ชั่วขณะหนึ่ง อุณหภูมิรอบตัวหนานกงเยี่ยลดลงเหลือศูนย์องศา แววตาเย็นยะเยือกคล้ายจะมีพายุลูกใหญ่ เขาโยนแหวนหมั้นของเธอทิ้ง ทั้งยังทำเรื่องใกล้ชิดสนิทสนมกับเธอตั้งมากมาย แต่เธอยังกล้าคิดว่าไซ่ตี้จวิ้นคือคู่หมั้นของเธอ เป็นเพราะเขาตามใจเธอมากเกินไปใช่ไหม ตามใจจนทำให้เธอไม่สนอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ถึงไม่รู้ว่าตนเองเป็นผู้หญิงของใคร?
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้สังเกตสีหน้าของหนานกงเยี่ย เธอมัวแต่สนใจอวี้ไป่หัน เธอรู้สึกว่าไซ่หย่าเซวียนบริสุทธิราวกับผ้าขาว ทั้งยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน เป็นเรื่องง่ายที่จะถูกคาสโนว่าอย่างเขาหลอกลวง ดังนั้นเธอต้องรีบหยุดเรื่องนี้
ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะไม่ได้สนใจหนานกงเยี่ย แต่เวลานี้ทุกคนล้วนกำลังมองดูสีหน้าของเขา สีหน้าของเขาเริ่มไม่ดีเท่าไร หัวใจของทุกคนขึ้นมาถึงคอหอย ถ้าเขาระเบิดอารมณ์ตอนนี้ เรื่องสำคัญที่จะทำคืนนี้ก็ไม่ต้องทำแล้ว เพราะด้วยนิสัยดื้อดึงของเหลิ่งรั่วปิง ไม่กินมุกนี้อย่างแน่นอน
คนที่ร้อนใจที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอวี้ไป่หัน เดิมทีเขาก็รู้สึกละอายกับเหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ยอยู่แล้ว ครั้งนี้ถ้าเขาเป็นต้นเหตุทำลายแผนการของหนานกงเยี่ย เขาคงรู้สึกผิดไปถึงต้นตระกูลอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงพูดเสียงหวาน หัวเราะแห้งๆ เสียงดัง “หนิงซยา วันนี้เป็นวันพิเศษ เราอย่าพูดเรื่องพวกนี้ดีไหมครับ ผมรับปากว่าจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับหย่าเซวียน ถ้าผมทำอะไรไม่ดีกับเธอ คุณตัดมือผมทิ้งได้เลย”
ถังเฮ่าเองก็รีบเดินไปหาหนานกงเยี่ย บีบนวดแขนของเขา “ใช่ๆ ต้องไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขสิ อย่าพูดเรื่องอื่นกันเลย ไปกันเถอะ”
คำพูดของถังเฮ่าเตือนสติหนานกงเยี่ย เขาอดกลั้นความโมโหที่ปะทุในใจ จับมือเหลิ่งรั่วปิงอีกครั้ง ไม่ถามความคิดเห็นของเธอ เดินสาวเท้าก้าวใหญ่ออกไปจากห้องรับแขก
เมื่อทุกคนประสมโรงเข้ามาแบนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงไม่มีโอกาสในการเค้นถาม เธอเดินตามหนานกงเยี่ยขึ้นไปยังเครื่องบินส่วนตัวของเขา
เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยสงบสติลงด้วยตนเอง ทุกคนต่างพากันโล่งอก ทยอยกันเดินขึ้นไปบนเครื่องบิน คนที่เงียบที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอวี้ไป่หัน เขารู้สึกเหมือนตนเองจะเหยียบกับระเบิดอยู่ตลอดเวลา พาไซ่หย่าเซวียนนั่งให้ห่างจากหนานกงเยี่ยและเหลิ่งรั่วปิงมากที่สุดอย่างรู้ตัว อวี้ไป่หันที่ปกติชอบพูดชอบหัวเราะ เอาแต่นั่งเงียบไม่หยุด พยายามทำให้ตนเองไม่มีตัวตน ทางด้านไซ่หย่าเซวียนที่เป็นคนร่าเริงอยู่ตลอดเวลา เธอเข้าใจว่าทำไมอวี้ไป่หันถึงเป็นแบบนี้ จึงพยายามร่วมมือกับเขาแล้วนั่งเงียบๆ ไม่กล้าทำอะไรเสียงดัง กลัวจะดึงดูดความสนใจของเหลิ่งรั่วปิง
เวินอี๋ฉลาดที่สุด เธอลากมู่เฉิงซีนั่งลงตรงข้ามเหลิ่งรั่วปิงและหนานกงเยี่ย พูดคุยกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา ทำลายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ความเป็นจริงเหลิ่งรั่วปิงเองก็เข้าใจ ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะใสซื่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไซ่หย่าเซวียนอยากทำอะไรตนห้ามไม่ได้ อะไรที่ควรพูดตนก็พูดไปหมดแล้ว แต่ถ้าไซ่หย่าเซวียนดึงดันที่จะคบหากับอวี้ไป่หัน ตนเองก็จนปัญญา ในเมื่อทุกคนไม่อยากให้พูดเรื่องนี้ ตนก็ทำได้เพียงไม่พูด
