บทที่ 59.3 โล่ประสาน! (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

“เอ๊ะ?” ทันทีที่โจวเหว่ยชิงใช้แรงกดลงไปที่โล่ หลินเทียนอ้าวก็ต้องประหลาดใจทันที แต่เดิมเขาดูถูกหนุ่มน้อยผู้นี้เพราะอีกฝ่ายมีมณีเพียง 3 ชุด อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งอันบริสุทธิ์ของโจวเหว่ยชิงก็ทำให้เขาประหลาดใจมาก ไม่นานก็ตกอยู่ในความเครียดขึ้งทันที มีเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่รู้ว่าน้ำหนักที่แท้จริงของโล่หอคอย ชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 4 ชิ้นนี้…ทั้งหมดหนักเกือบ 6,000 จิน! จ้าวมณีสวรรค์ธรรมดาๆ ที่มีมณี 3 ชุด แม้แต่คนที่มีมณียุทธ์เพิ่มความแข็ง แกร่งก็ไม่อาจสั่นคลอนมันได้ แต่ถึงกระนั้น แรงผลักของโจวเหว่ยชิงกลับทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกำลังพบเจอคลื่นลมรุนแรงในทะเลปั่นป่วน

“ดี ดีมาก หนุ่มน้อย ความแข็งแกร่งของเจ้าช่างน่าประทับใจ” หลินเทียนอ้าวยิ้มจางๆ ลดมือลงเล็กน้อย โจวเหว่ยชิงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าโล่ที่อยู่ตรงหน้าเขาตั้งอยู่อย่างมั่นคงมาก เหมือนกับร่างของหลินเทียนอ้าว หนักแน่นไม่ไหวเอนราวกับขุนเขาที่ตั้งตระหง่าน ทันใดนั้นเขาก็ถอนกำลังและแรงกดบนโล่ก็หายไปทันที

หลินเทียนอ้าวยืนอยู่ที่เดิมด้วยรอยยิ้มไม่รู้สึกรู้สา ราวกับมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนสามารถรับมือกับทุกอย่างที่โจวเหว่ยชิงควักออกมาโยนใส่ได้แน่นอน

ทันใดนั้นแสงเย็นยะเยือกและแววตาอำมหิตก็พลันฉายชัดในดวงตาของโจวเหว่ยชิง ขาขวาของเขาสะบัดออกมาทันทีราวกับฟาดแส้

*เคร้งงง* เสียงสะท้อนขนาดใหญ่ดังเสียดหูขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งหยุนหลี่และชายชุดแดงถึงกับผงะตกใจ ทั้งคู่ไม่คาดคิดว่าลูกเตะกะทันหันของโจวเหว่ยชิงจะฟาดใส่โล่ด้วยพลังรุนแรงเช่นนี้ ราวกับเท้าข้างนั้นคือค้อนขนาดมหึมา กระทั่งสามารถทำให้เกิดเสียงน่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้

คนที่ตะลึงที่สุดคือหลินเทียนอ้าวเอง ก่อนหน้านี้เมื่อเผชิญหน้ากับพลังโจมตีเต็มรูปแบบของหยุนลี่ เขาไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย แต่คราวนี้เพียงแค่ลูกเตะง่ายๆ ของโจวเหว่ยชิง เขาถึงกับต้องซวนเซไปเล็กน้อย โล่หอคอยถึงกับหล่นกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นมา

พื้นที่เขายืนอยู่ราวกับกำลังคร่ำครวญอยู่ข้างใต้ พื้นสนามประลองทำมาจากโลหะผสมไทเทเนียม แต่ด้วยแรงกระแทกและน้ำหนักโล่ของหลินเทียนอ้าว พื้นข้างใต้กลับปริแตกออกเป็นช่องยาว 1 ฉื่อ เพียงแค่นั้นก็สามารถจินตนาการได้ว่าลูกเตะของโจวเหว่ยชิงนั้นทรงพลังเพียงใด

