โลกของมิธนั้นพัฒนาขึ้นอยู่ทุก ๆ วัน แถมมันยังเป็นการพัฒนาที่มหาศาลอีกด้วย เพียงแค่เซียวเฟิงไม่ได้ออนไลน์มาเกือบวัน พวกหน้าต่างแสดงอันดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอันดับเลเวล อันดับไอเทม หรือจะเป็นอันดับสัตว์เลี้ยง ล้วนแล้วแต่มีหน้าต่างใหม่ที่ดูสวยหรูจนแปลกตาทั้งหมด โชคยังดีที่อันดับเลเวลนั้น เซียวเฟิงยังเป็นที่ 1 อยู่ด้วยเลเวลที่สูงถึง 18 แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะอีก 9 อันดับที่ตามเขามาติด ๆ ก็เลเวล 17 กันเข้าไปแล้ว
ในส่วนของอันดับอุปกรณ์เองก็เช่นกัน อาร์ติแฟ็คท์ของเซียวเฟิงอย่างกระโหลกมังกรยังคงครองอันดับ 1 ไว้ได้ แต่อุปกรณ์ระดับเทพเจ้าชิ้นอื่น ๆ เองก็ปรากฏขึ้นมาบ้างแล้ว จะมีก็แต่อันดับสัตว์เลี้ยงที่เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย ผู้เล่นในเขตฮัวเซียนั้นมีมากกว่าร้อยล้านคน ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้เล่นที่โชคดีซักคนที่สามารถจับสัตว์เลี้ยงขั้นสูงมาได้และทำให้เซียวเฟิงถูกดันลงมาเป็นอันดับที่ 2 เช่นนี้
[ผู้เล่น โรส ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนกับคุณ คุณจะยินยอมหรือไม่?]
หลังจากที่กลับมาออนไลน์ได้พักหนึ่ง ระบบก็แจ้งเตือนมาว่าเขามีคำร้องขอเป็นเพื่อนมาจากหลิวเฉียงเหว่ย
“เรียบร้อยดีไหม?”
เมื่อตอบรับคำขอเป็นเพื่อนแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็ส่งข้อความมาหาเขาทันที
“ไม่มีปัญหา”
เซียวเฟิงตอบกลับ เขารู้ได้โดยทันทีว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เมื่อเช้านี้ ตอนที่เขาหายไปจากอพาร์ตเมนต์เองก็ไม่ได้บอกลาเธอเลยและปล่อยให้เธออยู่ที่นั่นตามลำพัง
“อืม…ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? ฉันอยากจะเจอนายซักหน่อย” หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้ถามซอกแซกให้มากความ การตัดรวบเข้าประเด็นนั้นแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดขนาดไหน
“เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอเอง”
ชายหนุ่มหันมองไปยังถนนที่ดูคึกคักพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากจะพบเจอกับเธอ สถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยกันมาเมืองเทียนหลงกันหมดแล้ว
“ฉันอยู่ตรงที่ราบกว้าง…”
หลิวเฉียงเหว่ยส่งพิกัดของเธอกลับไปในขณะที่เซียวเฟิงที่ดูพิกัดเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเดินทางจากหอส่งสัญญาณไปยังพื้นที่ใกล้ ๆ เมืองรี่ลั่ว จากนั้นถึงได้ขึ้นขี่เสี่ยวเสวี่ยและเดินทางไปยังตำแหน่งของเธอ
สถานที่ที่หลิวเฉียงเหว่ยอยู่นั้นเป็นฐานที่ตั้งเก่าของกิลด์มิดซัมเมอร์ ถึงแม้ว่ามันจะถูกระบบเวียนคืนและเปลี่ยนเป็นจุดเกิดของพวกมอนสเตอร์ป่าไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่หญิงสาวมีต่อที่นี่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป แถมมันยังทำให้เธอรู้สึกตื่นตัวและตั้งใจในการสำรวจบริเวณโดยรอบที่ร้างผู้คนเช่นนี้ด้วย
นอกจากหลิวเฉียงเหว่ยแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีลิลลี่คอยอยู่เคียงข้างเธอด้วย ซึ่งในทันทีที่ลิลลี่มองเห็นเซียวเฟิงเข้ามา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“ทำไมนายถึงยังมาที่นี่อีกฮะ เจ้าบ้า! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะกล้ามายืนต่อหน้าพวกเราแบบนี้! ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่านายน่ะ เป็นหนึ่งในคนที่ทำลายความหวังของนายหญิงเหมือนกันนะ!”
