ตอนที่ 161 เจ้าต้องเป็นคนถอด

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“ข้าสามารถถอดได้ ทว่าท่านต้องเป็นคนถอดเอง!”

“อะไรนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีรู้สึกเพียงร่างกายราวถูกฟ้าผ่าลงมา จนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

ดวงตาดอกท้อน่ามองคู่นั้น เวลานี้เบิกกว้างดุจระฆังขนาดใหญ่ มองเล่อเหยาเหยาอย่างไม่เชื่อสายตา

เห็นเพียงคนตรงหน้า แม้รูปร่างจะเล็กบอบบาง สวมชุดขันทีสีน้ำเงินเข้ม เข้ากับริมฝีปากแดงและฟันขาวใสของ ‘เขา’

และดวงตาคู่งามของ ‘เขา’ ที่มองตนเวลานี้ ปราศจากความวิตกกังวล แต่แน่วแน่ มั่นใจ

หรือทั้งหมดที่ ‘เขา’ พูดจะเป็นความจริง

‘เขา’ เป็นเพียงขันทีธรรมดาจริง ‘เขา’ เพียงมีรูปโฉมคล้ายคลึงกับสตรีในภาพเท่านั้น!

พอคิดถึงตรงนี้ เวลานี้ใจของหนานกงจวิ้นซีพลันกังวลขึ้นมา

อีกทั้งลังเลว่าควรถอดเสื้อผ้า ‘เขา’ ด้วยตนเอง ก่อนพิสูจน์ด้วยตนเองหรือไม่

หากไม่ใช่เช่นที่ตนคิดจริง เช่นนั้นควรทำเช่นไร!

หากเป็นเพียงความฝัน ควรทำเช่นไร!

ขณะหนานกงจวิ้นซีลังเลในใจ กลับไม่รู้ตัวเลยว่า เล่อเหยาเหยาที่แข็งแกร่งสงบนิ่งมาตลอด ความจริงเวลานี้วิตกกังวลจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว เหงื่อเย็นไหลซึมอยู่ตลอด

ทว่าตอนนี้เธอกำลังลงเดิมพัน

แม้เธอเวลานี้ จะเห็นแก่ตัวไปบ้าง

แต่เธอไม่อยากเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ เธอชอบเพียงพญายม

ก่อนหน้านี้ เธอเคยได้ยินหนานกงจวิ้นซีเล่าว่า เสด็จแม่ของเขาชื่นชอบองค์หญิงหลูลู่นั้นอย่างมาก จนคิดให้องค์หญิงหลูลู่อยู่ข้างกายตนไปตลอดชีวิตและให้องค์หญิงหลูลู่อภิเษกกับบุตรชายเช่นเขาเป็นพระชายา เช่นนั้นจะสามารถเป็นลูกสาวอยู่ข้างกายเธอไปตลอดชีวิต

แต่เธอไม่ต้องการ

ตอนนี้ไม่ง่ายกว่าจะสานสัมพันธ์กับพญายมได้ไม่เลวเช่นนี้ ความรู้สึกก็ดีอย่างมาก เธอชอบความรู้สึกในตอนนี้ และไม่ได้ชื่นชอบที่จะเป็นองค์หญิงประเภทนั้น

รวมทั้งเมื่อเห็นสีหน้าเวลานี้ของหนานกงจวิ้นซีตรงหน้า เห็นชัดว่ากำลังขบคิดบางอย่าง

หากมั่นใจว่าเธอคือคู่หมั้นของเขาจริง คงนำตัวเธอกลับต้าเซี่ยทันที จากนั้นอภิเษกสมรส

สวรรค์ เธอไม่ต้องการ!

ดังนั้น ตอนนี้เธอจึงทำได้เพียงขอโทษหนานกงจวิ้นซี

พอคิดถึงตรงนี้ เห็นหนานกงจวิ้นซีถูกฝีมือการแสดงของตนทำให้เคลิบเคลิ้ม ก่อนเผยท่าทีลังเลราวตัดสินใจไม่ได้ออกมา เล่อเหยาเหยาจึงดีใจในใจ ก่อนก้าวไปด้านหน้า พลางเอ่ยกับเขาว่า

“มาสิ ท่านเข้ามาถอดสิ”

เล่อเหยาเหยาตั้งใจเอ่ยอย่างมั่นใจ ทรงพลังน่าเกรงขาม

หนานกงจวิ้นซีถูกเธอบีบคั้นเช่นนี้ กลับถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ

ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน เมื่อเห็นหนานกงจวิ้นซีลังเล เล่อเหยาเหยาย่ามใจ ทว่าใบหน้ากลับไม่แสดงความรู้สึกออกมา เพียงทำเคร่งขรึมรอดูท่าทีของหนานกงจวิ้นซี

ถึงแม้เห็นหนานกงจวิ้นซีมีท่าทางเช่นนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาเข้าใจว่าเขาลังเลตัดสินใจไม่ได้ แต่ในใจยังรู้สึกไม่สบายใจ

กลัวว่าหนานกงจวิ้นซีจะเข้ามาถอดจริง!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เดิมทีคิดว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากว่าหนานกงจวิ้นซีจะไม่เข้ามาถอด ผู้ใดจะรู้ หนานกงจวิ้นซีเมื่อถูกเธอทำให้เลอะเลือน ในที่สุดกลับยื่นมือใหญ่คู่นั้นออกมา

“ได้ ข้าจะถอด”

เอ่ยจบ มือใหญ่ของหนานกงจวิ้นซี ค่อยๆ ยื่นตรงมาสำรวจตัวเล่อเหยาเหยา

เล่อเหยาเหยาเห็น ใจพลันเต้นระรัว

สวรรค์!

เขาจะถอดจริงๆ!

เมื่อเห็นมือใหญ่เรียวยาวสั่นเทาคู่นั้นของหนานกงจวิ้นซียื่นตรงมาที่ตน เล่อเหยาเหยาควรหลบหลีกถึงจะถูก

แต่ไม่รู้เพราะว่าถูกหนานกงจวิ้นซีทำให้ตกใจหรืออย่างไร ร่างกายเธอคล้ายกับถูกคนตรึงเอาไว้ จนขยับไม่ได้

เพียงเบิกตากว้าง ไม่กล้าหายใจชั่วขณะ มองมือใหญ่ที่ค่อยๆ ตรงเข้ามาใกล้ตนทีละนิดอย่างเงียบๆ

แต่ขณะที่มือใหญ่กำลังจะสัมผัสตัวเธอ เล่อเหยาเหยาก็เตรียมร้องตะโกนยับยั้ง คิดไม่ถึงหนานกงจวิ้นซีกลับพลันล้มเลิก

“ช่างเถิด ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่กล้าหลอกลวงข้า”

หนานกงจวิ้นซีหลังเอ่ยประโยคนี้จบ ชักมือกลับไป

ทว่าสีหน้าดูโศกเศร้าผิดหวัง

ตรงข้ามกับความผิดหวังของเขา เล่อเหยาเหยากลับถอนหายใจอย่างโล่งอก

โชคดียิ่งนัก!

เขาไม่ได้เข้ามาถอดเสื้อผ้าจริง มิฉะนั้น…

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ หนานกงจวิ้นซีก็หมุนตัวจากไปอย่างโศกเศร้า

ไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นชัดว่าชายหนุ่มที่เปี่ยมด้วยพลังคึกคัก เวลานี้กลับโศกเศร้าเสียใจ ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกทนไม่ได้

หลังหนานกงจวิ้นซีจากไป เล่อเหยาเหยาทำงานที่ยังไม่แล้วเสร็จเมื่อครู่ต่อไป แต่มือเธอเพียงกวาดพื้นราวเครื่องจักร ส่วนความคิดล่องลอยไปแล้ว

สวรรค์!

ก่อนหน้านี้ หลังเธอมาถึงที่นี่เคยตรวจสอบร่างนี้มาก่อน เธอรู้ว่าร่างนี้ของเธอต้องไม่ได้มาจากครอบครัวที่ฐานะยากจนทั่วไปแน่นอน

เพราะมือเล็กที่มีผิวเนียนนุ่ม ขาวผ่องหมดจด ด้านบนไร้รอยด้านเช่นนี้ จะเหมือนกับผู้อื่นที่มือหยาบกร้านเพราะทำงานหนักได้อย่างไร

ดังนั้น เธอจึงมั่นใจว่าเจ้าของร่างนี้ของเธอ ต้องเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม ทว่ากลับไม่รู้เหตุผล ว่าเหตุใดถึงมาปลอมเป็นขันทีอยู่ที่นี่

แต่ตอนนี้เธอมั่นใจในสถานะของตนแล้ว ที่แท้สถานะของร่างนี้ กลับเป็นถึงองค์หญิงที่ฮองเฮาต้าเซี่ยให้ความสำคัญดุจธิดา เป็นคู่หมั้นของหนานกงจวิ้นซี องค์หญิงหลูลู่!

