บทที่ 215 ข้าขอคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวสักหน่อย

ไหปีศาจ

บทที่ 215
ข้าขอคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวสักหน่อย

ไม่ว่าเขาจะมีแผนอะไรแอบแฝงอยู่รึเปล่า
แต่ตอนนี้รับเขาเข้ามาในกลุ่มก่อนน่าจะดีกว่า
ด้วยการเข้าร่วมของเหวินเสี่ยว ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกเขาได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก ลั่วอู๋รู้สึกดีจริงๆที่เขามีผู้ช่วยเพิ่มมาอีกคน

ในระหว่างการเดินทางค้นหา “เหยื่อ” พวกเขาก็ได้พบกับสัตว์วิญญาณระดับทอง เสือหางแมงป่องดำ หกตัว

เสือหางแมงป่องดำนั้นมีร่างกายใหญ่โต มันสูงประมาณห้าหรือหกฟุตทั่วร่างมีสีดำมืด เสียงคำรามดังก้องเหมือนกำลังเขย่าทั้งแผ่นดิน หางของมันเป็นหางแมงป่องพิษที่มีกลิ่นเหม็นมาก
เสือหางแมงป่องดำตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงสุดของที่นี่ ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปต่อสู้กับมัน แค่หาจังหวะเรียกใช้ประโยชน์จากมันก็เพียงพอแล้ว

การจะไปถึงมิติวิญญาณในระดับทองช่วงแรกนั้นจะมีช่องว่างความแตกต่างของพลัง ระหว่างมิติวิญญาณเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งเสือหางแมงป่องดำตัวนี้สามารถฆ่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่เพิ่งเข้าสู่มิติวิญญาณระดับทองได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือของเหวินเสี่ยว พวกเขาก็สามารถหยุดยั้งและขัดขวางการโจมตีของเสือหางแมงป่องดำไปได้

แสงศักดิ์สิทธิ์
ภูตปีกแสงใช้ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์ เปิดพื้นที่แสงสว่างขึ้นมาราวกับสร้างสนามเล็ก ๆ ซึ่งทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์จะกระจัดกระจายพลังงานบริสุทธิ์ให้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของพันธมิตร

“มันเป็นทักษะสำหรับรักษาในวงกว้างหรอกเหรอเนี่ย ?” ลั่วอู๋อุทาน
ทักษะดังกล่าวนั้นหาได้ยาก
แม้ว่าการบาดเจ็บทั่วไปจะสามารถรักษาได้ด้วยทักษะอื่น ๆ แต่ถ้าหากมันเป็นบาดแผลสาหัสแล้วละก็ ทักษะอื่น ๆ คงจะยาก ต้องเป็นทักษะระดับนี้เท่านั้นถึงจะรักษาได้ทันท่วงที

โชคดีจริง ๆ ที่พวกเขามีคนที่มีพลังในการสนับสนุนและรักษามาเข้าร่วมกลุ่ม

นอกจากนี้ด้วยความสามารถในการควบคุมพื้นที่อันทรงพลังของผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะและภูตทะเลทราย ทำให้ต้าหวงและภูตไฟสามารถเอาชนะเสือหางแมงป่องดำได้สำเร็จโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเสียหาย

ร่างกายครึ่งหนึ่งของเสือหางแมงป่องดำถูกกลืนกินไป ส่วนอีกด้านถูกเผาไหม้เป็นตอตะโกและทั้งตัวชุ่มไปด้วยเลือด แม้แต่หางแมงป่องขนาดใหญ่ก็ยังถูกหักลง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมาก

“ไหลลงไปซะ”
แสงพลังวิญญาณหลากสีตกใส่ร่างของเสือหางแมงป่องดำ ลั่วอู๋ได้เก็บมันเข้าไปในมิติไห