ลิลลี่นั้นถือเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีในระดับหนึ่งเลยหากเป็นเวลาปกติ แต่เมื่อใดที่เธอเห็นหน้าเซียวเฟิงเช่นตอนนี้ ใบหน้าที่สวยงามก็มักจะแสดงความก้าวร้าวและเกลียดชังออกมาแบบสุด ๆ แววตาที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงนั้นจ้องมายังชายหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อให้ได้ก็มิปาน ถ้าหากว่าลิลลี่ไม่รู้มาก่อนว่าตนไม่สามารถเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงได้ บางทีเจ้าตัวอาจจะเปิดฉากโจมตีใส่ก่อนไปแล้วก็ได้
“ยัยตัวเล็ก เธอนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ”
เซียวเฟิงก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรลิลลี่อยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงหยุดไม่ให้หลิวเฉียงเหว่ยว่าอะไรลิลลี่ ใบหน้าทะเล้นของชายหนุ่มส่งยิ้มเยาะเย้ยให้เด็กสาวก่อนจะเดินตรงไปยืนข้าง ๆ สาวงามผู้เป็นนายของเธอแทน ขณะที่ลิลลี่กำลังตื่นตกใจ เขาก็ยื่นมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าที่ถูกผ้าบางสีขาวประดุจหิมะของหลิวเฉียงเหว่ยราวกับตรงนี้ไม่มีใครอื่นอยู่ด้วย
“ดะ…เดี๋ยวสิ! นายกำลังจะทำอะไรน่ะ ฮะ! ออกไปให้พ้นนายหญิงของฉันเลยนะ!!”
เด็กสาวตะโกนออกมาด้วยความตระหนก แต่เมื่อเห็นว่ามือของเซียวเฟิงนั้นสัมผัสโดนใบหน้าของหลิวเฉียงเหว่ยแล้ว เจ้าตัวก็รีบพุ่งเข้าไปกระแทกร่างของเขาแม้ตัวจะเล็กกว่าทันที
แววตาที่ทรงเสน่ห์ของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่ได้แสดงความตกใจแต่อย่างใด เธอไม่เพียงยืนนิ่ง ๆ ให้กระทำ แต่ยังปลดผ้าบางสีขาวผืนนั้นลงเผยให้เห็นผิวหน้านวลสวยประดุจหิมะต่อหน้าเซียวเฟิงขณะที่เขากำลังสัมผัสมันอีกด้วย
ใบหน้าที่งดงามและไร้ที่ตินั้น เปรียบได้กับงานศิลปะชิ้นเอกของช่างฝีมือชื่อดังที่ถูกสลักขึ้นจากชิ้นหยกเนื้อดีประดับด้วยผิวที่ขาวเนียนและนุ่มเหมือนปุยเมฆ คิ้วที่คมเข้มขับเน้นให้ดวงตาที่สดใสราวกับหยาดเพชรสวยงามจนยากที่จะหาสิ่งเปรียบ จมูกที่ได้ทรงสวยเพียบพร้อมไปด้วยเรียวปากบางดั่งกลีบดอกไม้ ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าของสตรีนางนี้ต่างถูกบรรจงสร้างขึ้นมาด้วยความประณีต ไม่มีส่วนไหนขาดและไม่มีส่วนไหนที่จะเกินไป เป็นใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดไม่ว่าจะในโลกใบนี้ หรือในความฝัน
สมแล้วที่ได้สมญานามว่า ‘เทพธิดาอันดับหนึ่ง’ ของอันดับเทพธิดาประจำเขตฮัวเซียแห่งนี้!