สำหรับองค์หญิงหลูลู่นี้ เล่อเหยาเหยาได้ยินมาบ้าง

ทว่าส่วนใหญ่มาจากปากของหนานกงจวิ้นซี

ว่ากันว่าบิดาขององค์หญิงหลูลู่นี้คือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นต้าเซี่ย แม่ทัพใหญ่ผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง จงรักภักดี สุดท้ายยังสละชีพเพื่อชาติ

สุดท้ายฮ่องเต้ต้าเซี่ยทรงเสียพระทัย จึงทรงรับเลี้ยงดูตัวบุตรสาวเพียงคนเดียวของแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ และแต่งตั้งเป็นองค์หญิง

ต่อมาฮองเฮาต้าเซี่ยเห็นเข้าแล้วถูกชะตา จึงให้พำนักอยู่ในวังหลวงมาโดยตลอด

ถือว่าเป็นเพื่อนเล่นกับหนานกงจวิ้นซีมาตั้งแต่เด็ก แม้หนานกงจวิ้นซีจะเอ่ยพูดอย่างเกลียดชังว่า เขารังเกียจองค์หญิงหลูลู่นี้อย่างยิ่ง ครั้งนี้ที่เขาหนีมาที่นี่ เพราะหนีการอภิเษก

แต่คิดไม่ถึง นึกว่าเขาจะเป็นคนใจดำอำมหิต ตอนนี้กลับกลายเป็นเธอเสียเอง!

สวรรค์ ท่านกำลังเล่นสิ่งใด!

ขณะเล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ แต่ไร้น้ำตา จนอยากตะโกนระบายขึ้นไปบนฟ้า พลันมีเสียงแปลกประหลาดดังออกมาจากต้นไม้ด้านหน้า เล่อเหยาเหยาจึงอดตกใจไม่ได้ ก่อนหันกลับไปมองยังที่มาของเสียงนั้น

เห็นเพียงเวลานี้เธออยู่ที่หลังตำหนัก

ทางหลังตำหนักนี้ รอบด้านเต็มไปด้วยต้นดอกกุ้ยฮวา

เวลานี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน บนต้นดอกกุ้ยฮวาค่อยๆ เต็มไปด้วยดอกตูมสีเหลืองอ่อน และเริ่มได้กลิ่นหอมแล้ว

คิดไปแล้ว ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ต้นกุ้ยฮวานี้คงงดงามเหนือชั้น สิ่งกลิ่นหอมจับใจคน

ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องเหล่านี้

เพราะเมื่อเล่อเหยาเหยารวบรวมสมาธิมองที่ต้นตอของเสียงผิดปกตินั้น คิดไม่ถึงกลับเห็นเงาร่างหนึ่งกำลังทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ เพิ่งกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาจากด้านนอก และปีนขึ้นไปบนต้นกุ้ยฮวา จากนั้นก็คิดลงมา

ทว่าเพราะมีกิ่งไม้บดบัง เล่อเหยาเหยาจึงมองไม่เห็นหน้าตาของคนที่มา เห็นเพียงเลือนลางว่าคนที่มาสวมชุดบุรุษสีขาวหิมะ ผมยาวรวบมัดเป็นทรงหางม้า มองเห็นหน้าตาไม่ขัดเจน แต่มั่นใจได้ว่าเป็นบุรุษ!

หรือจะเป็นขโมย!

กลางวันแสกๆ เช่นนี้ กลับมีขโมยกล้าแอบเข้ามาในวังรุ่ยอ๋อง เขากินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร

ไม่ เดี๋ยวก่อน!

สถานการณ์ในตอนนี้ เหตุใดดูคลับคลายคลับครา ราวกับไม่นานก่อนหน้านี้ ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นที่นี่

ขณะเล่อเหยาเหยาใจลอย กลับเห็นชายชุดขาวนั้นกระโดลงมาจากต้นไม้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นจึงตกใจ พลันยกไม้กวาดในมือขึ้นทันที ก่อนพุ่งเข้าไปโดยไม่คิด คิดฟาดไม้กวาดลงไป ไม่ว่าเขาคือผู้ใด เวลานี้กลับทำตัวลับๆ ล่อๆ เข้ามาในวังรุ่ยอ๋อง ต้องไม่ใช่คนดีแน่!