มิติไหนั้นเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ บาดแผลของเสือหางแมงป่องดำน่าจะหายไปเองได้ในไม่ช้า มันคงจะน่าเสียดายมากถ้าหากปล่อยให้มันตายไปเปล่า ๆ นี่เป็นวิธีในการช่วยมันเอาไว้

แม้ว่ามิติวิญญาณของมันจะสูงเกินไปและลั่วอู๋ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ก็ตาม
แต่เขาก็สามารถเก็บมันไว้จัดการภายหลังได้

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก ถึงจริง ๆ แล้วพวกเราควรจะหนีมันไปก็เถอะ แต่ข้าชอบเก็บสัตว์วิญญาณแปลก ๆ พวกนี้” ลั่วอู๋พูดด้วยความลำบากใจ

และเสือหางแมงป่องดำนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ อีกทั้งยังฉลาดมากอีกด้วย

แต่ไม่มีใครในกลุ่มคัดค้านเขา

“อย่าคิดมากน่า ตอนนี้พวกเรามาคิดกันดีกว่าว่าจะไปหาแผ่นหยกกันได้ที่ไหน ข้าว่าคนที่เข้าร่วมการทดสอบในพื้นที่ล่าสัตว์น่าจะลดลงไปมากแล้ว” ใบหน้าฉูจงฉวนดูสง่างาม

ใช่ เขาพูดถูกดูเหมือนว่าจะมีผู้เข้าร่วมการทดสอบในพื้นที่ล่าสัตว์จะลดลงไปมากแล้ว

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มพันธมิตรชั่วคราวได้ฆ่าสังหารคนไปมากมาย

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาเกรงว่ามันคงจะยากที่จะผ่านการทดสอบรอบที่สอง เว้นแต่พวกเขาจะริเริ่มค้นหากลุ่มพันธมิตรชั่วคราวให้เจอแล้วชิงแผ่นหยกมาจากพวกเขา

อย่างไรก็ตามแผนนี้นั้นอันตรายมาก อีกด้านหนึ่งคือกลุ่มพันธมิตรของคนหลายคน ทั้งจำนวนและกำลังรบของอีกฝ่ายนั้นมีมากกว่าฝ่ายของเขามาก
ทันใดนั้นเหวินเสี่ยวก็พูดขึ้นมา “ ถ้าเจ้าคิดจะเล่นงานกลุ่มพันธมิตรล่าสังหาร ข้าคิดว่าข้ามีวิธีอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันได้ผลรึเปล่านะ”
“เจ้ามีแผนอะไร” ลั่วอู๋ถามอย่างรวดเร็ว
“ข้าพอจะรู้ว่าวิธีลับที่พวกเขาใช้สื่อสารและระบุตัวตนคือวิธีอะไร ถ้าพวกเราสามารถใช้จุดนี้ในการวางกับดักได้ละก็ … ”

ลั่วอู๋และฉูจงฉวนตาสว่างเป็นประกาย
หากพวกเขารู้ความลับตรงจุดนี้ พวกเขาสามารถซุ่มโจมตีอีกฝ่ายทีละคนได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่จำเป็นจะต้อง สู้กับกลุ่มพันธมิตรล่าสังหารทั้งกลุ่ม

เพียงแค่ชิงแผ่นหยกมาจากพวกเขาให้ได้มากที่สุดก็พอ
“บอกข้าทีว่าวิธีลับของพวกมันคืออะไร” ฉูจงฉวนรู้สึกตื่นเต้น

ทว่าใบหน้าของลั่วอู๋กลับมีร่องรอยของความสงสัย ทำไมเขาถึงรู้วิธีลับในการสื่อสารและระบุตัวตนของฝ่ายพันธมิตรได้กัน? เขาเคยเป็นสมาชิกของพันธมิตรล่าสังหารมาก่อน แล้วจึงแยกตัวออกไปงั้นเหรอ?

