กลุ่มส่งสารส่วนตัวโรงเรียนเสวียนเหมิน
“สหายทุกท่านได้ข่ายหรือยัง การทดสอบปลายภาคจะเปลี่ยนเป็นการประลองใหญ่เสวียนเหมินแล้ว!”
“เมื่อวานตอนที่เจ้าสำนักเหยียนสอนนั้นได้แจ้งแล้ว ได้ข่าวว่าไม่เพียงลูกศิษย์ในโรงเรียนต้องเข้าร่วม คนอื่นก็สามารถสมัครได้เช่นกัน ครานี้จะจัดร่วมกับการทดสอบขึ้นทะเบียน มีการจัดอันดับอีกด้วย!”
“เปลี่ยนเป็นการประลอง แสดงว่าไม่ต้องทำข้อสอบปลายภาคแล้ว? ดีเสียจริง! แค่ไม่ต้องทำข้อสอบ ข้าสามารถสู้ได้อีกสิบคน!”
“สหายด้านบน ท่านตื่นก่อน! อย่าลืมว่าจุดเด่นของเสวียนเหมินคือขับไล่ปีศาจทำข้อสอบ ขาดไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว!”
“ใช่แล้ว การประลองแบ่งออกเป็นสามรอบ! ยึดตามคะแนนโดยรวม คัดเลือกคนที่ได้สิบอันดับแรกของแต่ละสาขาเข้าแข่งขันในรอบสอง! การสอบสนามแรกคือการทำข้อสอบ ได้ยินว่าเจ้าสำนักสวีเป็นคนออกเอง!”
“…ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้อสอบของเจ้าสำนักสวียากที่สุดเลย ข้าไม่เคยผ่านมาก่อน! ไม่รู้ว่าพวกเขาคิดออกมาได้ย่างไร”
“สหาย ลองดูข้อสอบข่ายพลังของท่านอาวุโสเจียวก่อนหรือไม่ เพียงแค่มองในแวบแรกก็เกิดอาการวิงเวียน ได้ยินว่าตอนที่อาจารย์อวิ๋นสอน ท่านอาวุโสเจียวเป็นถึงหัวหน้าห้อง! ไม่รู้ว่าเหล่าศิษย์พี่ในห้องเรียนข่ายพลังรอดมาได้อย่างไร”
“ข้าคือศิษย์พี่ห้องข่ายพลัง! อย่าพูดถึงเลย…ตอนนี้ในมือข้ามีอยู่ชุดหนึ่ง ทำมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ยังไม่เสร็จ!”
“เพียงแต่ได้ยินว่ารางวัลในการประลองครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เพียงแค่เข้ารอบสิบอันดับแรกของแต่ละสาขา ทุกคนจะได้รับยาวิเศษสำหรับการรักษาบาดแผล ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสเพียงใด แค่มีลมหายใจอยู่ เมื่อกินยานี้เข้าไปจะสามารถรักษาพลังชีวิตได้สามชั่วยาม”
“อะไรนะ! ลงทุนเช่นนี้เชียวหรือ! เช่นนั้นรางวัลของสามอันดับแรกจะเป็นอะไรกัน”
“รางวัลของสามอันดับแรกต้องดียิ่งกว่าอยู่แล้ว ได้ยินว่าเป็นยันต์หายากสามใบ ไม่ใช่ยันต์ม่วง ไม่ใช่ยันต์เหลือง แต่เป็นยันต์สีทอง! ข้าฝึกฝนมาเป็นระยะเวลานานเช่นนี้ยังไม่เคยได้พบเห็นยันต์สีทองมาก่อน!”
“สหายพูดจริง! ยันต์สีทองเป็นยันต์วิเศษของแต่ละสำนัก มักไม่เอาออกมาให้คนได้พบเห็นอย่างง่ายดายไม่ใช่หรือ หากใช้ไปก็จะไม่มีแล้ว!”
“สหายไม่รู้อะไร นั่นเป็นเรื่องของเมื่อก่อนแล้ว! ตั้งแต่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากอาจารย์อวิ๋นของสำนักชิงหยาง ตอนนี้เจ้าสำนักและท่านอาวุโสต่างสามารถวาดยันต์สีทองออกมาไม่น้อย จะมีใครเอาเป็นสมบัติของสำนักอีก”
“รางวัลของอันดับสามก็ดีเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นอันดับสองและอันดับหนึ่งล่ะ”
“เรื่องนี้ไม่แน่ใจ ได้ยินว่าอันดับสองจะได้อาวุธจากอาจารย์ไป๋แห่งชิงหยาง อีกทั้งยังไม่ต่ำกว่าระดับสวรรค์ ส่วนรางวัลอันดับแรกมาจากอาจารย์อวิ๋น! การประลองครั้งนี้ พวกเขาจะเข้าร่วมการประเมินด้วย”
“อาจารย์ไป๋และอาจารย์อวิ๋น!”
