บทที่ 153 ทีมของผู้อ่อนแอ

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

โซนภารกิจแห่งนี้ชื่อว่า ‘หุบเขาพงไพร’ ชื่อของมันถูกตั้งขึ้นจากทางเข้าที่อยู่ภายในหุบเขาอีกทีหนึ่ง ที่ปากทางเข้านั้นจะมีเอลฟ์อาวุโสตนหนึ่ง ผู้เล่นจะต้องรับภารกิจจากเอลฟ์อาวุโสตนนั้น ซึ่งจะเล่าถึงเบื้องลึกเบื้องหลังความเป็นมาของเหล่าจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติที่ตามปกติแล้วจะเป็นมิตรกับผู้คน แต่ด้วยสาเหตุบางอย่าง สิ่งเหล่านี้ก็เกิดคลุ้มคลั่งและไล่ทำร้ายใครก็ตามที่อยู่ใกล้ตัวพวกมันอย่างไร้เหตุผล

ภารกิจที่เหล่าผู้เล่นจะต้องเข้าไปทำก็คือ พวกเขาต้องเข้าไปสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้ จากนั้นเมื่อได้ความจริงมาแล้ว จะต้องนำการ์ดเวทมนตร์ที่อยู่ภายในกลับออกมาส่งให้ผู้อาวุโส ถึงจะถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจนี้…

“พวกเราต้องการทีม 10 คน! มีผู้เล่นคนไหนที่เป็นตัวยิงไกลอีกหรือเปล่า? รีบ ๆ มาร่วมทีมกันเร็ว เราจะได้เริ่มกันเลย!”

หุบเขาพงไพรแห่งนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยเหล่าผู้เล่นมากมาย จนแม้แต่เสียงบรรยากาศก็ยังต้องถูกกลบไปด้วยเสียงพูดคุยของผู้คน ทำให้ไม่เหลืออะไรให้ได้ยินเลย

การแบ่งระดับของโซนภารกิจนั้น จะแบ่งได้เป็น ขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งสำหรับโซนขนาดเล็ก แค่ปาร์ตี้ 5 คนก็เพียงพอแล้วสำหรับการที่จะเข้าไปเคลียร์ในนั้น ภายในนั้นก็จะมีตั้งแต่มอนสเตอร์ชั้นสูง ไปจนถึงระดับบอส โซนระดับเล็กนี้ถือว่าเป็นอะไรที่ผ่านง่ายที่สุดสำหรับปาร์ตี้ที่มีความแข็งแกร่งเหมาะสมตามที่ระบุไว้

แต่สำหรับโซนขนาดใหญ่ อย่างเช่น รังของซาลาแมนเดอร์หรือไม่ก็เมืองที่ถูกทิ้งร้างนั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีสมาชิกในปาร์ตี้ถึง 20 คน บอสที่ปรากฏตัวในนั้นมีได้มากกว่า 3 ตัว และมอนสเตอร์ที่พบเจอก็จะเป็นระดับอิลีตทั้งหมด ความยากของมันถูกจัดว่านรกแตกเลยก็ได้ เพราะต่อให้ปาร์ตี้ที่เข้าไปนั้นจะมีถึง 20 คน พวกเขาก็สามารถพลาดท่าและตายกันได้ง่าย ๆ เลย

หุบเขาพงไพรแห่งนี้จัดว่าเป็นโซนระดับกลาง ดังนั้นแล้วปาร์ตี้ระดับ 10 คนก็เพียงพอ หากมันไม่ใช่อะไรที่ผิดคาดนัก ภายในก็จะประกอบไปด้วยบอสไม่ 2 ก็ 3 ตัวแบบที่ไม่ได้ยากมากนัก

ตั้งแต่ที่เกมนี้เปิดมา โซนระดับกลางดูเหมือนจะเป็นที่นิยมที่สุดในหมู่ผู้เล่นเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เล่นเลเวลสูงหรืออุปกรณ์ไอเทมที่อยู่ในระดับหายากเพื่อที่จะผ่านมันไปได้ พื้นที่ระดับนี้ถือเป็นสวรรค์ของเหล่าผู้เล่นทั่วไปเลย

