ตอนที่ 206

เสน่ห์คมดาบ

“จู่ๆ ข้าก็จะเข้าไปทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้ดูไม่มีความเมตตาเอาเสียเลย” เบนหยุดแล้วบ่นพึมพำ

 

 

ห๊ะ? ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นมองเบนด้วยความประหลาดใจ หมอนี่กำลังจะพูดอะไรกันแน่?

 

 

เวลาต่อมาพวกเขาเข้าใจแล้วว่าเบนทำอะไร

 

 

หน้าด้าน! ทั้งอุกอาจและไร้ยางอาย!

 

 

เบนไปขอเสื้อคลุมตัวใหญ่จากชีอ้าวชวางมาสวมคลุมทั้งตัว แล้วก็ดึงผ้าสีดำที่สวมหน้าขึ้นมาให้เห็นเพียงดวงตาและเส้นผมสีดำเข้มเท่านั้น จากนั้นเขาก็ก้มตัวลดความสูงและวิ่งไปข้างหน้าท่าทางลับๆ ล่อๆ มองแวบแรกความสูงและรูปร่างแบบนี้บวกกับเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่คลุมอยู่ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นผู้ชาย เบนรู้เรื่องที่วิหารแห่งแสงเที่ยวตามล่าหญิงสาวที่มีผมสีดำตาสีดำมานานแล้ว และเขาก็รู้ด้วยว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของชีอ้าวชวางในตอนนี้คือผู้ที่มีผมสีดำและตาสีดำ

 

 

แต่ออสต้าไม่รู้เรื่องนี้

 

 

ออสต้าแทบจะทรุดเลยตอนที่เห็นภาพนี้! นั่นคือราชามังกรหรือ? นั่นคือเผ่ามังกรที่สูงส่งงั้นหรือ? ท่าทางของเขาแบบนี้คือเขาจะปลอมตัวเป็นผู้หญิงหรือ? ทำไมล่ะ? ทำไมถึงทำเช่นนั้น? เพื่ออะไรกัน? ในความคิดของออสต้ามีแต่คำว่าทำไมอยู่หลายแสนครั้ง แต่กลับไม่รู้คำตอบเลย

 

 

เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแผ่นหลังของเบนอย่างว้าวุ่น และหันไปสบตากับชีอ้าวชวาง

 

 

ชีอ้าวชวางยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และพูดอย่างไม่มีความผิด “ข้าสาบานเลยว่าไม่เคยสอนเรื่องพวกนี้กับเขา”

 

 

ออสต้าเห็นท่าทางของชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็เข้าใจเลยว่าทั้งสองคนรู้ว่าเบนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่ด้วยความเย่อหยิ่งของเขาทำให้เขาไม่ยอมถามมนุษย์สองคนนี้แล้วทำเพียงแค่รักษาระยะห่างอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ เท่านั้น

 

 

“พวกเจ้ารอก่อนแล้วค่อยออกไปนะ” เบนหันไปพูดประโยคนี้แล้ววิ่งไปข้างหน้าด้วยท่าทางลับๆ ล่อ ท่าทางแบบนี้เรียกให้คนสงสัยได้ไม่ยากเลย

 

 

การจะเข้าไปทำร้ายผู้อื่นเลยเป็นสิ่งไม่ดี แต่ถ้ามีคนอื่นเริ่มก่อนแล้วเบนตอบโต้ก็จะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป

 

 

ชีอ้าวชวางเดินตามมาด้านหลัง ดูร่างของเบนที่วิ่งลับๆ ล่อๆ ออกไป

 

 

ตอนนี้มีผู้คนจำนวนมากตั้งแคมป์อยู่ที่ทางเข้าเทือกเขา ที่ตรงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนจากวิหารแห่งแสงเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะมีคนอื่นอีก คนจากกลุ่มสายฟ้าสีดำงั้นหรือ?