เครื่องบินส่วนตัวของหนานกงเยี่ยหรูหรามาก อากาศข้างในอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ นั่งเพียงไม่นาน ทุกคนพากันถอดเสื้อกันหนาว คนที่พูดคุยกันก็พากันพูดคุย คนที่ดื่มก็พากันดื่ม บรรยากาศครึกครื้นมาก
สิ่งแรกที่หนานกงเยี่ยทำตอนขึ้นมาบนเครื่องบินคือ สั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหารเช้าให้กับเหลิ่งรั่วปิง ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาก็ถูกเขาลากมาขึ้นเครื่อง ไม่ทันได้กินอาหารเช้า ถึงแม้จะโกรธเธอ แต่ก็เป็นห่วงเธออยู่ตลอดเวลา
บินจากเมืองหลงไปยังเมืองไห่ที่อยู่ทางใต้ ต้องใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมง การเดินทางนั้นยาวนานและน่าเบื่อ ถังเฮ่าจึงชวนเล่นไพ่ เหลิ่งรั่วปิงที่กำลังกินอาหารเช้าอยู่นั้นรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ได้สิคะ ถ้าจะเล่นก็เล่นใหญ่หน่อย ไพ่สตั๊ด กล้าไหมคะ”
ถังเฮ่ามองเหลิ่งรั่วปิงด้วยสีหน้าตกใจ “ได้สิครับ ฉู่หนิงซยา ดูจากที่คุณพูดคงอยากจะเล่นให้รวยเลยใช่ไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก “คุณไม่เชื่อมั่นในทักษะการเล่นไพ่ของตนเองหรอคะ กลัวว่าฉันจะชนะจนคุณล้มละลาย?” กัดซาลาเปาในมืออย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าคุณกลัวก็ถอยออกไปเถอะค่ะ”
“ดูถูกกันใช่ไหมครับ” ตอนนี้ถังเฮ่าแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเข้าใกล้เหลิ่งรั่วปิง เขาอยากได้ข้อมูลของหลินมั่นหรูจากปากของเธอ “ถึงแม้ตระกูลถังของผมจะเทียบกับตระกูลหนานกงไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นแพ้พนันจนล้มละลายหรอกครับ มา แจกไพ่ ผมเล่นกับคุณเอง”
เหลิ่งรั่วปิงกัดซาลาเปาอย่างไม่รีบร้อน “เล่นกันสองคนจะไปมีความหมายอะไร มาเล่นด้วยกันค่ะ เล่นห้าคน” เป็นครั้งแรกที่เธอเป็นฝ่ายชวนอวี้ไป่หัน “มาๆๆ คุณอวี้ไป่หันคะ คุณชอบเรื่องครึกครื้นที่สุดไม่ใช่เหรอ มาสิคะ!”
ความคิดของเหลิ่งรั่วปิงเรียบง่ายมาก เธอจะอาศัยโอกาสนี้เอาชนะคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลง เพื่อแก้แค้นความอับอายในตอนนั้น โดยเฉพาะอวี้ไป่หัน เธอจะต้องทำให้เขาแพ้จนร้องไห้เรียกหาบุพการี
คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงคือกลุ่มคนที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเห็นเหลิ่งรั่วปิงที่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งในสายตา ถึงแม้ฝีมือการต่อสู้ของเธอจะไม่เลว ทั้งยังฉลาดและสวย แต่เกมพนันนั้น ผู้ชายย่อมอยู่สูงกว่าขั้นหนึ่ง พวกเขาล้วนคิดว่าเธอต้องการความสนุกเท่านั้น
อวี้ไป่หันที่ระมัดระวังมาโดยตลอด ได้ยินเหลิ่งรั่วปิงร้องเรียกกะหันหัน รู้สึกดีใจราวกับจรวดที่พุ่งทะยานออกไปนอกโลก “ครับๆๆ มาแล้วๆ หนิงซยา ผมจะออมมือให้คุณนะครับ”
“ชิ!” เหลิ่งรั่วปิงสบถด้วยความเย้ยหยัน “ไม่จำเป็นค่ะ รักษาไพ่ในมือคุณให้ดีก็พอ อย่าให้ฉันชนะจนคุณไม่มีเงินซื้อกางเกงใส่”
ฮ่าๆๆ…” ทุกคนหัวเราะ อวี้ไป่หันหน้าแดงระเรื่อ
เดิมทีหนานกงเยี่ยอารมณ์ไม่ดีเท่าไร ทำหน้าเคร่งขรึมมาโดยตลอด ทว่าคำพูดนี้ของเหลิ่งรั่วปิงกลับทำให้เขาหัวเราะ แววตาของเขามีแต่ความรักและเอาใจใส่ มองดูริมฝีปากเล็กๆ ที่มันเยิ้มเพราะซาลาเปา จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็อารมณ์ดีขึ้นมา ผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เป็นได้ทั้งนางฟ้าบนสวรรค์ และเป็นได้ทั้งผีบนโลกมนุษย์!