นอกจากนี้ จำนวนบอสที่ปรากฏในโซนระดับกลางก็ยังไล่เลี่ยกับโซนระดับใหญ่อีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่า ของที่ดร็อปได้จากบอสเหล่านี้คงจะน่าพึงพอใจกับทุกทีมไม่น้อย

โดยเฉพาะกับที่แห่งนี้ หุบเขาพงไพรที่ยังไม่มีใครได้เข้าไปสำรวจ มันจะต้องมีไอเทมระดับทองอยู่แน่ ๆ เหตุผลเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้หุบเขาพงไพรกลายเป็นสิ่งล่อตาล่อใจผู้เล่นมากมายจนช่องแชทเต็มไปด้วยข้อความเชิญชวนเข้าปาร์ตี้กันเต็มไปหมด

เซียวเฟิงเดินไปดูรอบ ๆ จึงได้รู้ว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่นี้ล้วนแต่เป็นพวก เทรนท์*[1]ที่ดุร้าย พวกมันเป็นมอนสเตอร์ธาตุพืชอันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาล้มเลิกที่จะเข้าไปต่อสู้กับมันด้วยตัวคนเดียว

ธาตุศักดิ์สิทธิ์ของชายหนุ่มนั้นสร้างความเสียหายได้แค่กับมอนสเตอร์ธาตุมืดรวมถึงพวกธาตุอันเดดเท่านั้น มันไม่มีผลอะไรเลยหากใช้กับพวกมอนสเตอร์ธาตุพืชหรือชีวิต ดังนั้นต่อให้เซียวเฟิงจะใช้บัฟให้กับตนเองและใช้ค้อนแห่งการพิพากษาอันเป็นสกิลสร้างความเสียหายเพียงหนึ่งเดียวของเขา มันก็คงไม่สามารถช่วยให้ผ่านโซนนี้ไปด้วยตัวคนเดียวได้อยู่ดี

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับผู้อื่น ยังไงเสียการไปกับปาร์ตี้ 10 คนก็ย่อมทำการต่อสู้จบเร็วกว่าการที่เขาไปคนเดียวเป็นไหน ๆ ส่วนเรื่องไอเทมระดับทอง ชายหนุ่มมั่นใจมากว่าตนเองจะสามารถได้มันมาอย่างแน่นอน เพราะในเกมนี้น่ะ นอกจากพลาดท่าให้หลิวเฉียงเหว่ยในครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะแพ้ในเรื่องโชคอีก

“ฉันเป็นฮีลเลอร์ที่มีค่าจิตวิญญาณสูงกว่า 110! มีใครอยากจะให้ไปร่วมปาร์ตี้หรือเปล่า?”

ขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เซียวเฟิงก็ตะโกนขึ้น

“เฮ้ย!? ฮีลเลอร์ที่มีค่าจิตวิญญาณสูงกว่า 110 งั้นเหรอ!? ไหน นายอยู่ไหนน่ะ? ฉันอยากจะร่วมปาร์ตี้กับนายเดี๋ยวนี้เลย!”

“ไม่! พวกเราเองก็ต้องการเขาเหมือนกัน! พวกแกน่ะยอมแพ้ไปซะ!”

“พี่ชาย มาร่วมปาร์ตี้พวกเราดีกว่า! ตัวทำดาเมจของพวกเราน่ะมีอุปกรณ์เจ๋ง ๆ อยู่ด้วยนะ มั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะต้องผ่านมันไปได้อย่างรวดเร็วแน่ ๆ!”

“นายอยู่ไหนน่ะ ฮีลเลอร์? เดี๋ยวฉันจ่ายให้ 5 เหรียญทองเลยถ้านายเข้าร่วมกับพวกเรา”

“พี่ชาย พวกเรามาจากกิลด์เธิร์ดเดธ พวกเราหวังว่าพี่ชายจะเข้าร่วมกับพวกเราน่ะ”

เหตุการณ์อลหม่านนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นหันมาสนใจเซียวเฟิงด้วยสายตาที่ต้องการตัวเขากันแบบสุด ๆ พร้อมทั้งส่งคำขอให้เขาร่วมมือด้วยอย่างไม่หวาดไม่หวั่น

