บทที่ 191: เธอได้รับการอภัย!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 191: เธอได้รับการอภัย!

ทางใต้ของเมืองโรซ่า ที่ตั้งคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลโซโรฟยา ชาร์ล็อต โซโรฟยา กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ หน้าต่าง ฟังเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ ยามเช้า พร้อมแสงแดดที่สาดส่องลงมาอย่างอ่อนโยน ทำให้ผมสีน้ำตาลแดงของเธอสะท้อนแสงราวกับเปลวไฟอันริบหรี่

ผ่านมาสองชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ที่ชาร์ล็อตนำเสนอเรื่องต่าง ๆ ในห้องประชุม ด้วยความคิดในใจของเธอเต็มไปด้วยเรื่องของโรเอล เด็กสาวจึงไม่สามารถเดินสบาย ๆ ลอยชายต่อไปได้ เธอรีบกลับไปที่คฤหาสน์ของตนเองโดยเร็วที่สุด เนื่องจากโรเอลนั้นอาจจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ จากการสิ้นสุดผลของคาถา

สามวันก่อน หลังจากที่ชาร์ล็อตร่ายคาถาใส่โรเอลบนยอดเขา เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

ชาร์ล็อตรู้ดีว่าการกระทำของเธอไม่ได้เพียงแค่สร้างปัญหาภายนอกเท่านั้น ปฏิกิริยาของโรเอลเองก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน ในโลกนี้ไม่มีการเลือกปฏิบัติทางเพศมากนัก เนื่องจากการมีอยู่ของพลังเวทและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ชาย จุดยืนทางเพศของพวกเขาจึงไม่ได้สำคัญนัก อย่างไรก็ตามศักดิ์ศรีในฐานะผู้ปกครองก็ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โรเอลเองก็น่าจะมีความภูมิใจในตัวเองแบบของผู้ปกครองอยู่

เขตการปกครองแอสคาร์ด มีอาณาเขตแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง และความสามารถทางทหารของตระกูลแอสคาร์ดก็เหนือกว่าอาณาจักรเล็ก ๆ ทั่วไปมาก จึงไม่ผิดเท่าไหร่นักหากจะเรียกมันว่าอาณาจักรขนาดเล็กที่มีอิสระเป็นของตัวเอง ซึ่งโรเอลก็เป็นถึงตัวแทนผู้ปกครองของสถานที่ดังกล่าว เขาย่อมต้องมีศักดิ์ศรีความภาคภูมิใจอยู่ในระดับหนึ่ง

วิธีการลักพาตัวโรเอลของชาร์ล็อต อาจจะเป็นการทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าเด็กสาวจะรู้จักบุคลิกของเขาเป็นอย่างดีหลังจากที่ผ่านพ้นอะไร ๆ มาด้วยกันมากมายแล้วก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็ยังมีความเสี่ยงสูง ชาร์ล็อตจึงไม่กล้าฉกฉวยโอกาสใด ๆ และตั้งใจแน่วแน่ที่จะชดเชยให้กับโรเอลทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ ตามที่สัญญากับเขาเอาไว้ใต้แสงดาวในคืนนั้น

สวนร้อยปักษา เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองโรซ่า ในอดีตมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สถานที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร เพื่อป้องกันการบุกรุกจากจักรวรรดิออสทีน พื้นที่ดังกล่าวได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงความสงบเรียบร้อย การป้องกันทางทหารก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลดลง จนตอนนี้ฐานนั้นได้กลายมาเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตระกูลโซโรฟยา

มันได้กลายมาเป็นที่พักส่วนตัวของบรูซและชาร์ล็อต ทว่าเนื่องด้วยที่บรูซยุ่งอยู่กับงานอยู่ตลอดเวลา ที่นี่จึงกลายเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของชาร์ล็อตไปโดยปริยาย

สวนร้อยปักษาได้รับการตั้งชื่อตามนกหลายร้อยสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในสวน นกเหล่านี้เคยได้รับการฝึกฝนให้ถ่ายทอดข่าวกรองทางทหารที่สำคัญไปยังป้อมปราการต่าง ๆ ทั่วเมือง เป็นเหตุผลว่าทำไมนกเหล่านี้ถึงอยู่ในศูนย์บัญชาการทางทหารได้

นักธนูในโลกนี้มีลูกศรเสริมด้วยพลังเวทมนตร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยิงเป็นอย่างมาก ดังนั้นนกธรรมดาย่อมถูกยิงโดยนักธนูที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้เมืองโรซ่าต้องซื้อสัตว์อสูรนกและฝึกพวกมันเพื่อทำหน้าที่นี้แทน