ทันใดนั้นกลุ่มส่งสารก็ระเบิดลงทันที ทั้งสองคนล้วนเป็นบุคคลในตำนาน ถึงแม้หลังจากเปิดโรงเรียนแล้วพวกเธอจะไม่ได้มาสอนด้วยตนเอง แต่ชื่อเสียงของทั้งสองกลับดังไปทั่วเสวียนเหมินแล้ว สถานการณ์รุ่งเรืองของเสวียนเหมินในตอนนี้เกิดขึ้นได้เพราะฝีมือของพวกเธอทั้งสอง
ถึงแม้พวกเขาจะเปิดมาเพียงสี่ห้องเรียน อีกทั้งเวลายังไม่ยาว แต่ว่าเหล่าลูกศิษย์ที่มีโอกาสได้ฟังนั้นล้วนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นบุคคลแนวหน้าของเสวียนเหมิน บางครั้งเหล่าลูกศิษย์ในโรงเรียนมักจะนำข้อสอบที่ทำไม่ได้ไปให้เหล่าศิษย์พี่ที่ได้ฟังการสอนจากอาจารย์ทั้งสองดู ถึงแม้พวกเขาจะทำไม่ได้ทั้งหมด ก็ถูกอย่างน้อยเจ็ดแปดส่วน
ดังนั้นอาจารย์ทั้งสองจึงถือเป็นตำนานของเสวียนเหมิน พวกเขาไม่คิดว่ารางวัลในครั้งนี้จะมาจากมือของพวกเขา
พวกเขาก็จะสู้อย่างเต็มที่เพื่อดูรางวัลของสองอันดับแรกว่าคืออะไร!
เหล่าลูกศิษย์ต่างตื่นเต้นกันถ้วนหน้า ทันใดนั้นเกิดความกระตือรือร้นต่อการประลองในครั้งนี้ขึ้นมา
——————
การประลองเสวียนเหมินสมัยที่หนึ่งคือการทดสอบปลายภาคของโรงเรียนเสวียนเหมิน
เมื่อเทียบกับการทดสอบขึ้นทะเบียน จำนวนลูกศิษย์ที่เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้กลับมีจำนวนมากกว่า เหล่าเจ้าสำนักมีการเตรียมการล่วงหน้า อีกทั้งการคมนาคมที่สะดวก พวกเขาจึงจัดตั้งสาขาของสนามสอบไว้ที่สำนักใหญ่อื่นๆ อีกด้วย ภายใต้การจัดการนี้ การประลองจึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
เวลาไม่ถึงสองวัน คะแนนการทดสอบสนามแรกออกมาแล้ว การทดสอบสนามที่สองเป็นวิชาเฉพาะ ควบคุมการสอบโดยเจ้าสำนักของแต่ละวิชา สิ้นเปลืองเวลาไปนานพอสมควร คนที่ผ่านก็มีน้อยลง
การสอบสนามที่สามในตอนนี้…
ชายแก่ยืนอยู่ในหมู่บ้านกลางเขาที่ถูกทิ้งร้างแห่งหนึ่ง เขาจ้องมองเหล่าวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า เห็นเพียงแต่ด้านในเต็มไปด้วยผีร้าย อีกทั้งยังมีราชาผีนั่งอยู่ในนั้นด้วย
ไป๋อวี้กระแอมไอ ก่อนจะกวาดตามองเหล่าวิญญาณ จากนั้นถึงได้พูดขึ้น “ภารกิจวันนี้พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ จำสิ่งที่เจ้าหนูพูดเมื่อกี้ การกระทำในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองโลก ทุกคนต้องยึดถือมิตรภาพเป็นอันดับแรก กฎกติตาของการแข่งขันเป็นอันดับที่สอง หลอกคนได้ แต่ห้ามทำร้ายคน ยิ่งไม่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสองโลกได้! ไม่อนุญาตให้รุมทำร้าย ไม่อนุญาตให้ทำร้ายคนโดยเจตนา หนึ่งต่อหนึ่ง ประลองอย่างยุติธรรม การประลองจะจบลงเมื่อถึงเวลา!”