ในการสำรวจโซนเช่นนี้ ตำแหน่งที่พวกเขาต้องการกันมากที่สุดก็คือนักรบโล่และนักบวชเนี่ยแหละ เพราะนักรบโล่สามารถยืนหยัดอยู่ได้จนถึงบอส ไม่ว่าจะเป็นบอสประเภทไหนก็ไม่คณามือพวกเขาหรอก และการที่นักรบโล่จะสามารถยืนได้จนถึงปลายทางนั้น นักบวชที่อยู่แนวหลังเองก็ต้องมีฝีมือพอตัวด้วยเช่นกัน…

ภายในเขตฮัวเซียนั้น การจะหานักรบโล่ที่แข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องง่าย หากแต่นักบวชที่แข็งแกร่งต่างหากที่เป็นเรื่องยาก นั่นเพราะผู้เล่นที่เป็นเพศชายส่วนใหญ่มักจะไม่เลือกเล่นอาชีพนักบวชกัน ในขณะที่ผู้เล่นที่เป็นเพศหญิง แม้พวกเธอจะเลือกเล่นนักบวช แต่พวกเธอก็แทบจะไม่ได้เล่นมันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลย ด้วยเหตุนี้เอง การที่จะหานักบวชฝีมือฉกาจจึงเปรียบเสมือนงมเข็มในมหาสมุทร นักบวชส่วนใหญ่นั้น รู้แค่ว่าตนเองมีหน้าที่เพิ่มเลือดให้เพื่อนเท่านั้น

แต่ถ้าจะบอกว่านักบวชเพศหญิงที่มีฝีมือไม่มีเลยก็คงจะไม่ได้ หากแต่มีน้อยมาก ๆ จนนับหัวได้ อีกทั้งพวกเธอส่วนใหญ่ก็ยังอยู่กับกิลด์หรือไม่ก็มีปาร์ตี้ของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วระหว่างนักรบโล่ที่มีจำนวนมาก นักบวชขั้นเทพก็มีเพียงหย่อมมือเท่านั้น ผู้เล่นส่วนใหญ่จึงพากันตื่นเต้นเมื่อได้รู้ว่ามีนักบวชฝีมือฉกาจอยู่ใกล้ ๆ ตัวเช่นนี้ พวกเขาจะต้องหาทางเชิญเข้าปาร์ตี้ให้ได้

แม้วันนี้เซียวเฟิงจะสวมใส่อุปกรณ์แบบธรรมดาและไม่ได้สวมชุดเกราะเต็มตัวเหมือนวันอื่น ๆ แต่ก็ยังมีค่าจิตวิญญาณสูงถึง 150 อยู่ดี ซึ่งมันนับว่าสูงที่สุดในบรรดาผู้เล่นคลาสฮีลเลอร์ในเขตฮัวเซียเลย

ท่ามกลางเกราะหลักทั้ง 5 ชิ้น ชิ้นส่วนเกราะเล็ก ๆ จะช่วยเพิ่มค่าจิตวิญญาณให้ 1 ชิ้นต่อ 1 หน่วย เพราะงั้นหากเซียวเฟิงสวมชิ้นส่วนเกราะทั้งหมด ค่าจิตวิญญาณเขาน่าจะสูงขึ้นได้อีกอย่างน้อย ๆ ก็สัก 20 เลย

ในวันนี้เซียวเฟิงจงใจจะลดค่าจิตวิญญาณของตนเองให้เหลือราว ๆ 110 โดยการถอดกระโหลกมังกรออกไป ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ค่าพลังของเขาสูงเกินไปจนคนอื่นตกใจ

“เลือกฉัน! เลือกฉันนะ!”

“นักบวช ได้โปรด!”

…..

