ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะเป็นคนเอาแต่ใจ แต่เธอเป็นคนที่จิตใจดีมาก หลังจากฟังสิ่งที่อวี้ไป่หันเล่าให้ฟังจนจบ ก็ซึ้งใจจนร้องไห้ “คุณหมายความว่า ฉู่หนิงซยาในตอนนี้ ที่จริงแล้วคือเหลิ่งรั่วปิง?”
“ครับ” อวี้ไป่หันพยักหน้า สีหน้ารู้สึกผิดอย่างชัดเจน “ตอนนั้นพวกเขาต่างฝ่ายต่างก็รักกันแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะผม ตอนนี้พวกเขาคงแลกใจให้กัน กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”
ไซ่หย่าเซวียนก้มหน้าลงด้วยความปวดใจ “ดูเหมือนว่าพี่ชายของฉันจะเป็นฝ่ายร้องขอมาโดยตลอด ถึงว่าทำไมหลังจากฉู่หนิงซยาฟื้นขึ้นมา ท่าทีของพี่ตี้จวินที่มีต่อฉู่หนิงซยาถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ที่แท้เพราะเขารู้แต่แรกแล้วว่าเธอคือเหลิ่งรั่วปิง” เธอเบ้ปาก “พี่เทียนรุ่ยก็อีกคนหนึ่ง หึ เขาต้องชอบเหลิ่งรั่วปิงเหมือนกันแน่ๆ”
พี่เทียนรุ่ย เธอพูดถึงพี่เทียนรุ่ยอีกแล้ว!
ถ้าถามว่าตอนนี้อวี้ไป่หันเกลียดคำว่าอะไรที่สุด ต้องเป็นคำว่า “พี่เทียนรุ่ย” อย่างแน่นอน
อวี้ไป่หันขมวดคิ้วด้วยความจนปัญญา “พอได้แล้วครับ อย่าเอาแต่พูดถึงพี่เทียนรุ่ยอะไรนั่นเลย เขาดีกว่าผมเหรอ”
“แน่นอนค่ะ ดีกว่าคาสโนว่าอย่างคุณเยอะมาก!” ไซ่หย่าเซวียนเชิดคางขึ้นด้วยความดื้อดึง ดวงตาคมเฉียบ ทุกครั้งที่พูดอะไรกระทบต่อชื่อเสียงของฉู่เทียนรุ่ย เธอจะดุขึ้นมาทันที
อวี้ไป่หันเบ้ปากด้วยความเศร้า ถูกผู้หญิงที่ตนเองชอบด่าว่าเป็นคาสโนว่า ความรู้สึกนี้มันแย่มาก ประวัติสกปรกของเขาไม่ใช่สิ่งที่จะชำระล้างให้สะอาดในระยะเวลาสั้นๆ ถึงแม้เรื่องปล่อยตัวปล่อยใจเหล่านั้น จะทำก่อนที่จะรู้จักไซ่หย่าเซวียน หลังจากรู้จักเธอเขาก็รักษาตัวมาโดยตลอด แต่ภายในใจของเขาก็รู้สึกละอายต่อเธอ
ผู้ชายรูปหล่อสูงใหญ่ เงียบขึ้นมากะหันหัน ทำให้ไซ่หย่าเซวียนรู้สึกแปลกๆ เธอจึงจงใจกระแอมไอ เพื่อทำลายบรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วน “นี่ ฉันอยากเห็นตัวจริงของเหลิ่งรั่วปิง อยากรู้ว่าหน้าตายังไง”
อวี้ไป่หันพยายามปรับอารมณ์ของตนเอง หยิบโทรศัพท์ออกมา เลือกหารูปของเหลิ่งรั่วปิง จากนั้นยื่นไปตรงหน้าไซ่หย่าเซวียน รูปนี้ถ่ายเอาไว้ตอนที่พวกเขาไปเที่ยวด้วยกันเมื่อคราวก่อน ข้างๆ เหลิ่งรั่วปิงมีหนานกงเยี่ยอยู่ด้วยตลอดเวลา
ไซ่หย่าเซวียนมองด้วยความตั้งใจ จากนั้นถอนหายใจเบาๆ “เหลิ่งรั่วปิงสวยมากจริงๆ เหมาะกับคุณหนานกงเยี่ยมากค่ะ”
“อื้ม” อวี้ไป่หันพยักหน้า “คุณคิดแบบนี้ผมก็ดีใจ ดังนั้นอย่าโกรธรั่วปิงเลยนะ อย่าทำให้เธอลำบากใจเลย”
“อื้ม” ไซ่หย่าเซวียนพยักหน้า “ฉันเห็นเธอเป็นฉู่หนิงซยามาโดยตลอด ก็เลยโมโห ตอนนี้พอได้รู้ความจริงฉันก็ไม่โกรธแล้วค่ะ คิดดูแล้ว เหลิ่งรั่วปิงดีกับฉันมาโดยตลอด” นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน จึงรีบหันไป “นี่ คุณอวี้ไป่หัน คุณไม่เพียงแต่เจ้าชู้ แต่ยังไร้ศีลธรรม ทำไมตอนนั้นคุณถึงพรากพวกเขาไปจากกันได้”
อวี้ไป่หันรู้สึกเหมือนกลืนจิ้งจกลงท้อง กระเพาะของเขารู้สึกไม่สบายมาก ในสายตาของผู้หญิงที่เขาชอบ ตนเองไม่มีภาพลักษณ์ที่ดีแม้แต่น้อย!
