ตอนที่ 173 ผู้เชี่ยวชาญกับยันต์

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

จ้าวต้าถงได้ยินพลันถลึงตาโต พูดด้วยความโมโห “เชื่อไหมว่าจะฉันจะต่อยแก?”

“อาจารย์ครับ เจ้านี่เหมือนจะอยู่สาขาพลศึกษานี่ ถ้าไม่มีอะไรอย่ามาหาพวกเราบ่อยๆ ได้ไหม? แล้วก็นะ อาจารย์ดูสิ เจ้านี่ถลึงตาโต จะต่อยฉันรึไง?” หลิวอวิ๋นซูรีบฟ้อง

อาจารย์เป็นคนมีประสบการณ์มาก่อน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสองคนนี้ จึงยิ้มแห้งๆ “เอาเถอะพวกเธอสองคน อย่าทะเลาะกัน ถ้าจะทะเลาะก็ออกไปข้างนอก อวิ๋นซู ผู้เชี่ยวชาญที่เธอว่าจะมาเมื่อไร?”

“มาแล้วครับ!” มือถือหลิวอวิ๋นซูพลันสั่น จึงยิ้มตอบ

‘ไม่มีประโยชน์หรอก’ จ้าวต้าถงได้ยินดังนั้นจึงกลั้นความโกรธในใจไว้ ก่อนหยิบยันต์วิญญาณออกมา “ผมเชิญยันต์วิญญาณมาครับ ใส่เข้าไปจะแก้ได้แน่นอน”

สิ้นเสียง หูหาน หม่าเจวียนหันหน้ามามองพร้อมกัน พวกเขาหมดคำจะพูดกับจ้าวต้าถง! เรื่องเชิญยันต์มานี่ไม่ว่ามีประโยชน์หรือไม่ แต่ก็ไม่เหมาะกับตอนนี้ การเอาออกมาในสถานการณ์แบบนี้! มันทำให้เพื่อนๆ ดูโง่! น่าขายหน้า!

เมื่อพูดไปแล้ว หลิวอวิ๋นซูหัวเราะ แม้แต่อาจารย์ยังหัวเราะตาม

หลิวอวิ๋นซูยิ้ม “จ้าวต้าถง นายยิ่งอยู่ยิ่งถอยนะ ที่มันสมัยไหนแล้ว ยังเชื่อพวกนี้อีกเหรอ? แน่นอน ไม่ใช่ว่าดูถูกวัฒนธรรมบ้านเราหรอกนะ แต่ว่า…นี่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ นายเชื่อว่ามันจะรักษาได้? สมองนายนี่ ดีนะที่มีสอบได้โควตาพละศึกษา ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่ได้เจอกันหรอก”

จ้าวต้าถงพูดจบก็สำนึกเสียใจ ทว่าเอ่ยไปแล้วจึงดื้อดึงต่อ คิดเงียบๆ ในใจ ‘ไต้ซือ ท่านต้องกู้หน้าให้ผมนะ ไม่อย่างนั้นผมหน้าแตกยับแน่…’

ดังนั้นแล้วจ้าวต้าถงจึงตอบไปว่า “รักษาได้ไหมลองดูก็รู้! อย่าลืม ต้องลองต่างหากถึงจะรู้ความจริง! ส่วนนาย หึๆ…ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อมีเงินพวกเราคงไม่ได้เจอกัน”

หลิวอวิ๋นซูกลับไม่คิดอย่างนั้น “การกลับชาติมาเกิดก็เป็นทักษะอย่างหนึ่งนะ ทักษะนายไม่ได้เรื่องเองยังมาใส่ร้ายฉันอีก? อืม ขอใช้คำพูดสมัยใหม่ละกัน เรียกว่านายแพ้ตั้งแต่จุดออกตัว! ชาติก่อนฉันเก่งกว่านาย!”

จ้าวต้าถงโกรธแล้ว นอกจากถลึงตามองก็พูดอะไรไม่ออก

หม่าเจวียนเห็นแบบนั้นจึงรีบกล่าว “เอาล่ะ พวกนายสองคนอย่าทะเลาะกัน ถ้าจะทะเลาะก็ไปข้างนอก อวิ๋นจิ้งต้องการความสงบ!”