 

 

แน่นอนว่าตอนที่คนเหล่านั้นเห็นเบนพร้อมกับการกระทำที่ดูไม่ปกตินั้น เบนก็ถูกล้อมทันที

 

 

ผมและตาสีดำ! ซ้ำยังเพิ่งออกมาจากทิศทางของเส้นเลือดมังกรด้วย! ต้องเป็นแคลร์ผู้มีผมและตาสีดำที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวแน่นอน นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่ามังกรด้วย ตรงตามเงื่อนไขทั้งสองข้อเลย

 

 

“หยุดนะ!” เสียงตะโกนเย็นชาดังมาเข้าหูเบน

 

 

ประโยคนี้เป็นราวกับเสียงสวรรค์สำหรับเบนเลย เพราะว่าเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่หยุดเขา!

 

 

แต่เบนผู้ซึ่งรู้เรื่องของเรื่องของชีอ้าวชวางอย่างแท้จริงไม่ได้หยุด แต่เพิ่มความเร็วมากขึ้นอีก หลังจากที่ได้ยินเสียงคนจากวิหารแห่งแสง การทำแบบนี้จึงยิ่งเพิ่มความสงสัย แล้วสุดท้ายก็มีคนตะโกนขึ้นอย่างมั่นใจ “นั่นแคลร์ ฮิลล์! เป็นนางแน่ๆ!”

 

 

“ไม่ใช่นางหรอก” ชายชราผมขาวลุกออกจากกระโจม เขามองเบนในชุดคลุมอย่างเย็นชาและพูดออกมา ชายชราคนนี้เป็นคนที่ทางวิหารแห่งเชิญมาในครั้งนี้เป็นพิเศษ เขาแต่งกายด้วยชุดของนักบวชที่ธรรมดาที่สุด เพียงแต่ความคมชัดที่หว่างคิ้วของเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา หากมังกรดำในตอนนี้ยังคงเป็นเจ้าชายผู้ที่ไม่ได้รับมรดกของเผ่ามังกร ชายชราจะรู้สึกถึงลมหายใจบนร่างของเบนได้แน่ว่าเขาไม่ได้เป็นมนุษย์ จากนั้นเขาก็จะห้ามไม่ให้คนของวิหารดำเนินการอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เบนแข็งแกร่งเกินไปจนทำให้สัมผัสถึงลมหายใจมังกรของเขาไม่ได้ อีกทั้งสิ่งที่วิหารยืดถือมาโดยตลอดคือยอมฆ่าผิดคนแต่จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลไปเด็ดขาด แม้ว่าชายชราจะบอกว่าเบนไม่ใช่คนที่พวกเขาตามหา แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นลงมือ จึงเกิดความบังเอิญเช่นนี้

 

 

เวทมนตร์เปลวไฟผลิบานอย่างยอดเยี่ยมบนร่างกายของเบน เบนไม่เคยรู้สึกว่าเวทไฟสวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนี้เขายิ้มอย่างมีความสุข เผ่ามังกรโจมตีมนุษย์และสถานที่อยู่อาศัยของมนุษย์โดยไร้เหตุผลไม่ได้ แต่ตอนนี้มันอยู่ในอาณาเขตของมังกร และกลุ่มมนุษย์ก็เป็นผู้ที่เคลื่อนไหวก่อนด้วย!

 

 

“พวกมนุษย์ต่ำต้อย เจ้ากล้าทำอะไรกับข้า…ผู้เป็นมังกรสูงศักดิ์งงั้นหรือ!” เบนดึงเสื้อคลุมและผ้าสีดำที่คลุมใบหน้าออก จากนั้นก็ยืดตัวขึ้นคำราม ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยแรงกดดันของมังกรออกมาทันที ทำให้ใบหน้าของคนจากวิหารบิดเบี้ยวไป คนที่ลงมือรู้สึกเสียใจมากจนอยากจะตัดมือของตัวเองทิ้ง ส่วนชายชราผมขาวผู้นั้นก็ยิ่งตกตะลึง

 

 

นั่นคือเผ่ามังกร! เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เผ่ามังกรออกมาจากเส้นเลือดมังกรด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้งั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?!

 

 

เหล่าคนจากวิหารแห่งแสงที่ลงมือไปเมื่อครู่ต่างก็มองเบนที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง พวกเขารู้สึกถึงแรงกดดันของมังกรที่น่ากลัวจนขาทั้งสองข้างสั่นสะท้าน ชายชุดดำตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเผ่ามังกรโดยแท้จริง แถมยังไม่ใช่ผู้หญิงด้วย เขาเป็นผู้ชาย!