อันที่จริงโจวเหว่ยชิงได้ปลดปล่อยพลังระเบิดทำลายล้างของขาขวาปีศาจออกมาอย่างเต็มรูปแบบด้วย พลังโจมตีระยะสั้นของมันมีผลเทียบเท่ากับพลังของค้อนคู่ในตำนานของเขาด้วยซ้ำ! การโจมตีกะทันหันของโจวเหว่ยชิงเป็นการโจมตีที่ซุกซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้  เขาได้ผสมพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลเข้าไปพร้อมกับลูกเตะนั้นด้วย สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างดูน่าประหลาดใจยิ่งขึ้นคือแม้แต่โล่และพลังป้องกันที่บ้าคลั่งของหลินเทียนอ้าวก็เกือบจะถูกดีดสะท้อนกลับไปด้วยการโจมตีโดยตรงเพียงครั้งเดียวของเขา

เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลังจากโจวเหว่ยชิงกลืนไข่มุกรัตติกาลเข้าไป อาจกล่าวได้ว่านั่นเป็นแก่นพลังของอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม อสูรสวรรค์ตนนั้นไม่ได้อยู่ในจักรวาลแห่งนี้ มันมาจากจักรวาลที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันถูกโจมตีโดยศัตรูที่ทรงพลังซึ่งไม่สามารถเอาชนะได้ ในช่วงสุดท้ายมันจึงฉีกมิติเปิดช่องว่างและหลบหนีไปพร้อมกับแก่นพลังของมัน ทว่าน่าเสียดายที่มันกลับถูกโจวเหว่ยชิงกลืนกินและให้ประโยชน์กับเขาแทน ร่างกายของอสูรสวรรค์ที่ทรงพลังตนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง มันจึงทรงพลังเป็นอย่างมาก ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างก็คือหางของมัน และขาขวาปีศาจของโจวเหว่ยชิงก็ได้สืบทอดพลังของหางนั้นมาอย่างแท้จริง

ร่างกายทุกส่วนของโจวเหว่ยชิงถูกบ่มเพาะขึ้นมาจากไข่มุกสีรัตติกาลจนเต็มไปด้วยพละกำลังและแรงกายที่แข็งแกร่ง แต่ส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ขณะอยู่ในสถานะปีศาจกลายร่างเท่านั้น ทว่าข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือขาขวาปีศาจของเขา เมื่อโจวเหว่ยชิงเติบโตขึ้น พลังการโจมตีของมันจึงทวีความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

แรงปะทะที่รุนแรงทำให้ร่างของโจวเหว่ยชิงหมุนคว้าง แต่ขาขวาของเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งยังสามารถฟาดออกไปอีกครั้งได้ในทันทีอีกด้วย

อาจกล่าวได้ว่าหลินเทียนอ้าวเป็นคนแรกรับการโจมตีเต็มรูปแบบของขาขวาปีศาจแล้วยังคงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มีกระสอบทรายที่ดีเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะไม่อยากทดลองใช้ขาขวาอย่างเต็มกำลังได้อย่างไร?

ขณะนี้หยุนลี่กำลังจ้องมองไปที่ฉากตรงหน้าราวกับคนโง่ แม้ว่าคุณสมบัติของเขาจะไม่ใช่ความแข็งแกร่ง แต่เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าลูกเตะง่ายๆ ของโจวเหว่ยชิงจะสามารถบรรลุในสิ่งที่เขาไม่อาจทำได้ แม้ว่าเขาจะทุ่มเต็มกำลังแล้วก็ตาม เด็กเจ้าเล่ห์คนนั้นยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่!?

ในทางกลับกัน หลินเทียนอ้าวกลับตกใจยิ่งกว่าหยุนลี่ เขารู้ได้ทันทีว่าตนประเมินโจวเหว่ยชิงต่ำเกินไปมากจึงไม่ได้ใช้พลังถือโล่อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เขายังโชคดีที่พื้นซึ่งยึดโล่เอาไว้ทำจากโลหะผสมไทเทเนียม ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น บางทีเขาอาจจะถูกผลักจนกระเด็นออกไปพร้อมกับโล่ของเขาและแพ้การเดิมพันไปแล้ว