สุดท้าย เขาพยักหน้าด้วยความจนปัญญา “ครับ เมื่อก่อนผมหน้าไม่อายมาก ทั้งยังสารเลว แต่ว่าตั้งแต่รู้จักคุณผมก็กลับตัวเป็นคนดีแล้วนะครับ กลับเนื้อกลับตัวใหม่ทั้งหมดแล้ว คุณอย่าดูถูกผมเลยนะครับ”
“ชิ!” ไซ่หย่าเซวียนเค้นเสียง “ดูพฤติกรรมของคุณก่อน!”
“ครับๆๆ ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ หืม?”
“ฮ่าๆๆ…” ไซ่หย่าเซวียนหัวเราะ “หวังว่าคุณหนานกงและเหลิ่งรั่วปิงจะคืนดีกันเร็วๆ นะคะ”
ตอนที่อวี้ไป่หันพาไซ่หย่าเซวียนกลับเข้ามาในห้องรับแขก ใกล้จะสิบโมงแล้ว หนานกงเยี่ยยังคงไม่มีท่าทีจะปลุกเหลิ่งรั่วปิง เมื่อวานพวกเขารอเค้าดาวน์จนถึงเที่ยงคืน ทั้งยังนอนพูดคุยกันบนเตียงอยู่นาน เขาไม่อยากรบกวนเวลานอนของเธอจริงๆ
สำหรับการตามใจผู้หญิงของหนานกงเยี่ยจนไม่สนอะไร ทุกคนทำได้เพียงถอนหายใจ สุดท้ายมู่เฉิงซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “หนานกง ถึงแม้การที่แกตามใจผู้หญิงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ถ้าแกยังไม่ไปปลุกเธอ ฉันเดาว่าเรื่องสำคัญที่แกเตรียมเอาไว้คงไม่ทันการแน่”
เวินอี๋ยิ้มหวาน “ใช่ค่ะ คุณหนานกง คุณตั้งใจวางแผนมานานขนาดนี้ อย่าทำให้แผนที่วางไว้พลาดไปเพราะความตามใจสิคะ”
เมื่อวาน มู่เฉิงซีเล่าความจริงทั้งหมดให้เวินอี๋ฟังแล้ว เธอเองก็เห็นด้วยที่หนานกงเยี่ยจะจีบเหลิ่งรั่วปิงใหม่ ดังนั้นตอนนี้เธอจึงสนับสนุนการกระทำของทุกคน
หนานกงเยี่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเพียงเล็กน้อยของเขาก็มีเสน่ห์ล้นหลาม “อืม ฉันไปปลุกเธอ”
ท่ามกลางสายตาขบขันของทุกคน หนานกงเยี่ยเดินขึ้นไปชั้นบน
ไซ่หย่าเซวียนมองตามไปถึงบันไดด้วยความอิจฉา “คุณหนานกงตามใจเหลิ่งรั่วปิงมากเลยค่ะ”
อวี้ไป่หันพูดปลอบเสียงเบา “ผมก็จะตามใจคุณทุกอย่างเหมือนกัน”
ไซ่หย่าเซวียนยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไร ถังเฮ่าที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะเล็กน้อย “ว้าว ไป่หัน คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่แกหวั่นไหวกับผู้หญิง กลับตัวกลับใจเป็นคนดีแล้วจริงๆ เหรอ”
“ไสหัวไป!” อวี้ไป่หันคว้าหมอนตรงโซฟาฟาดไปที่หัวของถังเฮ่า สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้ก็คือ การที่คนอื่นเอาเรื่องเจ้าชู้ในอดีตมาหัวเราะเยาะ โดยเฉพาะต่อหน้าไซ่หย่าเซวียน “ถึงยังไงฉันก็ดีกว่าแกที่อยู่กับอากาศ เอาแต่คิดถึงผู้หญิงที่เจอกันแค่สองครั้งแล้วหายตัวไป หึ!”