สัตว์อสูรนกแต่ละชนิดล้วนมีจุดอ่อนและจุดแข็ง ตระกูลโซโรฟยาจึงเลือกที่จะดัดแปลงสายพันธุ์พวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ระบบข่าวกรองทางทหารมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด และเมื่อสงครามยืดเยื้อไปนาน ประชากรนกจึงมีความหลากหลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็มีนกนับร้อยชนิดบินทำหน้าที่

จากนั้นพวกมันทั้งหมดก็ถูกถอดถอนปลดประจำการออกไปพร้อม ๆ กัน

เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เหล่าทหารได้กลับไปสู่บ้านของตน แต่นกผู้ประเสริฐกลับไม่มีที่ไปอีกต่อไป แต่ด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณ ชาวโซโรฟยาจึงเลือกที่จะเลี้ยงดูพวกมันในบ้านของตนเอง พวกเขาถึงกับสร้างหลุมศพให้กับนกบางตัวที่ถ่ายทอดข่าวกรองสำคัญในช่วงเวลาที่ยากลำบากเลยด้วยซ้ำ นกเหล่านี้ถือเป็นวีรบุรุษสำหรับพวกเขา

ชาร์ล็อตเติบโตขึ้นมาพร้อมกับคนรับใช้และนกเหล่านี้ ดังนั้นเด็กสาวจึงชอบที่นี่มาก และหวังว่าคนรักของเธอเองก็จะชื่นชอบมันเช่นกัน นอกจากนี้ การมีอยู่ของนกเหล่านี้ยังช่วยให้เขาฟื้นตัวได้ดีขึ้นอีกด้วย

ทว่าดูเหมือนว่าชาร์ล็อตจะคำนวณสภาพของโรเอลผิดไปสักหน่อย…

“ที่รักยังไม่ตื่นอีกงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไงกัน?”

เมื่อได้ยินคำพูดของคนรับใช้ ชาร์ล็อตก็รีบเข้าไปในห้องนอนของตน มุ่งหน้าไปยังข้างเตียงอย่างรวดเร็ว ห้องนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันไม่มีชายคนใดเคยได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้มาก่อน เว้นแต่เด็กสาวจะอนุญาตอย่างชัดแจ้ง แม้แต่คนรับใช้ของที่นี่ก็ต้องรายงานจากนอกห้องโดยใช้คาถาเวทสื่อสารเท่านั้น คนเดียวที่มีสิทธิ์เคาะประตูได้มีเพียงคนสนิทเช่นเกรซ

แต่ขณะนี้มีผู้ที่เข้ามาในอาณาเขตส่วนตัวของเธอได้อีกคนเสียแล้ว

ชาร์ล็อตมองดูเด็กชายผมดำที่กำลังหลับอยู่ด้วยความกังวล

ทำไมเขายังไม่ตื่นกัน? ข้าล้มเหลวในการควบคุมคาถาเวทงั้นเหรอ? หรือว่าร่างกายของโรเอลจะ อ่อนแอกว่าที่ข้าคาดเอาไว้?

ชาร์ล็อตขมวดคิ้วอย่างสับสน ทว่าระหว่างที่เธอมองเข้าไปใกล้ ๆ เด็กสาวก็สังเกตเห็นบางอย่างที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับขวดเล็ก ๆ ที่วางเอาไว้ข้าง ๆ หมอนของโรเอล มันคือจิตวิญญาณแห่งทองคำที่เธอสร้างขึ้นมาทันทีที่กลับมาถึง เพื่อที่จะได้ร่ายคาถาเป็นยากล่อมประสาทบรรเทาอาการของโรเอลเมื่อใดก็ตามที่เธอไม่อยู่ แต่ตอนนี้มันผิดปกติเล็กน้อยไปจากความทรงจำของเธอ…

แปลกจริง ข้าจำได้ว่าวางมันเอาไว้ในแนวตั้งนี่นา แต่ตอนนี้มันกลับเป็นแนวนอน หรือว่า…

เมื่อมองไปยังขวดที่กำลังเรืองแสง ริมฝีปากของชาร์ล็อตก็ขดขึ้นเป็นรอยยิ้ม เธอค่อย ๆ เดินเข้ามาแล้วบีบจมูกของเด็กชายที่กำลัง ‘หลับ’ เบาๆ

มันไม่ง่ายที่จะปลุกคนที่แกล้งหลับ แต่ทุกอย่างย่อมมีวิธีที่จะยับยั้งได้เสมอ เช่นทำให้ขาดออกซิเจน

ห้าวินาที…

สิบวินาที…

เมื่อชาร์ล็อตนับถึงสิบห้าวินาที เด็กชายที่กำลัง ‘หลับ’ ก็ลืมตาสีทองของเขาขึ้นอย่างเงียบ ๆ จ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาสีมรกตของชาร์ล็อต ยกมือขึ้นและตบมือของเธอเบา ๆ

“คิก!”

