บทที่ 214 ยินดีต้อนรับเข้ากลุ่ม

ไหปีศาจ

บทที่ 214
ยินดีต้อนรับเข้ากลุ่ม

“มาเถอะมาแบ่งแผ่นหยกกันดีกว่า”
ในถ้ำที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ลั่วอู๋นำแผ่นหยกทั้งหมดออกมา

ฉูจงฉวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่มีแผ่นหยกเลยสักแผ่น ข้าได้รับประโยชน์เต็ม ๆ เลยล่ะสิแบบนี้ยิ่งเจ้าแบ่งให้พวกเราได้เท่า ๆ กันด้วย ตกลงเลย ตกลง”

“ความภาคภูมิใจในฐานะบุตรชายคนโตของตระกูลฉูของเจ้าหายไปไหนแล้วเนี่ย?” ลั่วอู๋กลอกตาและโยนแผ่นหยกเจ็ดแผ่นให้กับเขา

ฉูจงฉวนรับมันมาอย่างไร้มารยาท “สำหรับคนสนิทอย่างพวกเจ้าแล้ว ข้าไม่เกรงใจเลยสักนิด ของที่ได้มาฟรี ๆ นี่มันหอมจริง ๆ”
หลี่หยินนั้นมีแผ่นหยกอยู่กับตัวอยู่แล้ว 1 แผ่น มันจึงยากที่จะแบ่งให้เท่า ๆ กัน ดังนั้นนางจึงมีแผ่นหยกอยู่แปดแผ่นชั่วคราวไปก่อน ในขณะที่ลั่วอู๋และฉูจงฉวนมีคนละใบมีเจ็ดแผ่น

“เวลาในการทดสอบได้ผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าการมีแผ่นหยกเพียงเจ็ดแผ่นจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นะ” ฉูจงฉวนกล่าว

ลั่วอู๋พยักหน้า
พวกเขาต้องรีบไปชิงแผ่นหยกมาเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ว่ากลุ่มพันธมิตรชั่วคราวที่คอยตามล่าสังหารคนอื่น ๆ นั้นมีจำนวนกี่คนกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าครั้งที่แล้วพวกเขาจะยังไม่เห็นกองกำลังของอีกฝ่ายทั้งหมด

อีกฝ่ายนั้นเกาะกลุ่มกันหลายคนและความแข็งแกร่งรายบุคคลของพวกเขาก็ถือว่าสูงมาก หากพวกเขามีจำนวนมาก

ความเป็นไปได้ที่พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนจะพยายามผ่านรอบที่สองนั้นถือว่าน้อยมาก
“แสงแห่งการชำระล้าง”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากนอกถ้ำ
มันเป็นเสียงอันชัดเจนและอ่อนโยนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัยรุ่น ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนได้เจอกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

แต่ทว่าสีหน้าของลั่วอู๋กลับเปลี่ยนไปในทันที
เขาตระหนักได้ว่าหนึ่งในสามของเหล่าผีทั้งหมดที่เขาปล่อยออกมาเพื่อเฝ้ายามได้ถูกกำจัดออกไปในคราวเดียว

ทั้ง ๆ ที่พวกมันอยู่กระจัดกระจายมากแท้ ๆ แต่กลับถูกจัดการไปมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าแสงแห่งการชำระล้างเป็นทักษะที่มีระยะกว้างมาก

“ใครมันบังอาจมาทำลายผียามของข้า” ลั่วอู๋โกรธจัด
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาในถ้ำ
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีริมฝีปากสีแดงและฟันขาว มีดวงตาอันชัดเจนและใบหน้าที่นุ่มนวลเช่นเดียวกับเพื่อนบ้านนิสัยดีที่ใคร ๆ ต่างก็คุ้นเคย ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
เขาเดินเข้ามาพร้อมกับภูตปีกแสง ราวกับกำลังถูกอาบด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์

ภูตปีกแสงนั้นมีรูปร่างของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ผู้มีดวงตาสดใส มีชีวิตชีวาและน่ารัก ปีกแสงศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกสบายใจมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการผสมผสานระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณและสัตว์วิญญาณที่เข้ากันถึงขนาดนี้

ราวกับว่าภูตปีกแสงนั้นเกิดมาเพื่อชายหนุ่มคนนี้
ชายหนุ่มเมื่อได้เห็นพรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนในถ้ำ ใบหน้าของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “เด็ก ๆ พวกนั้นเป็นของเจ้าสินะ”

รอยยิ้มของเขาดูเหมือนเกิดมาพร้อมกับผลในการขจัดความโกรธให้หมดไป

แต่ความโกรธของลั่วอู๋ยังปะทุอยู่ตลอดเวลา
“ใช่ พวกมันเป็นของข้า” ลั่วอู๋ยังคงรู้สึกไม่พอใจ
รอยยิ้มของชายหนุ่มนั้นสดใสมาก “ข้าขอโทษจริง ๆ ข้าคิดว่าพวกมันเป็นวิญญาณเร่ร่อน ตัวข้านั้นไม่ชอบบรรยากาศอันมืดมนเท่าไหร่นัก ข้าชื่อเหวินเสี่ยว ส่วนเจ้าคือลั่วอู๋ใช่รึเปล่า ?”

