาไว้ได้ทันเวลา
“ฉูจงฉวนสหายข้า ข้าดีใจจริง ๆ ที่เจ้ามาช่วยข้าในครั้งนี้” ลั่วอู๋ยังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

ฉูจงฉวนพยายามยิ้มทั้ง ๆ ที่หมดแรง “มาสุภาพอะไรของเจ้า พวกเราเป็นสหายกันก็ต้องช่วยกันเป็นธรรมดาน่า”

พวกเขามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
มันไม่จำเป็นต้องกล่าวขอบคุณสำหรับความกรุณาของเขา เพียงแค่จำไว้ว่ามันคือสิ่งที่ควรจะทำเพื่อมิตรภาพ สำหรับพวกเขามันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องขอบคุณกันและกัน

“แค่ก ว่าแต่เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม ?” ฉูจงฉวนกระซิบ
ลั่วอู๋มองไปที่ฉูจงฉวน “มีอะไรล่ะ ข้าพร้อมช่วยเสมออยู่แล้ว”

“เจ้าช่วยข้าทำความสะอาดเสื้อผ้าจะได้ไหม พวกมันเหม็นและมีคราบเลือดเต้มไปหมด ตอนนี้ข้ารู้สึกแย่มากเลย” ฉูจงฉวนมองดูตัวเองด้วยสีหน้ารังเกียจ

ลั่วอู๋ตกใจจากนั้นเขาก็ส่ายหัวและหัวเราะ
หลังจากนั้นฉูจงฉวนก็ได้หลับพักผ่อนไปอย่างสงบ เขาไม่ได้หลับมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว เขาต้องการที่จะพักผ่อน

ลั่วอู๋ปล่อยจึงเหล่าผีออกไป ให้คอยเฝ้าระวังภัยตรวจดูในบริเวณรอบที่พักของพวกเขา จากนั้นก็เขาไปในมิติไห

ข้างในมิติไห
ทันทีที่ลั่วอู๋เข้ามาในมิติไห นกหน้าโง่ก็บินโฉบลงอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมแสดงท่าทางต้องการที่จะต่อสู้กับลั่วอู๋อย่างไม่พอใจ

“ทำอะไรของเจ้าน่ะเจ้านกโง่ เจ้าเป็นบ้าอะไร” ลั่วอู๋มองไปที่มันอย่างงงงวย

นกโง่กรีดร้องพร้อมโบกปีกชี้ไปที่เหล่าทหารผีและนายพลผีที่เพิ่งเข้ามาใหม่ราวกับกำลังประท้วง

นายพลผีกลุ่มนี้มีระดับมิติวิญญาณสูงกว่าเหล่าผีมาก ทำให้พวกมันแข็งแกร่งเกินกว่าจะเอาไปใช้เป็นพลทหารรักษาการณ์ เนื่องจากพวกมันต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในการควบคุม มันจึงไม่มีความหมายที่จะเอาไปใช้เป็นเวรยาม ดังนั้นพวกเขาจึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่ในมิติไหเสมอ

นอกจากนี้เมื่อเทียบกับเหล่าผีแล้ว นายพลผีกลุ่มนี้นับได้ว่าปัญญาอ่อน เมื่อพวกมันพบกับสัตว์วิญญาณอื่น ๆ พวกมันจะเริ่มทำการโจมตีในทันที ทำให้เกิดความโกลาหลมากมาย

เดิมทีนกโง่นั้นก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่น้องชายคนหนึ่งของมัน ถูกทำร้ายจนเกือบตาย จึงทำให้มันโกรธมาก

นี่เป็นเหมือนกับการท้าทายความสง่างามของมัน ในฐานะราชาของโลกนี้

จู่ ๆ ลั่วอู๋ก็รู้สึกปวดหัว
เหล่าผีระดับต่ำ ไม่ได้ถือกำเนิดในฐานะผีมานานเท่าไหร่นัก ดังนั้นพวกมันจึงยังคงมีความรู้สึกนึกคิดอยู่บ้าง ซึ่งจะสลายไปก็ต่อเมื่อมันกำลังจะเลือนหาย