ในตอนนี้ลิลลี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรดีนอกเสียจากยืนมองทั้งสองด้วยดวงตากลมโตและปากที่อ้าค้างอยู่เช่นนั้น
ฝ่ามือของเซียวเฟิงค่อย ๆ ลูบไปตามใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของหลิวเฉียงเหว่ยอย่างอ่อนโยน เขารับรู้ได้ถึงความละเอียดลออผ่านผิวสัมผัสที่เนียนนุ่มจนแม้แต่เขาก็มิอาจหักห้ามใจได้ รู้ตัวอีกทีปลายนิ้วเหล่านั้นก็กำลังลูบไปตามริมฝีปากอิ่มราวกับผิวเชอร์รี่ของเธอเสียแล้ว
การกระทำทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้แสดงท่าทีที่จะขัดขืนแต่อย่างใด นอกจากนี้เธอยังค่อย ๆ เอนตัวเข้าหาเขา จนริมฝีปากเริ่มเข้าใกล้กันไปทีละนิด ๆ แล้ว ร่างบางนั้นอ่อนไหวต่อความอ่อนโยนและปล่อยให้เซียวเฟิงสามารถสอดนิ้วเข้ามาที่ริมฝีปากงามของเธอได้ด้วยความเต็มใจ
เซียวเฟิงรู้สึกเป็นสุขกับสัมผัสอันน่าตื่นเต้นเช่นนี้ ทั้งความอบอุ่นและความชุ่มชื้น มันเกือบทำให้เขาใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเสียแล้ว ชายหนุ่มรีบกวนนิ้วในโพลงปากอุ่นของหญิงสาวตรงหน้าเพื่อเก็บประสบการณ์อันน่าอภิรมณ์ใจนี้ให้อิ่มใจก่อนจะชักนิ้วที่เปียกชุ่มนั้นออกมาอย่างไม่เต็มใจที่จะหยุดนัก
“คราวนี้เธอรู้หรือยังว่าต้องทำยังไงต่อ? ยัยตัวเล็ก”
เขาหันไปยักคิ้วให้ลิลลี่ขณะที่พูดออกไปเช่นนั้น
“นายหญิง…”
ลิลลี่งุนงงกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่นาน สลับกับมองไปยังหลิวเฉียงเหว่ยที่ไม่ต่อต้านใด ๆ แม้จะโดน ‘ล่วงละเมิด’ จนสูญเสียความงามที่มักจะเปล่งประกายอยู่ในดวงตาไปเช่นนี้
“เธอไปก่อน…”
หลิวเฉียงเหว่ยเปิดปากพูดกับลิลลี่ แต่ในตอนที่พูดนั้น บนใบหน้าที่งดงามก็กลับมานิ่งสงบไร้ซึ่งสีหน้าแปลกประหลาดดังที่เห็นก่อนหน้าไปเสียแล้ว
“นายหญิง…”
มันเป็นเรื่องยากที่จะให้ลิลลี่พูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ แต่เมื่อเห็นว่านายหญิงของตนกลับมาดูปกติแล้ว เธอก็มองไปยังเซียวเฟิงด้วยความขุ่นเคืองก่อนจะจากไปด้วยความอับอาย
“ลิลลี่น่ะยังเด็ก ไว้เดี๋ยวฉันจะสอนเธอเพิ่มทีหลัง”
หัวหน้ากิลด์สาวกล่าวขอโทษต่อหน้าเซียวเฟิง ในโลกแห่งเกมใบนี้ ทุกอย่างมันไปไกลเกินโลกจริงไปแล้ว เสื้อคลุมนักบวชที่เธอสวมใส่อยู่นี้มันยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิมเสียอีก
“นี่เป็นโทเคนกิลด์ เดี๋ยวฉันจะให้เฉียนโตวโตวติดต่อเธออีกที ตอนนี้เธอยังไม่ได้ออนไลน์”
มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เซียวเฟิงไม่ได้มีอารมณ์ดีขนาดที่จะชื่นชมกับสถานการณ์ที่ตนประสบอยู่มากนัก เขาหยิบเอาโทเคนกิลด์ขึ้นมาจากกระเป๋าด้านหลังก่อนจะส่งมันให้หลิวเฉียงเหว่ย ไอเทมชิ้นนี้เป็นสิ่งที่เขาได้มาหลังจากที่ฆ่าผู้ปกป้องของเมืองแห่งความโศกเศร้าได้
แววตาของหลิวเฉียงเหว่ยเปล่งสีงดงาม นี่เป็นโทเคนกิลด์ชิ้นที่ 2 แล้วที่เธอได้มา และตัวเธอเองก็มั่นใจด้วยว่าโทเคนกิลด์ชิ้นแรกที่เธอได้มา เซียวเฟิงก็น่าจะเป็นคนเจอมันมาด้วย