“รับทราบ! ท่านยมราช!” เหล่าวิญญาณต่างพยักหน้า
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวล ถึงแม้พวกเขาจะเป็นลูกศิษย์เสวียนเหมิน แต่พวกเขาล้วนรู้ว่าควรลงมือระดับไหน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ จะมียมทูตคอยคุ้มครองความปลอดภัยของพวกเจ้าอยู่ด้านข้าง หากพบเหตุการณ์คับขัน พวกเจ้าเก็บยันต์ใบนี้ให้ดี หลังจากกระตุ้นแล้วยันต์นี้จะส่งพวกเจ้ากลับเข้าประตูผีทันที เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจ!”
“อืม” ชายแก่หยิบยันต์สีดำออกมา ยันต์เหล่านี้เขาเป็นคนหีพี่สีเตรียมไว้ จากนั้นแจกจ่ายออกไป ว่าแล้วก็พูดเสริมขึ้น “หากหลอกได้ดี ข้ามีรางวัล สามารถถือเป็นคะแนนในการสอบครั้งหน้าได้”
เหล่าวิญญาณดวงตาลุกวาวขึ้นทันที พลังวิญญาณบนตัวหลั่งไหลออกมาด้วยความตื่นเต้น “ขอบคุณท่านยมราช!”
ชายแก่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะกวาดตามองเหล่าวิญญาณอีกครั้ง จากนั้นโบกมือ “ไปเถอะ!”
เหล่าวิญญาณลอยขึ้น ก่อนจะกระจัดกระจายกันไปเพื่อเตรียมพร้อมในการหลอกคน หากหลอกได้ดี ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจได้รับราชการก็เป็นได้
ดังนั้นในเวลาต่อมา เหล่าเจ้าสำนักจึงพบเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจากกระจก
ลูกศิษย์ที่เข้าสนามสอบสามนั้น เมื่อเข้าไปยังไม่ถึงห้านาทีจะพบกับวิญญาณอย่างแน่นอน อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นผีร้าย หรือบางคนพบกับแม่ทัพผีก็มี
สีหน้าของเหล่าเจ้าสำนักซีดเผือดไป ถึงแม้สหายอวิ๋นจะบอกว่าเรื่องวิญญาณมอบหมายให้สหายไป๋ แต่นางไม่ได้บอกว่าวิญญาณที่มาจะเก่งกาจเช่นนี้! เหล่าเจ้าสำนักแทบจะพุ่งตัวลงไป ถึงแม้พลังของลูกศิษย์เหล่านี้จะพัฒนาขึ้นไม่น้อย แต่หากจะให้รับมือกับผีร้ายเหล่านี้ แค่จะเอาตัวรอดยัง…
เอ๊ะ? พวกเขาทำได้!
(⊙_⊙)
เห็นเพียงแต่เหล่าลูกศิษย์ที่เผชิญหน้ากับผีร้ายนั้นล้วนกระตุ่นยันต์ขนส่งในทันที ตอนแรกทุกคนต่างนึกว่าโชคดี แต่หลังจากนั้นพวกเขากลับพบว่าไม่ใช่…
ทั้งที่กำลังจะโจมตีถูกจุดสำคัญแล้ว แต่ผีร้ายเหล่านั้นกลับลดความเร็วลงอย่างเหลือเชื่อ หรือบางตัวก็โจมตีคลาดเคลื่อนไป อย่างไรก็ตาม เหล่าลูกศิษย์ที่สู้ไม่ได้ล้วนถูกส่งกลับมาอย่างปลอดภัย ราวกับ…อีกฝ่ายตั้งใจรอให้ลูกศิษย์เหล่านั้นกระตุ้นยันต์ขนส่ง
อีกทั้งลูกศิษย์บางคนที่ทำยันต์ขนส่งหายไปนั้นในระหว่างการต่อสู้นั้น วิญญาณที่อยู่ตรงข้ามจะหยุดรออยู่สักัพก เมื่อเห็นอีกฝ่านหนีไปไม่ได้ จึงทำเป็นตาบอดลอยออกไปหาคนอื่นแทน
อีกทั้งวิญญาณเหล่านั้นราวกับไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าคนเดียวกัน ถึงแม้จะมีคนวิ่งหนีระหว่างการต่อสู้ และเผชิญหน้าเข้ากับวิญญาณอีกตน วิญญาณตนหลังนั้นก็ทำราวกับมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน ก่อนจะลอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
เหล่าเจ้าสำนักที่เตรียมจะช่วยคน: “…” นี่มันผีอะไรกัน