ดังนั้นความฉลาดของเหล่าผีระดับต่ำที่เขาจับได้ จึงสูงกว่าของนายพลผีเหล่านี้

ทหารผีและนายพลเหล่านี้นั้น ไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ในสภาพนี้ที่นั่นมานานแค่ไหนแล้ว จิตใจและความนึกคิดของพวกมันจึงแทบจะดับสูญไปแล้ว พวกมันรู้เพียงแค่วิธีต่อสู้เท่านั้น

“ได้เลย งั้นเดี๋ยวข้าจะจัดการพวกมันให้” ลั่วอู๋พูดอย่างหมดหนทาง

เมื่อพอใจแล้วเจ้านกโง่ก็บินจากไป
แต่ว่าลั่วอู๋จะทำอย่างไรดีกับเหล่าผีนายพลพวกนั้น
เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเปิดพื้นที่พิเศษสำหรับผีเหล่านี้? นี่มันเป็นปัญหาเล็กน้อยเกินกว่าที่จะทำแบบนั้นได้

หรือบางทีเขาควรลองเอาพวกมันไปสังเคราะห์ดูดีไหม ?
“ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก่อน แต่พวกเจ้าก็ไม่เหลือความรู้สึกนึกคิดแล้ว ดังนั้นถึงแม้พวกเจ้าอาจจะไม่ต้องการมัน แต่ก็ขอให้ข้าได้ตอบสนองความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของข้าเถอะ แม้มันจะเป็นการเรียกร้องที่ดูมากเกินไป แต่ก็หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจ ”

ด้วยคำพูดเหล่านี้ความรู้สึกผิดของลั่วอู๋จึงลดลงไปเล็กน้อย

“สังเคราะห์!”
ลั่วอู๋ใส่ผีเหล่านั้นลงไปในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์

[ได้รับ โคมไฟนำทางวิญญาณ แต้มเซียน + 5]

เอ๊ะ? โคมไฟนำทางวิญญาณอย่างนั้นเหรอ ?
ลั่วอู๋มองไปที่โคมไฟรูปทรงเหมือนดอกบัวดูมีเอกลักษณ์ตรงหน้าเขา มันมีแสงไฟที่ดูลึกลับและเงียบสงบ ให้อารมณ์แปลก ๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

โคมไฟนำทางวิญญาณ ความสามารถของมันก็คือการรวบรวมซากศพของผู้คนที่เสียชีวิตภายในเจ็ดวัน และทำการรวมวิญญาณของพวกเขาเข้าด้วยกันเกิดใหม่เป็นร่างผี ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“นี่มันน่าทึ่งมาก” ลั่วอู๋อุทาน
ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา

เดิมทีการจะกลายเป็นผีหลังจากที่ตายไปแล้วนั้นจะต้องมีหมกมุ่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นพิเศษจึงจะตายแล้วไปเป็นผีได้

แม้ว่าจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับจักรพรรดิในตำนานที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อตายไปก็ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นผี หากเขาตายโดยไม่มีสิ่งตกค้างที่ยึดติดอย่างรุนแรงเหลืออยู่

ส่วนแล้วทำไมทหารถึงกลายเป็นผีได้ง่าย ๆ หลังความตาย? นั่นก็เพราะว่าพวกเขามีความยึดติดอย่างมากในการกอบกู้ดินแดนและเอาชนะศัตรู เหตุนี้จึงมีผีมากมายในภูเขากุยโต

แต่โคมไฟนำทางวิญญาณนี้นั้นสามารถช่วยให้คนตายกลายเป็นผีได้ในทันที ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็คว้าทหารผีกับผีระดับนายพลใส่ลงไปในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์

[ได้รับ โคมไฟนำทางวิญญาณ แต้มเซียน + 5]

มั่นใจได้เลยว่านี่ต้องเป็นสูตรการสังเคราะห์ใหม่อย่างแน่นอน
สินค้าแบบนี้ต้องขายได้ราคาดีแน่
ลั่วอู๋ยอมเสียเวลาเพื่อที่จะสังเคราะห์ต่อไป
และหลังจากสังเคราะห์อย่างต่อเนื่องมามากกว่า 20 ครั้ง ส่วนต่อประสานการสังเคราะห์ก็เริ่มดึงพลังวิญญาณของลั่วอู๋ ออกมามากกว่าปกติ จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หยุดลง