ด้วยเหตุนี้ บริกรจึงจัดการทำความสะอาดโต๊ะ คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงและเหลิ่งรั่วปิง รวมกันแล้วครบห้าคน ไซ่หย่าเซวียนนั่งอยู่ข้างๆ อวี้ไป่หัน ทางด้านเวินอี๋ เดิมทีเธอจะนั่งข้างมู่เฉิงซี แต่เพราะเหลิ่งรั่วปิงถือซาลาเปาเอาไว้ พลิกไพ่ไม่ได้ ดังนั้นจึงให้เวินอี๋ช่วยเธอดูไพ่ เวินอี๋ก็เลยนั่งข้างเหลิ่งรั่วปิง
เหลิ่งรั่วปิงพิงตัวลงนอนบนโซฟาด้วยความเกียจคร้าน เธอกินซาลาเปาไปด้วย และรอการแจกไพ่ด้วยความใจเย็น
บริกรเปิดไพ่กล่องใหม่ หลังจากสลับไพ่เสร็จ ก็เริ่มแจกไพ่ เริ่มโดยการแจกไพ่เปิดให้ผู้เล่มคนละหนึ่งใบ ไพ่ปิดคนละหนึ่งใบ ดูจากไพ่เปิด เหลิ่งรั่วปิงแต้มสูงสุด ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเห็น เธอเคี้ยวซาลาเปาไปด้วยพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากด้วยความรื่นรมย์ บอกให้เวินอี๋ลงเดิมพันให้เธอ เหลิ่งรั่วปิงปิงลงเดิมพันถึงห้าแสนหยวน
นอกจากหนานกงเยี่ย คนอื่นทั้งสามคนต่างกำลังดูถูกเธอในใจ ผู้หญิงถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยันค่ำ ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะโดดเด่นกว่าผู้หญิงทั่วไปแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นการมองเพียงแค่ระยะสั้น ไพ่หนึ่งใบจะบอกอะไรได้ เธอถึงได้ลงเดิมพันด้วยความดุเดือด
หนานกงเยี่ยไม่ดูถูกเธอ แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะเหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงของเขา ทว่าเป็นเพราะเขารู้จักผู้หญิงของตนเองเป็นอย่างดี เธอไม่ได้โง่เหมือนอย่างที่แสดงออกมาอย่างแน่นอน เขามองทุกอย่างออกแล้ว ผู้หญิงของเขาต้องการแก้แค้น ก็ได้ ถึงอย่างไรผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาโดยตลอด เขารู้ดีที่สุด ถ้าไม่ให้เธอแก้แค้น เธอไม่มีวันผ่านเรื่องนั้นไปได้แน่ งั้นเขาจะยอมใจอ่อนให้เธอ
เหลิ่งรั่วปิงลงเดิมพันไปห้าแสน คนอื่นๆ ล้วนเป็นหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่มีชื่อเสียง พวกเขาล้วนพากันลงเดิมพันห้าแสนเช่นเดียวกัน
บริกรแจกไพ่ใบที่สาม เวินอี๋ยื่นไพ่ไปตรงหน้าเหลิ่งรั่วปิง สีหน้าของเหลิ่งรั่วปิงไม่สบอารมณ์ทันที “ทิ้งไพ่!”