ลั่วอู๋นั้นไม่คิดว่าอีกฝ่ายที่จะประกาศชื่อของเขาออกมาแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงสามารถสงบนิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าคนนี้ได้อยู่ดี

ลั่วอู๋ขมวดคิ้ว “เจ้ารู้ชื่อของข้าได้อย่างไร?”
“เพราะข้าเองก็เข้ารับการทดสอบรอบแรกที่เมือง หมิงหนานด้วยเช่นกัน” เหวินเสี่ยวกล่าว

ลั่วอู๋หันศีรษะและมองไปที่ฉูจงฉวน
ฉูจงฉวนพยักหน้าเขารู้สึกประทับใจชายคนนี้เล็กน้อย
“เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นที่ดี ข้าจะให้แผ่นหยกสามแผ่น เพื่อเป็นการชดเชยเหล่าผีพวกนั้น” เหวินเสี่ยวหยิบแผ่นหยกออกมาสามแผ่นแล้วส่งให้ลั่วอู๋

ลั่วอู๋ตกตะลึงและความโกรธของเขาก็หายไปทั้งหมดในทันที
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสและท่าทีที่จริงใจเช่นนี้ ทำให้เขาเริ่มจะโกรธไม่ลง

แถมการชดใช้นี้ก็คุ้มค่าจนเกินไป
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาก็แค่ต้องไปที่เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยผีนั้นอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรน่า” ลั่วอู๋โบกมือ
“รับไปเถอะ” เหวินเสี่ยววางแผ่นหยกไว้ในมือของลั่วอู๋และพูดอย่างจริงจัง

ลั่วอู๋เกาหัวของเขาและรับแผ่นหยกกลับมา
เมื่อเห็นลั่วอู๋รับแผ่นหยกไปเหวินเสี่ยวก็ยิ้มอย่างมีความสุข แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะจากไป เขาเดินตรงเข้าไปในถ้ำและนั่งลง

ทุกคนรู้สึกแปลก ๆ
ชายหนุ่มคนนี้ดูคุ้นเคยกับพวกเขามากเกินไป
“พวกเจ้าจะมาร่วมกลุ่มด้วยกันกับข้าไหม” เหวินเสี่ยวส่งคำเชิญออกไป
“ไม่” ลั่วอู๋พูดอย่างกังวล
“ความแข็งแกร่งที่มากขึ้นหมายถึงความปลอดภัยที่มากขึ้น พวกเจ้าน่าจะรู้ได้แล้วนี่นาว่ามีใครบางคนก่อตั้งพันธมิตรล่าสังหารขึ้นมา” เหวินเสี่ยวกล่าว

ในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมมีความคิดนี้อยู่ในใจของทุกคน
ยิ่งคนเยอะความปลอดภัยก็ยิ่งสูง
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเองก็เจอกับพวกเขาด้วยงั้นเหรอ?”

“แน่อยู่แล้วสิ” เหวินเสี่ยวพยักหน้า“ พวกเขาล้วนเป็นคนที่มีความสามารถและแข็งแกร่งจากในแต่ละเขต ทุกคนเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่ไม่สามารถรับมือได้ง่าย ๆ ข้าสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้มากสุดก็เพียงสองต่อหนึ่งเท่านั้น”

ลั่วอู๋มองไปที่เหวินเสี่ยว
หากเขาประเมินไม่ผิด เหวินเสี่ยวนั้นน่าจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง
ภูตปีกแสงเป็นภูตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มันมีศักยภาพในระดับทอง และยังถือเป็นหนึ่งในสัตว์วิญญาณที่ดีที่สุดในระดับทอง

ลั่วอู๋ตรวจดูข้อมูลของภูตปีกแสงอย่างรวดเร็ว
เผ่าพันธุ์: ภูตปีกแสง
ระดับ: ทอง
มิติ: ระดับทอง มิติ 4
ทักษะ: แสงแห่งการชำระล้าง (ระดับ A), แสงศักดิ์สิทธิ์ (ระดับ S),เนรเทศวิญญาณ (ระดับ A), ค้อนแห่งการพิพากษา (ระดับ B), การพิพากษาแห่งความดีและความชั่ว (ระดับ SS), พลังแห่งการป้องกัน (ระดับ A), สื่อสารวิญญาณ (ระดับ A)