เซียวเฟิงไม่ได้เพลิดเพลินไปกับเรื่องไร้สาระอื่น ๆ หลังจากที่ส่งมอบโทเคนกิลด์ให้หลิวเฉียงเหว่ยแล้วเขาก็ลาจากไปเหลือทิ้งไว้เพียงสาวเจ้าที่ยังคงรู้สึกประหลาดใจลึก ๆ อยู่ มือเรียวบางลูบไปตามใบหน้าของตนก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ และสวมผ้าบางสีขาวปิดบังใบหน้าเช่นเดิม
“นายหญิงคะ…ทำไมถึงยอมให้กับคนแบบนั้นล่ะคะ? เหตุผลที่กิลด์ของพวกเราตั้งไม่ได้ก็เพราะเขานะคะ!”
ลิลลี่กลับมาแล้ว และที่เธอต้องพูดแบบนี้ก็เพราะว่าเธอรู้สึกว่าหลิวเฉียงเหว่ยกำลังหลงผิด
“ฉันมีความรู้สึกว่าเขาจะเข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตและโชคชะตาของฉันน่ะ”
มือเรียวบางกำโทเคนกิลด์ไว้แน่นขณะที่มองไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้า ขณะเดียวกันหลิวเฉียงเหว่ยก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เบาจนแทบจะไม่ได้ยินไปด้วย
…….
เซียวเฟิงกลับมาที่นครศักดิ์สิทธิ์ได้พักใหญ่ ๆ แล้ว เขากำลังเล่นอยู่กับเสี่ยวไป๋พลางดูข้อความที่ปรากฏในฟอรั่มที่บอกว่า มีโซนภารกิจถูกค้นพบอยู่ใกล้กับเมืองหลักของเอลฟ์ และยังไม่มีใครบุกเบิกที่นั่น
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเซียวเฟิงมาก ๆ หากได้บุกเบิกเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ชายหนุ่มจะต้องได้ไอเทมระดับทองกลับมาแน่ ไม่เพียงแค่ไอเทมระดับทองจะมีมูลค่าสูงในท้องตลาด แต่ตัวมันเองก็ยังเป็นที่ต้องการของเซียวเฟิงด้วยเช่นกัน นั่นเพราะในเวลานี้ นอกจากเกราะ 7 ชิ้นบนตัวที่เป็นระดับทองแล้ว ไอเทมหรืออุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ ก็อยู่เพียงแค่ระดับเงินหรือแค่ระดับน้ำเงิน ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรมากนัก
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้เซียวเฟิงสนใจโซนพื้นที่จุดนี้เอาเสียมาก ๆ อนึ่ง โซนที่เขาเคยพบเจอเอง ตอนนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คนตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มันจึงยากที่จะกลับไปสำรวจอะไรอีกครั้ง
พื้นที่เร่งด่วนนี้อยู่ที่เมืองหลวงของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ด้านนอกเมืองซื่อหรานโพสต์ประกาศนี้ไม่เพียงบอกตำแหน่งที่ตั้งและทางเข้าอย่างเดียว แต่มันเน้นย้ำด้วยว่าพื้นที่นี้จัดว่าเป็นพื้นที่ที่มีระดับความยากสูง ดังนั้นจึงแนะนำว่าเหมาะแค่สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์ระดับสูงเต็มตัวและเป็นผู้ที่มีเลเวล 15 หรือสูงกว่าเท่านั้น
เห็นเช่นนี้เซียวเฟิงก็ตัดสินใจที่จะไม่พลาดมันแน่ ๆ นอกจากนี้เขายังอยากจะไปถึงที่นั่นเป็นคนแรกด้วย จะไม่ยอมให้ใครไปบุกเบิกมันก่อนเป็นอันขาด! เพราะงั้น หลังจากที่ลูบหัวเสี่ยวไป๋แทนคำอำลาแล้ว เขาก็รีบเทเลพอร์ตจากหอส่งสัญญาณนครศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังเมืองซื่อหรานทันที
ฟิ้ง!