เมื่อนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าเขามีแผ่นหยกอยู่กับตัวมากมาย ลั่วอู๋ก็คิดว่ามันพอจะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

วิธีการลับนั้นง่ายดายมาก เพียงแค่ควบคุมพลังวิญญาณภายในปล่อยคลื่นพลังวิญญาณของตนออกมาเป็นความถี่ เมื่อพบปะผู้คนที่มีความถี่เดียวกัน ก็จะสามารถระบุตัวตนว่าเป็นพวกเดียวกันได้

ลั่วอู๋และพรรคพวกตื่นเต้น
“พวกมันฆ่าคนบริสุทธิ์ไปเยอะ ตอนนี้พวกเรากำลังจะทำหน้าที่ลงโทษพวกมันแทนสวรรค์” ลั่วอู๋ที่คิดจะวางกับดักไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามพันธมิตรล่าสังหารมักจะอยู่กันเป็นกลุ่มหลายคน ดังนั้นการเลือกเป้าหมายรวมถึงโอกาสในการโจมตีที่เผลอนั้นค่อนข้างยาก และต้องเตรียมตัวให้ดี

ช่างโชคดี
ที่การซุ่มโจมตีในครั้งแรกประสบความสำเร็จ
อีกฝ่ายเป็นกลุ่มที่มีคนรวมกันห้าคน พวกเขามีกลิ่นเลือดแรงติดตัว หลังจากยืนยันคลื่นความถี่พลังวิญญาณแล้ว พวกเขาก็มาเพื่อเชิญลั่วอู๋ให้เข้าร่วมด้วย

“เจ้าสนใจจะเข้าร่วมกับพวกเราไหม ? พวกเราฆ่าคนไปแล้ว 37 คน ชายปริศนาที่คิดแผนพันธมิตรการล่าสังหาร ช่างเป็นคนที่ฉลาด อัจฉริยะจริง ๆ ตราบใดที่พวกเราฆ่าคนอื่นจนหมด พวกเราก็จะติด 50 อันดับแรกอย่างแน่นอน” หัวหน้ากลุ่มห้าคนพูดขึ้น

“ใช่ เขาเป็นอัจฉริยะจริง ๆ” ลั่วอู๋พูด “ ว่าแต่พวกเจ้าเก็บแผ่นหยกไปได้กี่แผ่นแล้วตอนนี้”

ชายคนนั้นไม่เข้าใจ “พวกข้าจะรวบรวมแผ่นหยกไปทำไม ยังไงพอพวกเราฆ่าคนอื่น ๆ จนหมดแผ่นหยกมันก็ไม่จำเป็นแล้ว ยังไง ๆ พวกเราก็ต้องผ่านการทดสอบอยู่แล้วในฐานะ 50 คนสุดท้าย”

ลั่วอู๋แทบจะอาเจียนเป็นเลือด
พวกเขาฆ่าคนไป 37 คน แต่ไม่มีแผ่นหยกติดตัวเลยงั้นเหรอ?
อย่างไรก็ตามก็ถือได้ว่าห้าคนนี้มีความซื่อสัตย์

“ว่ายังไง เจ้าจะไปด้วยกันไหม ?” ชายคนนั้นถามอีกครั้ง
ลั่วอู๋กัดฟัน “แน่นอน ข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ”

หลังจากนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน จากนั้นต้นกระบองเพชรจำนวนนับไม่ถ้วนก็เบ่งบานออกมาเหมือนดอกบัว และขังพวกเขาทั้งหมดเอาไว้

เปลวไฟนกอมตะและไฟวิญญาณมรณะตกลงมาจากท้องฟ้า ตามด้วยพลังทำลายจากลมหายใจมังกรอันน่ากลัว

เพียงพริบตาเดียวทักษะการโจมตีทั้งหมดของฉูจงฉวนและลั่วอู๋ก็โจมตีลงใส่พวกเขาเหมือนห่าฝน