คำพูดเพียงคำเดียวแทงใจดำถังเฮ่า เขาโยนหมอนทิ้งด้วยความหงุดหงิด เงียบแล้วไม่พูดอะไรอีก หลินมั่นหรูคือจุดอ่อนในชีวิตของเขา เขาสาบาน ถ้าเจอเธออีกครั้ง เขาจะมัดเธอกลับมา กักขังเธอไว้ข้างกายตลอดเวลา ไม่ให้เธอมีโอกาสหนี
หนานกงเยี่ยเดินขึ้นไปชั้นบน เปิดประตูเบาๆ มองดูเหลิ่งรั่วปิงที่ยังคงนอนหลับสนิท เผลอยิ้มเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้เมื่อก่อนเธอระมัดระวังตัวมาก เพียงแค่มีเสียงนิดหน่อยเธอก็ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ตอนนี้กลับหลับสนิท นอนมานานขนาดนี้ก็ยังไม่ตื่น เป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยหรือ
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ รอยยิ้มในแววตาของเขาก็มากยิ่งขึ้น
นั่งลงตรงข้างเตียงเบาๆ โน้มตัวลง นิ้วมืออบอุ่นลูบจับใบหน้าเล็กๆ ของเธอแผ่วเบา เสียงของเขาอ่อนโยนราวกับน้ำที่รินไหลผ่านเม็ดทราย “ฉู่หนิงซยา ตื่นได้แล้วครับ”
เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้ว แล้วตีแขนของหนานกงเยี่ย “คุณหนานกงเยี่ย เป็นตัวแทนของเหลิ่งรั่วปิง ไม่มีสิทธิ์ในการนอนเหรอคะ”
มองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับตา หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงเบา “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ตื่นได้แล้วครับ พวกเรายังต้องไปเที่ยวด้วยกันอีก ทุกคนรอคุณอยู่ที่ชั้นล่าง”
“ปล่อยให้พวกเขารอไปเถอะค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงพูดด้วยเสียงงัวเงีย ยังคงไม่ยอมลืมตา
“ฮ่าๆๆ…” ยิ้มของหนานกงเยี่ยเปี่ยมด้วยความรักใคร่ “ถ้าคุณยังไม่ตื่นผมจะจุ๊บคุณแล้วนะครับ”
ราวกับถูกคนใช้มีดแหลมคมกรีดแทง เหลิ่งรั่วปิงเด้งตัวขึ้นมา นั่งตัวตรง “คุณหนานกงเยี่ย หยุดทำตัวน่าไม่อายได้แล้วค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยยิ้มแล้วนั่งลง “อย่าแกล้งทำเป็นอายเลยครับ ตอนที่ผมจูบคุณ คุณดูเคลิบเคลิ้มดีออก”
เหลิ่งรั่วปิง “…”
เธอรู้สึกว่าไม่ใช้คำพูดเอาชนะหนานกงเยี่ยได้ จึงใช้กำลังกับเขา คว้าหมอนปาไปที่หัวของหนานกงเยี่ย หนานกงเยี่ยไม่รีบร้อน เขากอดทั้งคนทั้งหมอนในคราวเดียว จากนั้นอุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ วางเหลิ่งรั่วปิงไว้บนเก้าอี้ แล้วเตรียมแปรงสีฟันและแก้วแปรงฟันให้เธอ
ยื่นแปรงสีฟันที่ใส่ยาสีฟันเรียบร้อยไปตรงหน้าเธอ “อะ รีบแปรงเถอะครับ”
เหลิ่งรั่วปิงที่ทำอะไรด้วยตนเองมาโดยตลอด เคยชินกับความลำบากมานาน จู่ๆ มีคนมาดูแลแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด ลังเลไม่ยอมรับแปรงสีฟัน หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เชื่อฟังนะครับคนดี เร็วเข้า ขืนช้ากว่านี้พวกเราจะสายแล้วจริงๆ”
คืนนี้เขาจะพาเธอบินไปเมืองไห่ที่อยู่ทางใต้ เพื่อเสร็จสิ้นงานสำคัญที่เขาเตรียมด้วยความตั้งใจ ขืนชักช้าต่อไปคงจะไม่ทันการแล้วแน่ๆ
เหลิ่งรั่วปิงรับแปรงสีฟันมาด้วยความขมขื่น เริ่มแปรงฟันช้าๆ หนานกงเยี่ยราวกับเป็นคนงานชายที่แสนอ่อนโยนคอยยืนอยู่ข้างๆ เธอ ยื่นแก้วแปรงฟันให้กับเธอ หลังจากที่เธอแปรงฟันเสร็จเขาก็ล้างหน้า ล้างมือให้เธอด้วยตนเอง หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หนานกงเยี่ยอุ้มเธอกลับไปที่เตียง แล้ววิ่งไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้เธอ เวลานี้อากาศในเมืองหลงยังคงหนาวมาก จำเป็นต้องใส่เสื้อกันหนาว แต่หลังจากลงเครื่องไปถึงเมืองไห่ทางใต้แล้ว ใส่แค่เสื้อตัวเดียวก็พอ ดังนั้นเขาจึงเตรียมเสื้อผ้าให้เธอสองชุดด้วยความใส่ใจ เพื่อที่เธอจะได้เปลี่ยนบนเครื่อง
“เปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ เดี๋ยวผมไปรอด้านนอก” หนานกงเยี่ยวางเสื้อผ้าไว้บนเตียง แล้วเดินออกไป เขารู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมให้เขายืนมองดูเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า
หนานกงเยี่ยดูแลถึงขั้นนี้แล้ว เหลิ่งรั่วปิงไม่อาจทำตัวกระมิดกระเมี้ยนได้ ดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผมให้เรียบร้อย แล้วเดินออกมา เธอไม่ชอบแต่งหน้า ดังนั้นจึงใช้เวลาน้อยมาก
เสื้อผ้าที่หนานกงเยี่ยเตรียมให้เธอ ถูกใจเธอมาก เสื้อเชิ้ตสีดำตัวบาง กางเกงลำลองขายาวสีดำ สวมทับด้วยเสื้อโค้ทขนสัตว์ตัวยาวสีขาวน้ำนม การแต่งตัวแบบนี้ เข้ากับผมยาวประบ่าของเธอมาก ทำให้เธอดูสง่าและสบายตา
เมื่อเหลิ่งรั่วปิงเดินออกมา หนานกงเยี่ยคว้าจับมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งสองเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกัน
พอทุกคนได้ยินเสียงก็หันหน้าขึ้นไปมองทั้งสองอย่างพร้อมเพรียงกัน ชายหนุ่มสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างกำยำ หญิงสาวตัวสูง ใบหน้าสะสวย หุ่นอรชน ยืนอยู่ด้วยกัน ดูเหมาะสมกันมาก
มองดูพวกเขาจับมือกัน ทุกคนต่างรู้สึกดีใจมาก ความรู้สึกหม่นหมองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้ สลายหายไปจนหมด
อวี้ไป่หันแสดงความสามารถในการสร้างบรรยากาศที่ดีในเวลาที่เหมาะสม “ว้าวๆๆ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมาะสมกัน”
เหลิ่งรั่วปิงปรายตามองอวี้ไป่หัน ความรังเกียจก่อตัวขึ้นในใจทันที ดึงมือที่ถูกหนานกงเยี่ยจับเอาไว้กลับมา เม้มปากมองไปทางไซ่หย่าเซวียน ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะเข้าใจเธอผิด แต่เธอไม่อยากเห็นไซ่หย่าเซวียนยุ่งกับผู้ชายเจ้าชู้อย่างอวี้ไป่หัน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็เป็นน้องสาวของไซ่ตี้จวิ้น ตนมีหน้าที่เป็นห่วงเธอ
ความเกลียดชังที่ไซ่หย่าเซวียนมีต่อเธอเมื่อวานหายไป วันนี้ไซ่หย่าเซวียนยิ้มแล้วเดินมาคล้องแขนเหลิ่งรั่วปิง
“หนิงซยา เมื่อวานฉันผิดเอง เธออย่าโกรธเลยนะ พวกเราไปเที่ยวด้วยกันดีไหม”
สำหรับท่าทีของไซ่หย่าเซวียน เหลิ่งรั่วปิงตกใจมาก เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำให้ไซ่หย่าเซวียนเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือต้องเกี่ยวข้องกับอวี้ไป่หันอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ จึงเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองไปทางอวี้ไป่หัน แววตาของเธอเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “คุณอวี้คะ ดูจากการกระทำของคุณแล้ว คุณคิดจะจีบน้องสาวคู่หมั้นฉันเหรอคะ”
เมื่อกี้เธอเห็นด้วยตาตนเอง อวี้ไป่หันใกล้ชิดกับไซ่หย่าเซวียน ก้มหน้าลงพูดคุยเรื่องบางอย่างกับเธอ ภาพแบบนี้เธอเห็นบ่อยแล้ว อวี้ไป่หันมักจะกอดหญิงสาวและพูดหยอดคำหวาน แต่ว่าสีหน้าของเขาเมื่อครู่แตกต่างจากที่ผ่านมา เหมือนจะมีความบริสุทธิ์ใจมากขึ้น แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาเป็นคาสโนวาที่เคยชินกับการโปรยเสน่ห์ จะจริงจังกับไซ่หย่าเซวียนจริงๆ หรือ
“น้องสาวคู่หมั้น” คำพูดสี่คำนี้ ดังเข้าไปในโสตประสาทของหนานกงเยี่ย ราวกับเข็มสามเล่ม ปักเข้าไปทำให้เขาทรมานมาก ความโมโหก็พาลตามมาด้วย