ชาร์ล็อตอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับสถานการณ์นี้ น่าแปลกที่โรเอลไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เธอแต่อย่างใด เขานั่งตัวตรงมองชาร์ล็อตด้วยรอยยิ้มที่สุภาพบนริมฝีปาก ราวกับว่าเป็นคนที่เพิ่งตื่นและยังไม่รู้อะไร เด็กชายทักทายเธอด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“อรุณสวัสดิ์ คุณชาร์ล็อต ขอโทษด้วย ฉันไม่คิดว่าฉันจะนอนไปนานขนาดนี้ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกันแน่หรือ”

ทัศนคติ รอยยิ้มและคำพูดของโรเอลสุภาพไร้ที่ติ แต่กลับทำให้หัวใจของชาร์ล็อตจมลง

ความสุภาพเป็นอาวุธที่โรเอลไม่ได้ใช้กับชาร์ล็อตมาเป็นเวลานาน มันเป็นสิ่งที่มักจะถูกใช้ในแวดวงของขุนนาง เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์โดยไม่เปิดเผยจุดอ่อนให้กับผู้อื่น พวกเขามักจะใช้อาวุธนี้ในการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และทิ้งไปอย่างรวดเร็วเมื่อสนิทกันมากขึ้น

แต่โรเอลเลือกที่จะนำมันออกมาใช้อีกครั้งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ซึ่งอาจหมายถึงว่าคราวนี้เขาโกรธแล้วจริง ๆ

นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาถดถอยลงจนถึงจุดที่พวกเขาต้องการความสุภาพร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ความสัมพันธ์แย่ลงไปอีก คล้ายกับอาณาจักรต่าง ๆ ที่อยู่ในช่วงรักษาสันติภาพหลังจากลงนามในข้อตกลงสงบศึก แม้ว่าอยากจะทำลายล้างอีกฝ่าย แต่ก็เลือกที่จะฝังความโกรธแค้นไว้ลึก ๆ ในใจและรักษารอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้าแทน

สถานการณ์อาจจะไม่รุนแรงขนาดนั้นในกรณีของโรเอล แต่ชาร์ล็อตก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงรีบกลับมาที่นี่ในทันทีที่สบโอกาส

“ที่รัก เจ้าบอกว่าจะยกโทษให้ข้า…”

เมื่อเผชิญกับการตำหนิอย่างเงียบ ๆ ของโรเอล ชาร์ล็อตผู้มีเกียรติก็ก้มหน้าลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย มันทำให้สีหน้าของโรเอลคลายลงครู่หนึ่ง แต่เขาก็กระชับขึ้นอีกครั้งทันที

ก่อนหน้านี้ชาร์ล็อตเข้าร่วมการประชุมครั้งสำคัญ เด็กสาวจึงสวมชุดสีฟ้าอ่อนที่เป็นทางการ ทำให้ดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ต่างหูและสร้อยคอที่เธอสวมได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีให้เข้ากับชุดที่สวม ขับเน้นกันและกัน เธอมัดผมสีน้ำตาลแดงไว้ที่ไหล่ ทำให้ดูสง่างามกว่าที่เคย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชาร์ล็อตตั้งใจแต่งตัวเช่นนี้เพื่อโรเอลด้วยส่วนนึง เธอแต่งกายแตกต่างไปจากเครื่องแต่งกายของตระกูลโซโรฟยาแบบดั้งเดิมมาก โดยมีรูปลักษณ์สงวนตัวมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตาม การแต่งตัวแบบนี้ ทำให้เด็กสาวได้รับความชื่นชอบได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน และทำให้ใคร ๆ ก็ทนไม่ได้หากจะต้องตำหนิเธอ