มันเป็นแผนที่พวกเขาคำนวณเอาไว้แล้ว
เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องเตรียมการเอาไว้ก่อน
นอกจากนี้พวกเขายังมีเหวินเสี่ยว ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรักษา ช่วยสนับสนุนหากเกิดความผิดพลาดในการซุ่มโจมตี ทำให้ง่ายต่อการแก้ไขปัญหาหากมีอะไรผิดไปจากแผน

กลุ่มของคนทั้งห้าถูกทำลายลง
แต่น่าเสียดายที่ทั้งห้าคนนี้มีเพียง แผ่นหยก5 แผ่นของพวกเขาเอง ลั่วอู๋ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าแผ่นหยกที่พวกเขาได้มาจากการฆ่าคนหายไปไหนแล้ว

แผ่นหยกเหล่านั้นถูกส่งไปยังส่วนอื่นของกลุ่มพันธมิตรงั้นเหรอ?

สิ่งนี้ทำให้ลั่วอู๋ผิดหวังมาก จนอยากจะดุพวกเขา “พวกแกไม่ได้คิดเรื่องในระยะยาวเลยใช่ไหมเนี่ย?”

เมื่อเห็นต้าหวงใช้ลมหายใจมังกร เหวินเซียวก็มองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะมีบางอย่างที่อยากจะถาม แต่เขาก็เก็บมันไว้ในใจ

โชคร้ายที่สองกลุ่มถัดไปนั้นไม่ง่ายอย่างกลุ่มแรก พลังของพวกเขาแข็งแกร่งและมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่มีสัตว์วิญญาณระดับทองเป็นคู่พันธะ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการลอบโจมตี

หนึ่งวันผ่านไป พวกเขาจึงได้แผ่นหยกมาเพียงแค่ 5 แผ่นเท่านั้น

ตอนดึก
ลั่วอู๋เรียกเหล่าผีออกมาให้คอยเฝ้ายามดูแลคนอื่น ๆ จากนั้นเขาก็หามุมพักผ่อนส่วนตัว เพื่อที่ลั่วอู๋จะได้เข้าไปในมิติไหและฝึกฝนอย่างสงบ

แต่ จู่ ๆ เหวินเสี่ยวก็มานั่งข้าง ๆ ลั่วอู๋

“มีอะไรงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋รีบออกมาจากมิติไห
หลังจากทำงานร่วมกันมาทั้งวัน พวกเขาก็สนิทกันมากขึ้น

เหวินเสี่ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงข้ามีบางอย่างอยากจะบอกกับเจ้า แต่ข้าต้องบอกเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เรื่องนี้ข้าไม่สามารถให้คนอื่นได้ยินได้ ดังนั้นข้าจึงพูดได้ในเวลานี้เท่านั้น”

ลั่วอู๋มีอาการตกใจเล็กน้อย
หรือว่านี่จะเป็นเรื่องที่ต้องบอกเขาด้วยตัวเองเท่านั้น?
เมื่อนึกถึงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาขอเข้าร่วมทีมของเขา โดยไม่หวังผลตอบแทนอะไร คิดแค่จะช่วยเหลือเขาและคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้แผ่นหยกมา ลั่วอู๋ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

อีกฝ่ายเป็นคนที่ไม่ว่าจะขอเข้าร่วมทีมใด ทีมนั้นก็คงจะตอบตกลง และคงได้รับความนิยมอย่างมาก แล้วทำไมเขาต้องมาเข้าร่วมทีมของลั่วอู๋ด้วยล่ะ

หรือว่าเหวินเสี่ยวจะมีรสนิยมแบบ..
ลั่วอู๋จับที่ปลายผมของเขาครู่หนึ่งแล้วก็พูดอย่างรีบร้อน “ข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลี่หยิน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าชอบนางมาก”

เหวินเสี่ยวกะพริบตาด้วยความสับสน จากนั้นใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปและดูโกรธเล็กน้อย
“เจ้ากำลังคิดอะไรของเจ้าเนี่ย ?”
เหวินเสี่ยวที่อารมณ์ดีมาตลอดเริ่มโกรธ