แม้จะประหลาดใจ เขาก็ต้องรีบหันกลับไปจดจ่อกับการต่อสู้ตรงหน้าทันที แสงสีเหลืองเจิดจ้าพวยพุ่งออกมาอีกครั้งที่มือขวาของเขา หยกเหลืองดวงที่ 5 โผล่ขึ้นมาหลอมรวมเข้ากับโล่อีกครั้ง เมื่อโล่กลายเป็นชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้น น้ำหนักที่มากขึ้นก็ทำให้มันจมลึกลงไปในพื้นข้างใต้ ในเวลาเดียวกัน มณีธาตุทั้ง 5 ดวงของเขาก็ฝังตัวเองลงในหลุมบรรจุมณีบนโล่เรียบร้อยแล้ว

แรงปะทะที่กะทันหันเช่นนี้ทำให้หลินเทียนอ้าวต้องหมุนไปอยู่ในท่าที่ไม่สบายตัวนัก ตอนนี้เขาจึงจะไม่ยอมทำผิดพลาดซ้ำอีก อย่างไรการเดิมพันครั้งนี้คืออิสรภาพตลอดชีวิตของเขา! ตอนนี้ธูปได้เผาไหม้ไปแล้วกว่า 1 ใน 5 ส่วน เขาคิดอย่างแน่วแน่ว่าจะใช้กำลังทั้งหมดเพื่อปกป้องตัวเองจากทั้งคนทั้ง 2 ให้ได้ เขาไม่อาจแพ้ได้เช่นกัน!

เสียงของหนักๆ กระทบกันดังก้องขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกเตะที่ 2 ของโจวเหว่ยชิงกระแทกเข้าใส่โล่ อนิจจา คราวนี้เขาถูกโยนกลับไปอีกฝั่งเช่นเดียวกับหยุนลี่ แม้ว่าเขาจะสามารถต้านแรงปะทะได้ได้ดีกว่า แต่ก็ยังต้องหมุนคว้างกลางอากาศไปหลายครั้งก่อนจะกลับมายืนได้อย่างมั่นคง

“ให้ตาย!” เมื่อมองไปยังโล่ใหม่ในมือของหลินเทียนอ้าว โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งในใจ น่าอิจฉาเกินไปแล้ว! เขาหันศีรษะไปมองไปที่หยุนลี่ก่อนจะพบว่าสีหน้าของหยุนหลี่ดูน่าเกลียดมากเช่นกัน

ชุดประสานศาสตรามณียุทธ์ 5 ชิ้นเช่นนั้นต้องถูกสร้างขึ้นโดยอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะเป็นอย่างน้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะก็ยังต้องทุ่มเทใช้สมาธิทั้งหมดไปกับมันอย่างน้อย 5 ปี นั่นยังไม่รวมถึงวัตถุดิบล้ำค่ามากมายที่ต้องใช้เพื่อสร้างชุดประสานดังกล่าวขึ้นมาอีกด้วย

โล่ที่หนักเป็นพิเศษในมือของหลินเทียนอ้าวมีความกว้างประมาณ 2 เมตรและสูง 2.2 เมตร มันกำลังส่องประกายแสงสีเหลืองสดใส มีลวดลายแปลกๆสลักอยู่บนตัวโล่คล้ายลวดลายบนกระดองเต่า ตอนนี้หลุมบรรจุมณีทั้ง 5 ได้บรรจุมณีเอาไว้จนเต็มครบทุกช่อง เว้นระยะห่างเท่าๆ กันบริเวณรอบๆ โล่ ทักษะทั้งหมดของเขาย่อมเป็นทักษะป้องกันที่จงใจกักเก็บมาเพื่อใช้ร่วมกับโล่นี้อย่างไม่ต้องสงสัย พลังป้องกันเช่นนี้น่าอิจฉาเกินไป โจวเหว่ยชิงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงอย่างหมิงอู๋จะสามารถทำลายโล่นี้ได้หรือไม่

สิ่งนี้ไม่ใช่แค่โล่เพียงอย่างเดียว แม้แต่หลินเทียนอ้าวเองก็เปล่งแสงออกมาคล้ายกับโล่ ราวกับว่าเขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับโล่ของตน นี่ย่อมต้องเป็นสถานะที่แข็งแกร่งที่สุดของหลินเทียนอ้าวแน่นอน เพราะแม้แต่พลังขั้นสูงสุดของขาขวาปีศาจก็ยังต้องกระเด็นออกมา

ตอนนี้หยุนลี่ฟื้นคืนพลังมาได้เล็กน้อยแล้ว เขาจึงเดินไปหาโจวเหว่ยชิงพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ตอนนี้จะทำอย่างไร? อย่าบอกนะว่าวันนี้ข้าจะแพ้พนันเป็นครั้งที่สอง?”