หลิวอวิ๋นซูยิ้มน้อยๆ “โอเคๆ ไม่พูดแล้ว อืม ฉันจะไปรับผู้เชี่ยวชาญ”

ว่าจบหลิวอวิ๋นซูก็ออกไป จ้าวต้าถงงึมงำด้วยความไม่พอใจ “มีแฟนตั้งแปดคนแล้วยังมาทำร้ายอวิ๋นจิ้งของพวกเราอีก เป็นคนยังไงกันวะ!”

“ปึก!” หม่าเจวียนต่อยจ้าวต้าถงทีหนึ่ง “พูดอะไรมั่วซั่ว? ดูสถานการณ์ด้วย!”

จ้าวต้าถงได้ยินดังนั้นจึงเบะปาก “ฉันก็หวังดีเพื่ออวิ๋นจิ้งไง เจ้านี่มันเพลย์บอย ฉันจะบอกให้นะ พออวิ๋นจิ้งหายดีแล้วจะต้องกำชับเธอว่าอย่าชอบเขาเด็ดขาด”

หม่าเจวียนมองค้อนจ้าวต้าถง “ไม่สนใจนายแล้ว!” จากนั้นหม่าเจวียนแย่งยันต์วิญญาณไปส่งให้อาจารย์ “อาจารย์คะ นี่คือของที่พวกเราขอมาด้วยกัน ได้ยินว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ใส่ไว้ใต้หมอนอวิ๋นจิ้งแล้วน่าจะดี”

อาจารย์รับไปก่อนยิ้ม “พวกเธอลำบากกันหน่อยนะ”

จากนั้นอาจารย์นำยันต์วิญญาณยัดไว้ใต้หมอนฟางอวิ๋นจิ้ง

ตอนนี้เองมีเสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากข้างนอก หลิวอวิ๋นซูพาผู้หญิงผมขาวดอกเลาทั้งศีรษะเดินเข้ามา แม้เธอจะมีผมสีดอกเลา แต่กลับมีชีวิตชีวาเต็มสิบ ขมวดคิ้วทียิ้มที ค่อนข้างมีแรงเชื่อถือและศรัทธา ด้านหลังมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามมา เขาคนนี้สุภาพมากตลอด น่าจะเป็นคนขับรถของหลิวอวิ๋นซู

“อาหวัง อีกเดี๋ยวต้องรบกวนส่งผู้เชี่ยวชาญกลับบ้านด้วยนะ” หลิวอวิ๋นซูว่า

ชายคนนั้นยิ้ม “ครับคุณหนู ผมจะรอข้างนอกนะครับ”

หลิวอวิ๋นซูพยักหน้า ผู้ชายคนนั้นเดินออกไป

“จึ๊ๆ มาเรียนยังเอาคนขับรถมาด้วย เป็นคุณชายร่ำรวยจริงๆ สูงส่งจังเลยนะ” จ้าวต้าถงเอ่ยด้วยความไม่จริงใจ

หลิวอวิ๋นซูเชิดหน้าขึ้น “ดังนั้นถึงต้องเอาสมองมาจากชาติก่อนด้วยไง ถ้าเอามาแต่กล้ามเนื้อก็ไร้ประโยชน์”

จ้าวต้าถงเกือบแทบแย่…

หลิวอวิ๋นซูไม่สนใจจ้าวต้าถง แต่เดินเข้าไป “อาจารย์ครับ ท่านนี้คือผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาต่งเยวี่ยหรูที่ผมเชิญมาจากเซิ่งจิง[1] ป้าต่งครับ นี่อาจารย์ของพวกเรา ซุนหรั่น”

อาจารย์กับผู้เชี่ยวชาญทักทายกันเล็กน้อย ต่งเยวี่ยหรูกล่าว “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วพวกเราก็เริ่มกันเลย พูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหลิวเร่ง ฉันคงมาเร็วขนาดนี้ไม่ได้ ทางนั้นยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการเลย เสร็จทางนี้แล้วต้องรีบกลับเลย”

ซุนหรั่นยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนผู้เชี่ยวชาญด้วยนะคะ อวิ๋นจิ้งเป็นเด็กดี เพียงแค่เกิดเหตุร้ายในบ้านกะทันหัน เฮ้อ…”

ต่งเยวี่ยหรูพยักหน้า “ฉันพอรู้เรื่องของเธอคร่าวๆ แล้วค่ะ เป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ…”

หลิวอวิ๋นซูกล่าว “อาจารย์ครับ ป้าต่งเป็นนักจิตวิทยา ชำนาญการรักษาแบบสะกดจิตที่สุด อีกเดี๋ยวทุกคนเงียบนะครับ จะดีที่สุดคือให้ออกไป”