 

 

“ข้าจะให้พวกเจ้าชดใช้ความหยาบคายของพวกเจ้า!” เบนไม่ต้องแสดงท่าทีสุภาพแล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คือสิ่งที่เข้าอยากให้เป็น ดังนั้นเขาจึงไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้อธิบายใดๆ ใช้พลังจากธาตุเวททั้งสามทั้งลม ไฟ และน้ำในการโจมตีออกไปอย่างสุดแรง แน่นอนว่าการโจมตีครั้งนี้ฆ่าคนไปได้ไม่น้อยเลยภายในเสี้ยววินาที

 

 

“ท่านมังกรผู้ทรงเกียรติ…” แม้ว่าชายชราผมขาวจะเป็นคนที่แข็งแกร่งและเก่งกว่าพระสันตะปาปา แต่เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้เลย และหากเผชิญหน้ากับมังกรจริงๆ จะสู้ได้หรือ? เขาอยากจะพูดเพื่อหยุดพฤติกรรมป่าเถื่อนของเบน แต่เบนน่ะหรือจะให้โอกาสเขาได้พูด ทันใดนั้นลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งก็ออกมา ชายชราผมขาวลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็วเพื่อหลบลูกไฟที่ร้อนรุนแรงใต้เท้าของเขา กระโจมที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และพื้นดินก็มีแต่กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งไปหมด

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนมองทั้งหมดนี้จากที่ไกลๆ สีหน้าของพวกเขาผ่อนคลายลง

 

 

แม้ว่าดูเผินๆ จะเห็นว่าใบหน้าของออสต้าดูสงบ แต่แววตาของเขาเกิดความรู้สึกยอดเยี่ยมมาก แม้ว่าเขาจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์ของเผ่าเอลฟ์ แต่ออสต้าก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างว่านั่นคือแผนของราชามังกรที่วางกับดักมนุษย์เหล่านั้น! ใช่ ราชามังกรผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่งทำแบบนั้นเลย!

 

 

ชายชราผมขาวผู้นั้นเป็นหนึ่งในผู้กล้าที่เป็นไพ่ลับของวิหาร พลังอันยิ่งใหญ่ของเขาทำให้พระสันตะปาปาชื่นชมเขามาก แต่ในวันนี้เขาเกือบต้องมาจบชีวิตลงด้วยความไม่เป็นธรรมเช่นนี้

 

 

“น่าอนาถสุดๆ!” ชีอ้าวชวางมองไปที่ภาพเลวร้ายข้างหน้าแล้วถอนหายใจ

 

 

“ใช่ โหดร้ายจริงๆ”เหลิ่งหลิงยวิ๋นส่ายหัวแล้วถอนหายใจ

 

 

ออสต้าอึ้งแล้วหันไปมองใบหน้าของชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋น แต่เขากลับไม่ได้เห็นการแสดงออกว่าวิตกหรือปวดใจใดๆ ที่ดูสอดคล้องกับน้ำเสียงที่พวกเขาพูดมาเลย

 

 

ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นยังคงยืนนิ่ง พวกเขาเห็นชัดว่าเบนคงจะอดกลั้นมานานมากจริงๆ เขาไม่ได้ต่อสู้มานานแล้ว ในครั้งนี้มีโอกาสให้เขาได้ทำมันเช่นนี้ เขาจึงรักษาโอกาสนี้เอาไว้อย่างดี เขาคอยเหลือบมองชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นอย่างตักเตือนอยู่ตลอดไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยว จากนั้นก็หันไปไล่ล่าคนของวิหารแห่งแสงและกลุ่มสายฟ้าสีดำต่อ ชีอ้าวชวางมองคนที่กำลังวิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกเหล่านั้นด้วยความเห็นใจ ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะชายชราผมขาวผู้นั้นที่มีลมหายใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพระสันตะปาปาเสียอีก หากเขาได้ปะทะกับเผ่ามังกรโดยทั่วไปก็อาจจะสูสี แต่ตอนนี้มังกรที่เขาเผชิญหน้าอยู่คือมังกรดำผู้ครอบครองธาตุเวทถึงสามธาตุ แถมยังได้รับพลังจากเผ่ามังกรขึ้นเป็นราชามังกรแล้วด้วย!