เล่อเหยาเหยาเห็นชัดว่าคนผู้นั้นหันหลังให้เธอ และลงมาจากต้นไม้เพิ่งยืนได้อย่างมั่นคง กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะระวังตัวเช่นนี้

ขณะที่เล่อเหยาเหยาทำการโจมตีอย่างไร้สุ้มเสียง กลับพบว่าเขาหลบได้อย่างฉิวเฉียด

เล่อเหยาเหยาเมื่อเห็นก็เลิกคิ้วขึ้น หมายคิดจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ คิดไม่ถึง คนผู้นั้นลงมืออย่างรวดเร็ว เห็นเพียงเขายื่นมือใหญ่ออกมาอุดปากเธอไว้แน่น จากนั้นตั้งใจกดเสียงต่ำลง ก่อนเอ่ยที่ข้างหู

“หากไม่อยากเจ็บตัว ก็ห้ามส่งเสียง”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่มา เล่อเหยาเหยาตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน

หรือที่เธอคิดจะไม่ผิด กลางวันแสกๆ มีคนกินดีหมีหัวใจเสือ กล้าเข้ามาปล้นในวังรุ่ยอ๋อง

ขณะเล่อเหยาเหยาตกใจ ได้ยินชายด้านหลังเอ่ยอีกครั้งว่า

“หากยอมตอบคำถามข้า หลังถามจบ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

เพราะปากเล็กถูกคนอุดปิดไว้ เล่อเหยาเหยาจึงเพียงพยักหน้าตอบรับ

คนผู้นั้นหลังคล้ายมั่นใจว่าเล่อเหยาเหยาไม่กล้าเล่นอุบาย จึงคลายมือที่ปิดปากเล็กของเล่อเหยาเหยาออก

เพียงได้รับอิสระ เล่อเหยาเหยารีบสูดลมหายใจ ขณะที่ยังไม่ทันได้หันกลับไปมองคนด้านหลังให้ชัดเจน กลับถูกคำพูดที่ดังขึ้นถัดมาของเขา ทำให้ตกตะลึง

“ข้าขอถามเจ้า องค์ชายเจ็ดแห่งต้าเซี่ยหนานกงจวิ้นซี เวลานี้อยู่ในวังรุ่ยอ๋องใช่หรือไม่”

“หือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่มา เล่อเหยาเหยาต้องตกใจ และหายใจติดขัด พลันหันหน้ากลับไป

ทันใดนั้น ทั้งสองสบตากัน ก่อนพลันตกตะลึงทั้งคู่

เห็นเพียงคนที่มาอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี สวมชุดคลุมยาวสีขาวห่อหุ้มตัว คาดสายรัดเอวหยก ผมดำรวบมัดเป็นช่อ รูปร่างไม่สูงมาก สูงกว่าเล่อเหยาเหยาเพียงเล็กน้อย

ทว่าใบหน้านั้น กลับดูดีอย่างยิ่ง

ใบหน้าดุจกวนหยก ริมฝีปากแดงฟันขาว ผิวขาวใสดุจหิมะ คิ้วเข้มโค้งงอน ดวงตากระจ่างใส

เป็นผู้หญิง!

ขณะสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด เล่อเหยาเหยาพลันพบว่า คนที่มาคือผู้หญิง!

เพราะเธอก็เป็นขันทีปลอมเช่นกัน สำหรับสถานะของอีกฝ่าย จึงมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

เพราะบนโลกนี้จะมีบุรุษที่หน้าตาสดใสเช่นนี้ได้เช่นไร!

แต่ขณะเล่อเหยาเหยาประเมินสาวน้อยตรงหน้า สาวน้อยที่แต่งกายเป็นบุรุษนั้น เมื่อเห็นรูปโฉมของเล่อเหยาเหยา ก็ตกตะลึงสุดขีดเช่นกัน

เพราะเธอเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่า บนโลกนี้มีเด็กผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้

อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าประณีตงดงาม ดุจรังสรรค์ขึ้นมาจากหยกแกะสลัก

ผิวหนังเกลี้ยงเกลา ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจรัส สมบูรณ์แบบไร้รอยขีดข่วน ไร้ข้อบกพร่อง