ลั่วอู๋เฝ้ารอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะเขารู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ มักจะเกิดผลลัพธ์ที่ได้อะไรดี ๆ ออกมา

[ได้รับ นายพลวิญญาณสีขาว (ระดับสูง), แต้มอมตะ + 50]

เผ่าพันธุ์: นายพลวิญญาณ (ระดับสูง)
ระดับ: ทอง
มิติ: ระดับทอง มิติ 9
ทักษะ: หอกปราบมังกร (ระดับ S), ความภักดี (ระดับ C), การขับขี่ระดับสูง (ระดับ A), วิชาพิชัยยุทธ์การสงคราม (ระดับ S)

พื้นเพ: นายพลวิญญาณสีขาวเดิมทีมีชื่อว่าไป่ฉี เขาใช้หอกปราบมังกรในการต่อสู้ โดยมีพลังมากพอที่จะทำให้กองทัพศัตรูทั้งหมดตกใจกลัว เขาเคยกำจัดนายพลระดับสูงของฝั่งศัตรูได้ถึง 17 คน ชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ หลังจากการตายของเขา เขานั้นไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้และกลายเป็นผีในที่สุด

เบื้องหน้าของลั่วอู๋ คือผีนายพลที่มีใบหน้าเย็นชาและถือหอกปราบมังกรไว้ในมือของเขา เอวของเขาตั้งตรงสง่า และมีลมปราณอันทรงพลัง บรรยากาศรอบตัวเขาเหมือนกับหอกอันแหลมคมที่แทงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ลั่วอู๋ถึงกับอ้าปากค้าง
เขาคนนี้มีชื่อด้วยอย่างนั้นเหรอ?
เขาเป็นผีที่มีชื่อ
ลั่วอู๋รู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นสัตว์วิญญาณที่หายากมาก ผีที่มีชื่อนั้นนอกจากราชาวิญญาณ ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับเพชรแล้วนับมามีน้อยมาก

“เจ้าคือนายของข้าใช่หรือไม่ ?” ไป่ฉีเหลือบมองไปที่ลั่วอู๋
เห็นได้ชัดว่าเขามีจิตใจและความนึกคิดที่สมบูรณ์ เขารู้ดีว่าตัวเขาในตอนนี้นั้นเป็นผี อีกทั้งยังเข้าใจด้วยว่าทำไมตัวเขาถึงมาอยู่ที่นี่ตรงนี้

ลั่วอู๋พยักหน้า
“หึ ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าข้าจะไม่มีทางยอมจำนนให้กับเจ้าแน่ ตัวข้านั้นจะไม่รับใช้ผู้อ่อนแอโดยเด็ดขาด” ไป่ฉีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ลั่วอู๋ไม่ได้โกรธ แต่กลับมีความสุข
นี่หมายความว่าตราบใดที่ลั่วอู๋สามารถเอาชนะเขา อีกฝ่ายก็จะยอมรับใช้ในทันทีเลยสินะ?

“ทุกคน จงตั้งแถว” ไป่ฉีคำรามออกคำสั่งด้วยเสียงต่ำ
เหล่าทหารและนายพลผี ต่างมารวมตัวกันเป็นกองร้อยสี่เหลี่ยมด้วยความรวดเร็วและเคร่งขรึม เฝ้ารอการตรวจสอบของไป่ฉี

“ข้ามองแทบไม่เห็นเลย” ไป่ฉีหันไปหาลั่วอู๋แล้วพูดว่า “เจ้าไปเกณฑ์ทหารผีเข้ามามากกว่านี้สิ เมื่อไม่มีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาเพียงพอ ข้าก็ไม่อาจแสดงยุทธวิธีของกองทัพที่ข้าเชี่ยวชาญออกมาได้”

หัวใจของลั่วอู๋มีความสุข เขาไม่ได้สนใจความเย่อหยิ่งของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องปกติที่สัตว์วิญญาณที่มีความนึกคิดและทรงพลังจะมีความหยิ่งยโส

นอกจากนี้เขายังช่วยลั่วอู๋แก้ปัญหาใหญ่ออกไป
ทหารผีที่โง่เขลาเหล่านี้จะไม่มีทางสร้างปัญหาในมิติไหอีกต่อไปแล้ว