 

 

ในตอนที่ชายชราผมขาวตัดสินใจหลบหนีอย่างสิ้นหวัง ด้านบนหัวของเขากลับมืดลง มีเงาขนาดใหญ่ปกคลุมพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ ทุกคนเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วใบหน้าของพวกเขาก็ยิ่งสิ้นหวังมากกว่าเดิม!

 

 

มังกร! มีมังกรอีกตัว!

 

 

ชีอ้าวชวางตกตะลึง สายตาของนางหยุดอยู่ที่ด้านบนหลังของมังกรตัวนั้น ที่บนหลังของมังกรมีร่างที่นางแสนคุ้นเคยอยู่

 

 

จินเหยียน!

 

 

จินเหยียนยืนอยู่บนหลังมังกรอย่างเย่อหยิ่งและมองลงไปที่สถานการณ์ด้านล่าง สายตาของเขามองที่ผู้คนที่กำลังหลบหนี จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนไปหาคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้

 

 

ผมสีดำ ตาสีดำ และเสื้อผ้าสีดำ! ใบหน้าเย็นชาพร้อมกับลมหายใจที่เย่อหยิ่งนั้น

 

 

เบนนั่นเอง!

 

 

ทันใดนั้น ม่านตาของจินเหยียนก็ขยายใหญ่ขึ้นทันที!

 

 

เขาอยู่ที่นี่ แล้วนางล่ะ? นางอยู่ที่ไหน?

 

 

สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไปทันที สายตาของเขากวาดมองที่พื้นเพื่อหาคนที่เขาเป็นห่วงมาก

 

 

“โฮก!” เบนเงยหน้าขึ้นมองมังกรที่บินอยู่เหนือเขาและคำรามอย่างไม่พอใจ แรงกดดันมังกรที่เอาแต่ใจและดุร้ายแผ่ขยายออกไป ทำให้คนจำนวนมากต้านทานแรงกดดันไม่ได้ เสียงที่ดังราวฟ้าร้องก้องอยู่ในหูของทุกคน สมองของพวกเขาแทบจะระเบิดออก

 

 

จูดี้ มังกรยักษ์พาหนะของจินเหยียนสั่นสะท้านไปทั้งตัวแล้วร่อนลงด้วยความหวาดกลัว พอเหยียบลงบนพื้นแล้วก็หันหน้าไปทางมังกรดำจากนั้นก็ไม่กล้าขยับอีกต่อไป นั่นคือเผ่ามังกร แถมยังเป็นมังกรที่แข็งแกร่งกว่านางหลายเท่าตัวด้วย พลังที่น่ากลัวนั้นทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัวสักนิดเดียว

 

 

ในเวลานี้ จินเหยียนไม่สนใจจูดี้ที่ตัวสั่นอยู่ และเขาก็ไม่ได้สนใจเบนที่กำลังบ้าคลั่งด้วย สายตาของเขามองไปยังคนที่อยู่ห่างไกล

 

 

ร่างเล็กๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ แล้วมองมาทางนี้นิ่งๆ แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไป แต่จินเหยียนในตอนนี้ไม่ใช่จินเหยียนคนก่อนอีกต่อไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ก็แตกต่างจากในอดีตมาก เขามองเห็นทุกอย่างในระยะไกลได้อย่างชัดเจน เขายืนมองหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีผมสีเขียวดวงตาสีฟ้าและมีกระบนหน้าผู้นั้นเงียบๆ แววตานั้นดูคุ้นเคยมาก

 

 

นั่นคือนาง ผู้หญิงที่ไม่โดดเด่นคนนั้นคือนาง

 

 

มือของจินเหยียนค่อยๆ กำแน่นและมองไปยังคนที่เขาตามหามาตลอดผู้นั้น ตอนนี้หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น ในขณะที่ทุกสิ่งรอบตัวก็ดูเหมือนหยุดลง เหลือเพียงเขาและหญิงสาวผู้นั้นเท่านั้น

 

 

สายตาของจินเหยียนหยุดอยู่ที่ใบหน้าของชีอ้าวชวางนิ่งไม่ขยับไปไหนเลยแม้แต่นาทีเดียว เขาไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัวแล้วเดินตรงไปหาชีอ้าวชวางช้าๆ