โจวเหว่ยชิงยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “ยังมีเวลาอีกมาก ไม่ต้องกังวลไป” ในขณะเดียวกันสมองของเขาก็ทำงานอย่างหนัก พยายามหาหนทางที่เป็นไปได้ทั้งหมด สาเหตุที่เขาใจเย็นไม่ใช่เพราะนิสัยของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นเพราะสัญญาที่เทียนเอ๋อร์มีต่อเขาด้วย อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับพลังป้องกันที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ ทั้งเขาและหยุนหลี่ต่างก็ต้องปวดหัวกับการพยายามทำลายมันอยู่แล้ว

หลินเทียนอ้าวมีความสุขที่ได้ยืนรอขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ลงมือ เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เพื่อเตรียมตัว เวลาหนึ่งก้านธูปไม่ถือว่านาน แต่ก็ไม่ถือว่าสั้นเช่นกัน

“โล่ของเขาป้องกันได้เพียงด้านเดียว เรามาเริ่มการโจมตีจากด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันเถอะ” ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม

ดวงตาของหยุนลี่พลันสว่างวาบขึ้นเช่นกัน เขาพยักหน้าเห็นด้วย ในขณะที่กำลังจะหันไปลงมือ เขาก็ได้ยินเสียงโจวเหว่ยชิงพูดอยู่ในหูของเขาเงียบๆ “เจ้าเริ่มการโจมตีก่อน ทำให้ดูรุนแรงมากที่สุดแต่อย่าใช้พลังปรานสวรรค์มากเกินไป เมื่อข้าให้สัญญาณด้วยเสียงตะโกน เราทั้งคู่จะลงมือพร้อมกัน เมื่อถึงเวลานั้น ข้าต้องการให้เจ้าใช้การโจมตีเต็มรูปแบบอีกครั้งเหมือนรอบก่อน เป้าหมายของเจ้าคือขาซ้ายของเขา”

หยุนลี่พยักหน้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเข้าใจ ไม่นานเขาก็เดินอ้อมไปด้านหลังหลินเทียนอ้าวอย่างรวดเร็ว ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มน้อยๆ และพูดออกมาว่า “เจ้าควรทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนะ เอาสิ เข้ามาได้เลย!”

ท่าทางผ่อนคลายและมั่นอกมั่นใจของเขาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโจวเหว่ยชิงมากนัก โจวเหว่ยชิงยกมือซ้ายขึ้นมา จากนั้นธนูราชันย์ก็ปรากฏขึ้นในมือท่ามกลางหมอกน้ำแข็งหนาทึบ

เพื่อให้มั่นใจว่าตนจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ โจวเหว่ยชิงรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องนำอาวุธทุกชิ้นในคลังออกมา อย่างไรทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็คือการยิงธนู ความจริงแล้วทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของโจวเหว่ยชิงนั้นยังขาดประสิทธิภาพอยู่มากเมื่อเทียบกับทักษะการยิงธนูของเขา มีเพียงความจริงที่ว่าเขามีจำนวนทักษะมากกว่าจ้าวมณีสวรรค์ทั่วไปมากและทักษะหลายชนิดมีระดับดาวค่อนข้างสูง นั่นทำให้เขาสามารถกระโดดเข้าร่วมในการต่อสู้ระยะประชิดได้บ้างในบางครั้ง อย่างไรเขาก็เคยใช้เวลา 2 ปีไปกับการเรียนรู้ฝึกฝนกับสมาชิกในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ซึ่งมีความสามารถที่หลากหลายมาก ดังนั้นการฝึกฝน 2 ปีที่นั่นจึงช่วยหล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักธนูที่ทรงพลังเช่นกัน