เหล่าผู้เล่นที่ห้อมล้อมตัวเซียวเฟิงนั้นต่างส่งเสียงร้องกันออกมาด้วยความใจจดใจจ่อ ดูเหมือนเซียวเฟิงจะประเมินความหอมหวานของคนอื่น ๆ ที่มีต่อนักบวชระดับเทพต่ำเกินไปจริง ๆ แต่มันก็สมเหตุสมผลดี เพราะนักบวชระดับสูงนั้นจะสามารถช่วยเพิ่มค่าพลังชีวิตและพลังโจมตีได้เป็นอย่างมากเลย เรียกได้ว่าช่วยต่ออายุในการลงดันเจี้ยนแต่ละครั้งเลยก็ว่าได้ เพียงเท่านี้ก็ช่วยทำให้พวกเขาสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาและสนุกไปกับการฆ่าฟันเหล่ามอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ รวมไปถึงบอสเพียงอย่างเดียว

เซียวเฟิงไม่คิดจริง ๆ ว่าเพียงพูดไปแค่นั้นจะทำให้ผู้เล่นคนอื่นสนใจเขาขนาดนี้ เขาวิ่งหนีไปเรื่อย ๆ และเลือกตอบรับคำเชิญเข้าร่วมปาร์ตี้แบบสุ่ม ๆ จากผู้เล่นทั้งหมดที่ขอมา

“ได้ตัวฮีลเลอร์แล้ว! เข้าดันเจี้ยนกันเลย!”

หัวหน้าปาร์ตี้ที่ได้ตัวเซียวเฟิงมาเริ่มเดินนำขบวนเข้าไปในดันเจี้ยนทันทีเพราะเขานั้นเตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว สมาชิกทั้ง 9 คนเองก็เพียงแค่รอให้สมาชิกอีกคนเข้าร่วมทีมเฉย ๆ พอเห็นเช่นนี้แล้วมันก็ช่วยทำให้เซียวเฟิงใจชื้นขึ้นได้มาก

“ฮีลเลอร์ นี่เป็นครั้งแรกของนายที่ได้เข้ามาเคลียร์ดันเจี้ยนแบบนี้หรือเปล่า?”

หลังจากที่เข้ามาในดันเจี้ยนแล้ว หัวหน้าทีมผู้เป็นนักธนูเผ่าเอลฟ์ก็เอ่ยถามกับเซียวเฟิง

ผู้เล่นในปาร์ตี้นี้ทั้งหมดน่าจะอายุราว ๆ 20 ปี และ 8 ใน 9 คนเป็นเอลฟ์เพศชายอีก 1 เป็นชาแมนออร์คเพศหญิง มีเพียงเซียวเฟิงเท่านั้นที่เป็นนักบวชในปาร์ตี้นี้ ถึงอย่างนั้นแล้ว สำหรับดันเจี้ยนระดับกลางเช่นนี้ นักบวชแค่หนึ่งคนต่อปาร์ตี้ก็เพียงพอ

“อืม”

ชายหนุ่มพยักหน้าขณะที่สายตาของเขากำลังวุ่นอยู่กับการสำรวจพื้นที่ด้านในหุบเขาพงไพรแห่งนี้อยู่ ด้วยความที่ดันเจี้ยนแห่งนี้เกิดขึ้นในหุบเขา ทางเข้าที่นี่ก็มีเพียงปากทางเข้าที่พวกเขาเพิ่งจะเข้ามาเท่านั้น ทั้งนี้ก็คงเพราะมันถูกจัดว่าเป็นเขตที่ได้รับการปกป้องนั่นแหละ ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้เล่นคนใดปีนเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้จากช่องทางอื่น

“โอเค ถ้างั้นช่วยร่ายสกิลอวยพรอาวุธฉัน ร่ายอวยพรความกล้าให้ชาแมน แล้วก็ร่ายอวยพรชีวิตกับคอยเพิ่มพลังชีวิตให้พวกแนวหน้าของเราก็พอ” เอลฟ์นักธนูกล่าว

นอกจากเซียวเฟิงและออร์คสาวแล้ว คนที่เหลือในปาร์ตี้ต่างก็มีอาชีพที่หนักทางกายภาพกันหมด โดย 3 ใน 8 เป็นนักธนู ในขณะที่ 4 คนเป็นนักรบ แล้วก็มีนักฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก 1 คน

“เข้าใจแล้ว ลงมือกันเถอะ”

เซียวเฟิงพยักหน้ารับทราบ เห็นเช่นนั้นหัวหน้าปาร์ตี้ก็รีบเร่งเดินนำหน้าเพื่อเข้าไปยังส่วนกลางของหุบเขานี้ทันที