พื้นเพ: สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากแสงเหนือ มันเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการขับไล่ความมืด

ลั่วอู๋แทบไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะเหล่าที่ถูกครอบครองโดยภูตปีกแสง เขาไม่รู้ว่ามันจะมีผลกระทบอะไรต่อตัวเขาบ้าง
แต่ถ้าหากตัดสินด้วยระดับความสามารถมันก็ถือว่าไม่เลวเลย

ลั่วอู๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เจ้าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง อีกทั้งยังมีสัตว์วิญญาณคู่พันธสัญญาตัวที่สามที่มีคุณภาพอันยอดเยี่ยมเช่นนี้แล้ว ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นน่าจะสูงมากเลยทีเดียว”

ความหมายก็คือลั่วอู๋ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถต่อสู้กับศัตรูได้ในอัตราเพียงแค่สองต่อหนึ่งเท่านั้น

เช่นเดียวกับหนานกงหยิงเอ๋อผู้ที่ได้รับนกกระเรียนแห่งการจุติใหม่เป็นสัตว์วิญญาณตัวที่สาม นางมีความแข็งแกร่งที่พอจะต่อสู้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึงสี่คนในระดับเดียวกันได้อย่างสบาย ๆ

มันคือความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีสัตว์วิญญาณคู่พันธสัญญาตัวที่สามกับผู้ที่ไม่มี

เพราะทุกคนต่างก็ต้องการทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจะไม่รีบร้อนในการทำพันธสัญญาเว้นแต่พวกเขาจะพบจิตวิญญาณที่เหมาะสมมาก
แต่คนระดับนี้นั้นหาได้ยาก

“ตามนั้นแหละ” แม้จะถูกสอบสวนเหวินเสี่ยวก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด เขายังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทักษะที่ภูตปีกแสงครอบครองส่วนมากไม่ใช่ทักษะในการโจมตี ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับข้าที่จะเอาชนะผู้ใช้พลังวิญญาณในระดับเดียวกันได้ อย่างมากที่สุดข้าก็ทำได้เพียงแค่เอาชนะและปั่นป่วนผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีมิติวิญญาณต่ำกว่าข้า”

ลั่วอู๋มองไปที่ภูตปีกแสงด้วยความประหลาดใจ
ไม่จริงน่า ?
มันไม่มีทักษะในการต่อสู้เลยอย่างนั้นเหรอ?
เขาจะเลือกทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณที่บริสุทธิ์แบบนี้ทำไมกัน?

คนแบบเขานั้นค่อนข้างหายาก แม้ว่าจะมีหลายคนจะเลือกสัตว์วิญญาณสายสนับสนุน แต่พวกเขาก็คงจะไม่เลือกสัตว์วิญญาณที่เป็นสายสนับสนุนที่ไม่มีทักษะในการโจมตี
เพื่อให้สามารถต่อสู้กับผู้อื่นและไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้

“ที่เจ้ามาขอรวมกลุ่มกับพวกข้าก็เพราะ หากไม่มีความสามารถในการโจมตีที่เพียงพอ การจะผ่านการทดสอบในรอบที่สองนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายสินะ” ลั่วอู๋กล่าว

เหวินเสี่ยวพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่ข้าโชคดีที่ได้แผ่นหยกมามากมาย ดังนั้นถ้าข้าจึงต้องการรวมกลุ่มกับพวกเจ้าเพื่อรักษาแผ่นหยกที่ข้ามีเอาไว้”

ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
หากเขาต้องการผ่านการทดสอบรอบที่สองอย่างแน่นอน เขาจะต้องมีแผ่นหยกอย่างน้อย 20 แผ่น เขาคนนี้ยังมีแผ่นหยกมากมายขนาดนั้นหลังจากให้ลั่วอู๋มาสามแผ่นเลยอย่างนั้นเหรอ?

แล้วเรื่องที่ขาดพลังในการต่อสู้ล่ะ ทำไมเขามีแผ่นหยกได้มากขนาดนั้นกัน?
นี่ก็เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ
แต่
มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ที่จะรับเอาคนแปลกหน้ามาเข้าร่วมทีม

“ข้าไม่ต้องการแผ่นหยกใด ๆ จากพวกเจ้า แผ่นหยกที่ได้หลังจากร่วมมือกันแล้ว พวกเจ้าสามารถแบ่งปันให้เท่า ๆ กันในหมู่พวกเจ้าเองได้เลย” เหวินเสี่ยวกล่าวเสริม

ลั่วอู๋และฉูจงฉวนมองหน้ากันแล้วพูดออกมาเป็นเสียงเดียว
“ยินดีต้อนรับเข้ากลุ่ม”