ธนูราชันย์ในมือโจวเหว่ยชิงเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด แม้แต่หลินเทียนอ้าวที่อยู่อีกด้านก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของโจวเหว่ยชิง

เช่นเดียวกับที่หลินเทียนอ้าวกลายเป็นหนึ่งเดียวกับโล่ของเขา โจวเหว่ยชิงในปัจจุบันก็ให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับคันธนูของเขา ธนูราชันย์ขนาดใหญ่นั้นดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของมือ ราวกับดวงตาของแขน ในขณะที่แววตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นคมกริบและแน่วแน่

ลูกศรแหวกอากาศออกไปทันที ดูเหมือนว่าสายธนูจะสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย ในชั่วพริบตาถัดมาเสียงระเบิดครั้งใหญ่ก็ดังขึ้นเมื่อลูกศรกระทบเข้ากับโล่ของหลินเทียนอ้าว เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงลูกศรแหวกอากาศออกไปด้วยซ้ำ

ระ เร็วมาก! หลินเทียนอ้าวรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง แม้ว่าแรงระเบิดของธนูราชันย์จะยังไม่สามารถเขย่าโล่ของเขาให้ขยับได้ แต่เขาก็มองไม่ทันด้วยซ้ำว่าโจวเหว่ยชิงง้างธนูและปล่อยลูกศรเมื่อใด คนๆ นี้เป็นนักธนูอย่างนั้นหรือ? ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ หลินเทียนอ้าวก็รู้สึกถึงลางร้าย เป็นอีกครั้งที่เขาพลันตระหนักได้ว่าตนประเมินเด็กน้อยผู้มีมณี 3 ดวงคนนี้ต่ำเกินไป

สนามประลองใต้ดินแห่งนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว้างเพียง 30 หลา นับว่ามีขนาดใหญ่มากสำหรับการต่อสู้ระยะประชิด แต่ก็นับว่าเป็นระยะทางที่สั้นมากสำหรับนักธนู โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธนูที่มีระยะโจมตีและพลังมหาศาลเช่นธนูราชันย์ อย่างไรก็ตาม หากเป็นการต่อสู้ธรรมดา ระยะทางสั้นๆเช่นนี้อาจเป็นอันตรายต่อนักธนูได้เนื่องจากคู่ต่อสู้จะสามารถเข้าถึงตัวเขาได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาอยู่ระหว่างการเดิมพันและหลินเทียนอ้าวก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหว อีกทั้งยังยอมให้โจวเหว่ยชิงและหยุนลี่โจมตีได้ตามที่พวกเขาพอใจในขณะที่ตนยืนอยู่กลางห้อง แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะยืนอยู่บริเวณริมห้อง ห่างจากเขาเพียงไม่กี่สิบหลา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ ภายใต้ระยะดังกล่าว แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นสูงก็ไม่สามารถหลบหลีกลูกศรดังกล่าวได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยิงด้วยธนูราชันย์ ระยะประมาณ 12 หลายังช่วยให้ลูกศรสามารถพุ่งทะยานออกไปได้มากพอจะเร่งความเร็วได้ดี อย่างน้อยก็มากถึง 8 ใน 10 ของพลังทั้งหมด นอกจากนี้ธนูราชันย์ของโจวเหว่ยชิงยังมีหลุมบรรจุมณีถึง 2 ช่อง ไม่ว่าโล่นั้นจะทรงพลังแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ชุดเกราะอยู่ดี ดังนั้นมันจึงไม่สามารถป้องกันร่างกายของเขาได้ทุกส่วน หลังจากได้สัมผัสกับลูกเตะที่ทรงพลังของโจวเหว่ยชิงก่อนหน้านี้ หลินเทียนอ้าวก็ไม่กล้าดูถูกเขาอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในห้องสังเกตเห็นแสงสีดำสลัวซึ่งเล็ดลอดออกมาจากใต้ฝ่าเท้าของโจวเหว่ยชิง มันคือทักษะสัมผัสมืด แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ถูกใช้เพื่อผูกมัดเหยื่อ แต่ใช้เพื่อปรับปรุงประสาทสัมผัสของเขาต่างหาก

…………………………