ซุนหรั่นมองฟางอวิ๋นจิ้งด้วยความกังวล “อาจารย์กลัวว่าอวิ๋นจิ้งจะคลุ้มคลั่งน่ะสิ ถ้าแบบนั้น…”

ต่งเยวี่ยหรูว่า “อยู่ก็ได้ค่ะ แต่ห้ามส่งเสียงเด็ดขาด”

ทุกคนพากันพยักหน้า

หลิวอวิ๋นซูหัวเราะเหอะๆ “ป้าต่ง ฝากด้วยนะครับ ถ้ารักษาอวิ๋นจิ้งไม่หาย บางคนอาจจะต้องไปไหว้พระขอเทพ”

“ไหว้พระขอเทพ?” ต่งเยวี่ยหรูงงงัน

หลิวอวิ๋นซูตอบ “ใช่ครับ เพื่อนที่มหาวิทยาลัยผมไปขอยันต์วิญญาณมา บอกว่าถ้าใส่ยันต์เข้าไปจะแก้ได้หมด จึ๊ๆ…”

ต่งเยวี่ยหรูส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาอธิบายทุกอย่างแล้ว นั่นคือกำลังคิดอยู่ว่า ‘พูดซี้ซั้ว!’

พวกจ้าวต้าถงเคยเห็นปาฏิหาริย์ของฟางเจิ้งมาแล้ว หม่าเจวียนเอ่ย “หลิวอวิ๋นซู นายอย่าปั่นได้ไหม! พวกเราเชิญยันต์มาก็ต้องมีประโยชน์สิ!”

ต่งเยวี่ยหรูก็ไม่อยากอธิบายอะไรกับเด็กพวกนี้เหมือนกัน จึงโบกมือสื่อว่าให้ทุกคนเงียบ

ซุนหรั่น หลิวอวิ๋นซูยืนอยู่ข้างหน้าต่าง พวกจ้าวต้าถงเฝ้าประตู กันไม่ให้ฟางอวิ๋นจิ้งคลุ้มคลั่งอย่างกะทันหัน

ต่งเยวี่ยหรูนั่งอยู่หน้าฟางอวิ๋นจิ้งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง จากนั้นจุดธูปดอกหนึ่งวางไว้ข้างเตียง ผ่านไปหลายนาทีต่งเยวี่ยหรูพูดกระซิบข้างหูฟางอวิ๋นจิ้งหลายประโยค ก่อนดีดนิ้วทันที!

ทุกคนเห็นดังนั้น ฟางอวิ๋นจิ้งที่เดิมทีเหม่อลอยพลันนอนลงไป!

จ้าวต้าถงเพิ่งจะขยับ แต่หลิวอวิ๋นซูดึงไว้

ทว่าทุกคนเป็นกังวลเล็กน้อย ดีที่พอฟางอวิ๋นจิ้งนอนไปแล้วก็นิ่งไป

ทว่าต่งเยวี่ยหรูโกรธอยู่เล็กน้อย สื่อว่าให้พวกเขาออกไปให้หมด!

หลิวอวิ๋นซูมองซุนหรั่น ซุนหรั่นพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนทุกคนทยอยกันออกไป แต่ไม่ได้ปิดประตูแน่น เตรียมพร้อมเข้าไปสนับสนุนตลอดเวลา

แต่ยี่สิบนาทีผ่านไป พลันมีเสียงกรีดร้องด้วยความคลุ้มคลั่งดังมาจากในห้อง หลิวอวิ๋นซูตกใจจนตัวสั่น ไม่กล้าขยับ! จ้าวต้าถงสะบัดออกจากเขา เปิดประตูจะพุ่งเข้าไป

เห็นฟางอวิ๋นจิ้งพลันกระโดดขึ้นจากเตียงอย่างคลุ้มคลั่ง พุ่งไปทางหน้าต่าง ต่งเยวี่ยหรูจับเธอไว้สุดชีวิต เห็นจ้าวต้าถงเข้ามาจึงรีบบอก “รีบมาช่วยเร็ว!”

จ้าวต้าถงวิ่งเข้าไปอุ้มฟางอวิ๋นจิ้งขึ้นบ่ามากดไว้บนเตียง คนอื่นๆ ตามมากดฟางอวิ๋นจิ้งไว้…

……………………

[1] เซิ่งจิง ปัจจุบันคือเมืองหนงหยางในมลฑลเหลียวหนิง