เมืองซื่อหรานนั้นมีชีวิตชีวาเสมอ ที่นี่มีความแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ อยู่มากเลยทีเดียว ผู้เล่นที่มายังเมืองนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเผ่าพันธุ์เอลฟ์กันทั้งหมด ด้วยผมที่เป็นสีเขียวโดดเด่นและหูที่ยาวเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือชาย พวกเขาต่างมีความงดงามกันทั้งหมด ดูเหมือนว่าที่เขาล่ำลือกันว่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงามรองลงมาจากมนุษย์นั้นคงจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้วสิ
ที่แห่งนี้ราวกับถูกสร้างขึ้นมาในตอไม้ใหญ่ที่ถูกขุดลงมาตรงใจกลางเพื่อสร้างขึ้นเป็นเมือง เพราะนอกจากตึกรามบ้านเมืองส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นมาจากไม้แล้ว บางสถานที่ก็ถูกดัดแปลงมาจากต้นไม้อีกด้วย มันเลยทำให้ทั่วทั้งเมืองนี้มีดอกไม้และต้นไม้ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไป และด้วยความที่มันมีเหมือนเปลือกไม้ใหญ่ที่ก่อตัวเป็นกำแพงห้อมล้อมเมือง มันจึงดูเหมือนว่าเมืองซื่อหรานนี้สร้างอยู่ในตอไม้จริง ๆ
เซียวเฟิงแทบจะคิดไม่ออกเลยว่า หากนี่เป็นตอไม้จริง ๆ เมื่อครั้งยังเป็นต้นไม้ มันจะต้องสูงใหญ่ขนาดไหน บางทีมันอาจจะสูงเสียดฟ้าเลยก็ได้!
บรรยากาศของเมืองซื่อหรานนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหน ๆ ก็งดงามไปหมด แต่เซียวเฟิงไม่มีเวลามาชื่นชมมันมากขนาดนั้น หลังจากที่มองไปยังแผนที่ของระบบ เขาก็รีบเดินออกไปนอกตัวเมืองทันที
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้รับรู้เลยว่าตอนที่เขาออกมาจากจุดเทเลพอร์ต เหล่าผู้เล่นมากมายที่อยู่จุดเดียวกับที่เขาโผล่มาต่างก็พากันหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าครับ เป้าหมายปรากฏตัวแล้วครับ!”
“ดี ตามเขาไป!”
ภายในเมืองหลักเมืองอื่นของเผ่าพันธุ์เอลฟ์ บราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่กำลังวางสายโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าไม่เป็นสุขนัก
อารมณ์ของเขาจัดว่าบูดบึ้งไปเลยก็ว่าได้ ต้นเหตุมันมาจากที่เขาได้ให้คำสัญญาต่อหน้าโรสเอาไว้ ว่าถ้าหากเขาสามารถช่วยให้กิลด์ของเธอตั้งได้สำเร็จ จะขอแลกกับที่เธอยอมมาเป็นแฟน
แต่ผลลัพธ์ของเรื่องนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ตบหน้าเขาแทน!
ไอ้คนคนนั้น! ไอ้เจ้าบ้าที่ถูกยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งในเขตฮัวเซีย! เจ้านั่นไม่เพียงแต่ทำลายฐานที่ตั้งของกิลด์มิดซัมเมอร์จนย่อยยับ แต่ยังฆ่าเขาราวกับฆ่าคนที่เดินผ่านไปมาไม่มีค่าอะไรอีกด้วย!
สิ่งนี้มันกลายเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่ไนน์กลอรี่เข้ามาสู่โลกของเกมเลย!