แม้ว่าโรเอลจะสังเกตเห็นความตั้งใจของเธอ แต่กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ก็ยังใช้ได้ผล ทันทีที่ชาร์ล็อตละสายตาอันวาววับ เช็ดดวงตาของเธออย่างเงียบ ๆ เด็กชายก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้เช่นกัน

สำหรับคนอายุน้อยเช่นโรเอล การบรรลุความสำเร็จในฐานะตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครอง ย่อมหมายความว่าเขามีทั้งความสามารถและความเด็ดขาดในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องรับมือกับคนที่ตัวเองสนิทด้วย เด็กชายมักจะพลาดอยู่เสมอ ๆ เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนมากเกินไป สำหรับแวดวงคนที่เขาห่วงใย

โรเอลรู้ดีถึงข้อบกพร่องนี้ และอยากที่จะเอาชนะมันมาโดยตลอด แต่คนที่เขาอ่อนโยนด้วยเองก็มักจะไม่ได้ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นสำหรับเขาเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นอลิเซียที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ หรือชาร์ล็อตที่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน

ไม่มีทางที่โรเอลจะคิดร้ายกับพวกเขาได้ ดังนั้นหลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เด็กชายก็ไม่สามารถพูดว่าร้ายอะไรเธอได้อีก

“เฮ้อ บอกฉันทีสิว่าทำแบบนี้ไปทำไม”

ภายใต้การซักถามของโรเอล ในที่สุดชาร์ล็อตก็เปิดเผยความในใจ ด้วยความกังวลว่าพวกเขาจะไม่มีวันได้พบกันอีก ความจำเป็นของจิตวิญญาณแห่งทองคำในการรักษาโรเอล และเบาะแสที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำ เหตุผลเหล่านี้ทำให้เด็กชายพูดอะไรไม่ออก

หืม? ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผลนี่นา?

แม้โรเอลจะไม่ยอมให้มันปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ความโกรธของเขาก็ค่อย ๆ ลดลง หลังจากได้ยินคำอธิบายของชาร์ล็อต สิ่งที่เธอทำส่วนใหญ่นั้นค่อนข้างมีเหตุผล และเป็นปัญหาที่โรเอลไม่สามารถจัดการได้ เนื่องจากสภาพร่างกายอันย่ำแย่ของเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ถ้าเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ดในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บ อลิเซียก็อาจจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น และนอร่าก็คงจะใช้เรื่องนี้เพื่อพยายามทำอะไรสักอย่าง เมื่อคิดเกี่ยวกับมันแล้ว การมาที่เมืองโรซ่ากับชาร์ล็อตอาจจะดีกว่าจริง ๆ ก็ได้

ด้วยความคิดดังกล่าว โรเอลจึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ กลับกันแล้ว เมื่อชาร์ล็อตสังเกตเห็นสีหน้าของโรเอลที่อ่อนโยนลง เด็กสาวก็ใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันวาระของตนไปข้างหน้า

“ที่รัก เจ้าบอกว่าจะยกโทษให้ข้า ตราบใดที่ข้าเต็มใจชดใช้ความผิด”

“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับบริบทด้วย เธอคิดว่าคำพูดนั้นใช้กับสถานการณ์นี้ได้จริง ๆ เหรอ?”

เมื่อนึกถึงบทสนทนาที่พวกเขามีภายใต้ท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวบนเทือกเขาโวรุน โรเอลก็จับหน้าผากของตนพร้อมส่ายหัว เขาพอจะรู้ว่าเธอกำลังคิดถึงอะไร ในตอนที่ชาร์ล็อตถามคำถามแบบนั้นออกมา

ชดใช้? ความผิดระดับนี้เธอจะชดใช้ได้อย่างไรกัน?

การตอบสนองของโรเอลทำให้ชาร์ล็อตตื่นตระหนก เธอรีบหยิบกระดิ่งบนโต๊ะข้างเตียงแล้วเขย่าเบา ๆ ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูก็เปิดออก จากนั้นคนรับใช้ก็ผลักเกวียนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยลังหลายลังเข้ามาในห้อง

“ที่รัก นี่คือหนึ่งล้านเหรียญทอง มันเป็นสมบัติส่วนตัวของข้าเอง ข้ารู้ว่าเจ้าอาจคิดว่าการกระทำของข้าคงจะดูแย่ไปหน่อย แต่…”

“… ไม่ต้องพูดแล้ว”

“เอ๋?”

โรเอลโบกมืออย่างสง่างามพร้อมพูดด้วยความมั่นใจ

“ฉันให้อภัยเธอแล้ว!”