“หา?” เวินอี๋ร้องเสียงหลง เพิ่งแจกไพ่ใบที่สามก็ทิ้งไพ่แล้ว ถึงแม้ไพ่ใบที่สามแต้มจะน้อยไปหน่อย แต่รวมกันแล้วก็ไม่แย่มาก
เหลิ่งรั่วปิงทิ้งไพ่ง่ายๆ แบบนี้ ทำให้มู่เฉิงซี ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันลอบดูถูกเธอในใจ ดูท่าเหลิ่งรั่วปิงก็เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนเด็กสาว ไม่มองการณ์ไกล ไพ่ใบแรกแต้มสูงลงเดิมพันทันที ไพ่ใบที่สามแต้มต่ำก็ทิ้งไพ่ด้วยความเอาแต่ใจ เสียเงินห้าแสนโดยเปล่าประโยชน์ ดูท่าเงินของผู้หญิงคนนี้คงเอาชนะได้ง่ายๆ ถึงอย่างไรเงินของเธอก็คือเงินของหนานกงเยี่ย ภายในใจของทั้งสามคนลอบคิดอยากจะกวาดเงินจากเธอ การชนะเงินของหนานกงเยี่ยเป็นเรื่องที่สะใจสุดๆ
ดังนั้น สายตาที่สามคนมองหนานกงเยี่ยจึงเคล้าไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยยิ้มทว่าไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงของเขากำลังคิดอยากจะใช้อุบายแบบไหนเขารู้ดีที่สุด เขานั่งรอดูสีหน้าของทั้งสามคนที่คิดไปเองเปลี่ยนสี
เพราะเหลิ่งรั่วปิงออกจากเกมก่อน เกมแรกจึงจบลงอย่างรวดเร็ว เกมที่สองเริ่มขึ้น แต่เกมที่สอง เหลิ่งรั่วปิงก็ทิ้งไพ่แต่เนิ่นๆ เมื่อเป็นแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง เหลิ่งรั่วปิงทิ้งไพ่ไปหลายเกม ทุกเกมเธอสูญเงินไปหลายแสน
มู่เฉิงซี ถังเฮ่าและอวี้ไป่หัน พยายามทำทุกอย่างเพื่อชนะเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นจึงลงเดิมพันตามเธอติดๆ หนานกงเยี่ยยังคงนิ่งเฉย วางเดิมพันตามพวกเขาด้วยความนิ่งสงบ สีหน้าของเขา ในสายตาของทั้งสามคน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็คือเสียหน้า เพราะผู้หญิงของเขาโง่มาก
อย่างรวดเร็ว การเดิมพันรอบที่หกเกิดขึ้น
ไพ่เปิดใบแรก เหลิ่งรั่วปิงใหญ่ที่สุดอีกครั้ง เธอดีใจมาก “ห้าสิบล้าน!”
“หา?” เวินอี๋ตกใจ “หนิง…หนิงซยา เธอจะลงห้าสิบล้านจริงๆ เหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงกินซาลาเปาคำใหญ่ “ตลก ไม่เห็นหรอว่าแต้มฉันเยอะขนาดนี้ คนโง่เท่านั้นที่ไม่ลงเดิมพันเยอะ”
“ค่ะ” เวินอี๋ไม่ค่อยเข้าใจการเล่นพนันเท่าไร เธอพยักหน้า แล้ววางเดิมพันให้เหลิ่งรั่วปิงห้าสิบล้าน
มู่เฉิงซี ถังเฮ่าและอวี้ไป่หันพากันส่ายหน้า เผยยิ้มร้ายกาจ เหลิ่งรั่วปิงหนอ ถึงแม้เธอจะใช้มีดบินฆ่าคน มีสติตอนที่พบเจออันตราย ฉลาดและกล้าหาญ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงิน เธอก็ไม่แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไป อารมรณ์อ่อนไหวดีใจและเสียใจได้ง่ายๆ ไม่มีความอดกลั้น
มู่เฉิงซี “ห้าสิบล้าน”
ถังเฮ่า “ห้าสิบล้าน”
อวี้ไป่หัน “ห้าสิบล้าน”
หนานกงเยี่ยพูดเสียงเรียบ “ห้าสิบล้าน”
หลังจากดูไพ่ใบที่สาม อารมณ์ของเหลิ่งรั่วปิงหดหู่ลง แต่เธอไม่มีทีท่าจะทิ้งไพ่ เพียงแค่กะพริบตาปริบๆ สองสามครั้ง หลังจากคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง เธอเหมือนผีพนันที่ใช้ชีวิตเดิมพันเป็นครั้งสุดท้าย เม้มกัดฟันแน่น โยนซาลาเปาในมือทิ้ง เดินพันด้วยเงินทั้งหมด “หมดหน้าตัก พวกคุณกล้าไหม”
สีหน้าของเธอ เห็นได้ชัดว่าแพ้จนร้อนใจ อยากจะเอาเงินที่เสียกลับมาให้หมดในตาเดียว แน่นอนว่าทุกคนไม่เห็นความพยายามของเธออยู่ในสายตา ทว่าทุกคนต่างนิ่งเฉย หมดหน้าตัก ชิปทั้งหมดของเหลิ่งรั่วปิงมีมูลค่าสองร้อยล้าน ถ้าวางเดิมพันตามเธอก็คือสองร้อยล้าน นี่เป็นตัวเลขที่ไม่น้อย
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก “ที่แท้คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงเป็นแค่เต่าจอมขี้ขลาด ไม่มีปัญญาเล่นก็ทิ้งไพ่สิคะ!”
เหมือนว่าหนานกงเยี่ยทำเพื่อรักษาหน้าของผู้หญิงตน เขายิ้มพร้อมกับเดิมพันชิปทั้งหมดของตน