เขาไม่ได้เพียงแค่เสียหน้าให้กับโรส แต่มันยังทำให้เธอบล็อกเขาไปอีก! ถึงอย่างนั้นสิ่งนี้ก็ยังจะพอยอมรับได้ เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่เคยทำอะไรพลาดมาก่อน
แต่สิ่งที่รับไม่ได้น่ะ มันคือการที่ตัวเขาโดนฆ่าอย่างง่ายดายเหมือนชาวบ้านนั่นแหละ!
แม้แต่คลาวน์ปริ้นส์เองยังไม่เคยเมินเฉยต่อตัวตนและอิทธิพลของเขาเลยด้วยซ้ำ! แต่นี่อะไร ทำไมเขาจึงต้องมาถูกผู้เล่นทั่วไปเช่นนั้นสบประมาทด้วย!
“ทีมอิลีต 1 ทีมอิลีต 2! ตามฉันมา!”
ใบหน้าของไนน์กลอรี่ถูกเติมเต็มด้วยความเยือกเย็น เขาจัดเตรียมกลุ่มคนที่เพียบพร้อมไปด้วยอาวุธชั้นสูงไปดักรอที่จุดส่งสัญญาณที่คาดว่าเซียวเฟิงน่าจะปรากฏตัว
เพราะงั้นเป้าหมายของเขาในครั้งนี้ ก็คือเซียวเฟิง…คนที่กล้ามาสบประมาทเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
“เฮอะ อันดับหนึ่งของเขตฮัวเซียงั้นเหรอ? อยากจะรู้เหลือเกินว่าจะแน่สักแค่ไหน!”
ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตนนั้นได้ตกเป็นเป้าหมายไปเสียแล้ว และตัวเขาที่ไม่ได้รู้อะไรในแผนการนี้เลย ก็เพิ่งจะออกจากเมืองเพื่อเข้าสู่โซนที่ว่าด้วยความเร่งรีบ
“วิซิทเตอร์สควอด ส่งความช่วยเหลือมาที! จะเป็นพวกสายก่อกวนหรือพวกสายสร้างความเสียหายก็เอามาให้หมด!”
“กลุ่มผู้ชำนาญการของฉางชานส่งทีมมา 2 ทีมตั้งแต่แรกแล้ว!พวกเรามีประสบการณ์ด้านการขนาบยิงอยู่แล้ว วางใจได้เลย!”
“พวกเราต้องการพระที่เก่งมาก ๆ! ยิ่งค่าจิตวิญญาณมากกว่าร้อยก็ยิ่งดี! จะมาเป็นคนคอยสนับสนุนช่วยดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ได้! ใครก็ตามที่สามารถฆ่าบอสตัวแรกได้ ก็เอาเหรียญทองไป 1 เหรียญเลย! บอสตัวที่ 2 ก็เหรียญทอง 2 เหรียญ และตัวที่ 3 ก็ 3 เหรียญ!”
“ชูตเตอร์ที่มีพลังโจมตีกายภาพสูงกว่า 115 กำลังหาสมาชิกเข้าร่วมปาร์ตี้! ฉันน่ะเก่งมากเลยนะ! นอกจากจะไคท์*[1] เก่งแล้ว ก็ยังคุมพื้นที่เก่งมาก ๆ เลยด้วย!!”
“มีใครต้องการอะไรอีกไหม? ในทีมมีโจรที่ค่าความเร็วสูงถึง 65 กันหรือยัง? ฉันน่ะควบคุมพื้นที่เก่งมากเลยนะ! แถมยังขัดจังหวะสกิลบอสได้ด้วย!”
“กิลด์เดธ 3 ส่งนักรบโล่ที่มีพลังโจมตีสูงถึง 80 เข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย!”
“กลุ่มไออ้อน 7 ส่งฮันเตอร์ผู้บ้าคลั่ง 2 คนเพื่อเข้าต่อสู้และวางกับดักอย่างชาญฉลาด!”
……
[1]ไคท์ = ศัพท์ทางเกม ใช้แทนการเดินถอยหลังและสร้างดาเมจให้ศัตรูไปด้วย ส่วนใหญ่ใช้กับพวกโจมตีระยะไกล