แควก แควก

ไม่ถึง 2 นาทีหลังจากที่พวกเขาเริ่มเร่งฝีเท้า มอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ กลุ่มแรกก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา พวกมันเป็นเทรนท์ดุร้ายเลเวล 15 กันทุกตัว และเพราะพวกมันมีค่าพลังชีวิตแค่ 600 หน่วย พลังป้องกัน 50 หน่วย ทุกคนในปาร์ตี้จึงสามารถจัดการมันได้อย่างรวดเร็ว

“ข้างหน้านี่เป็นบอสตัวแรกประจำดันเจี้ยนนี้แล้ว ตอนก่อนหน้านี้มันฆ่าพวกเรายกปาร์ตี้เลยตอนที่เราเกือบจะฆ่ามันได้ ตอนนี้พวกเรารู้ทุกสกิลของมันแล้ว อีกทั้งยังมีฮีลเลอร์ฝีมือดีอยู่ด้วย เพราะงั้นมันไม่คณามือเราหรอก!”

หลังจากที่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวเล็ก ๆ ไป 3 กลุ่มแล้ว ตรงหน้าของพวกเขาก็ปรากฏเป็นร่างของบอสประจำดันเจี้ยนตัวแรกขึ้นมา เป็นบอสแบบปกติที่มีเลเวลเพียง 15 เท่านั้น ชื่อของมันคือ ‘เทรนท์มหาภัย’ ส่วนรูปลักษณ์ก็ดูเหมือนเทรนท์ดุร้ายที่ตัวใหญ่กว่าเฉย ๆ

“สู้มันเลย! ฮีลเลอร์ ฝากดูแลเลือดของพวกเราด้วยนะ!”

เหล่าผู้เล่นที่โจมตีระยะใกล้เริ่มโถมเข้าไปด้านหน้าและห้อมล้อมเทรนท์มหาภัยได้แล้ว ทว่าเพียงแค่พวกเขาเข้าใกล้ตัวบอส เทรนท์มหาภัยตัวนั้นก็ใช้แรงลมซัดเข้าใส่ทุกคนที่เข้ามาในระยะจนพลังชีวิตหายกันไปเกือบครึ่งหลอด

“ฮีลเลอร์ ร่ายอวยพรชีวิตชีวิตกับเพิ่มพลังชีวิตให้ฉันสิ! นายจะรีรออะไรอีกเล่า!”

นักรบโล่ในปาร์ตี้ตะโกนใส่เซียวเฟิงในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็หยิบเอาขวดยาเพิ่มเลือดมากระดกดื่มกันเพื่อจะเข้าต่อสู้กับเทรนท์มหาภัยต่อ

จริง ๆ แล้วเมื่อครู่นี้เซียวเฟิงกำลังช็อกอยู่ ชายหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจว่าทำไมผู้เล่นเหล่านี้ถึงสูญเสียพลังชีวิตเป็นจำนวนมากทั้ง ๆ ที่การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นเข้าก็ยังช่วยร่ายอวยพรชีวิตให้นักรบโล่และเพิ่มพลังชีวิตให้พวกเขาจนเต็มด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี

“ว้าว! พลังชีวิตสูงสุดเพิ่มมาตั้ง 100 หน่วยเลยเหรอ!? ตอนนี้ฉันมีพลังชีวิต 300 แล้ว! พวกนายหลบไป เดี๋ยวฉันจะสู้ต่อเอง!”

มองหลอดพลังชีวิตของตนเองแล้วนักรบโล่ก็รู้สึกมีแรงผลักดันให้ฮึกเหิมขึ้นมา จริง ๆ เซียวเฟิงสามารถเพิ่มมากกว่า 100 หน่วยก็ยังได้ด้วยความแข็งแกร่งที่เขาสั่งสมมา

ถ้าหากไม่ใช่ว่าเจ้าตัวถอดไอเทมบางอย่างออกไปบ้างแล้ว พรชีวิตอาจจะทำให้นักรบโล่คนนั้นได้พลังชีวิตมากกว่านี้อีกระดับหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก็หันไปช่วยร่ายอวยพรอาวุธให้แก่ชาแมนสาวควบคู่ไปกับอวยพรชีวิตด้วย

“โห! พลังโจมตีของฉันเพิ่มมาตั้ง 100 หน่วยเลยเหรอ!? นายนี่มันสุดยอดฮีลเลอร์จริง ๆ! ทุกคน อดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยเสริมดาเมจเดี๋ยวนี้แหละ!”

หัวหน้าปาร์ตี้ผู้เป็นนักธนูเอลฟ์พูดขึ้นเสียงดังด้วยความตื่นเต้น นั่นเพราะทุกครั้งที่เขายิงศรใส่เทรนท์มหาภัย ค่าดาเมจมันก็จะพุ่งขึ้นหลักร้อยตลอด

ชาแมนสาวเองก็แอบมองเซียวเฟิงอยู่เป็นนิจ หากแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ภายในใจลึก ๆ นั้นสาวเจ้าเองก็ยังตกใจที่ได้เห็นค่าพลังโจมตีเวทย์ของตนถูกเพิ่มขึ้นสูงถึง 80 ซึ่งมันมากกว่าตอนปกติถึง 2 เท่าเลยด้วยซ้ำ ด้วยค่าสเตตัสที่สูงขึ้นเช่นนี้ มันเลยพลอยทำให้ทุกการโจมตีของเธอสามารถทำดาเมจกับศัตรูได้ไม่ต่ำกว่า 50 ในฐานะที่เป็นชาแมนและอยู่ในตำแหน่งซัพพอร์ตมาโดยตลอด นี่มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่สุดเท่าที่เคยผ่านมาเลยจริง ๆ

“ฮีลเลอร์! รีบเลย! ฮีลฉันซะ!” นักรบโล่คนเดิมตะโกนขึ้นอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว

เพราะคนคนนี้หลบการโจมตีของเทรนท์มหาภัยไม่พ้น ทำให้คลื่นลมที่บอสพัดใส่กระทบเข้าร่างเขาหลายต่อหลายครั้งจนพลังชีวิตของเขากลับมาเหลือน้อยอีกครั้ง

ในตอนนั้นสกิลแสงศักดิ์สิทธิ์ของเซียวเฟิงเพิ่งจะคูลดาวน์เสร็จพอดิบพอดี เพราะงั้นเขาจึงสามารถสะบัดคทาแห่งการรักษาเพื่อร่ายแสงศักดิ์สิทธิ์ช่วยนักรบผู้นั้นได้ทัน

“ยอดจริง ๆ! นายมันฮีลเลอร์ชั้นยอดจริง ๆ ด้วย!”

“ฉันพร้อมจะสู้ต่อแล้ว ไอ้ต้นไม้เวร!”

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่มันไม่ปกติ คนพวกนี้สู้กับบอสมาพักใหญ่แล้ว แต่เลือดของบอสตนนี้กลับแทบจะไม่ลดลงเลย เพราะตามหลักปกติแล้วบอสที่เลเวล 15 นั้นจะมีค่าพลังชีวิตเพียง 8,000 เท่านั้น แถมมันยังไม่ได้เก่งกาจขนาดรับมือการโจมตีเป็นกลุ่มแบบนี้ไหวด้วย

น่าแปลกที่เทรนท์มหาภัยตนนี้กลับสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ด้วยพลังชีวิตที่เกือบจะเต็มหลอด ทั้ง ๆ ที่เซียวเฟิงเองก็ร่ายอวยพรอาวุธให้ผู้เล่นสายสร้างความเสียหายทั้ง 2 คนอยู่เรื่อย ๆ จนพลังโจมตีของพวกเขาน่าจะรุนแรงพอจะเก็บบอสได้แล้วแท้ ๆ

ด้วยความประหลาดใจนี้ เซียวเฟิงจึงเพ่งมองไปยังตัวเลขดาเมจที่ขึ้นเหนือหัวเทรนท์มหาภัยอย่างตั้งใจ แล้วเมื่อพบความจริง ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงทันที

-110!

-59!

-11!

-7!

-23!

-20!

-9!

[1] เทรนท์ มอนสเตอร์จำพวกต้นไม้ มีอายุยืน รูปร่างสูงใหญ่คล้ายโกเลม