ตอนที่ 206 เข้าป่าเก็บสมุนไพร (4)

หมอหญิงจ้าวดวงใจ

ตอนที่ 206 เข้าป่าเก็บสมุนไพร (4)

อารามที่พักของสองพี่น้องตระกูลเหยาแน่นอนว่าต้องไม่เหมือนอารามของเถียนซื่อ เถียนซื่อเข้าวัดก็ถูกพาไปหลังวัดผู่จี้ที่เป็นอารามแม่ชีเล็กๆ นั่นก็เป็นงานอย่างหนึ่งของวัดผู่จี้ เป็นสถานที่ที่คั่นกลางด้วยที่นาปลูกผักหนึ่งแปลง ข้างในมีแม่ชีเฒ่าอยู่สิบกว่าคน และยังบูชาพระพุทธรูปและพระโพธิ์สัตว์กวนอิม เถียนซื่อจะสวดมนต์และอธิษฐานขอพรก็ต้องไปอยู่ในอารามแม่ชีตรงนั้น

พระอาจารย์ใหญ่แห่งวัดผู่จี้เชิญพี่น้องตระกูลเหยาเข้าไปจิบชาในวัด เหยาเหยียนอี้จึงพูดชัดเจนเกี่ยวกับการมาเยือนในวันนี้ เนื่องด้วยพระราชโองการของฮ่องเต้ที่รับสั่งให้มาสำรวจพื้นที่และพืชพันธุ์ในป่าเพื่อลงทะเบียนในหนังสือราชการ ท่านอาจารย์ใหญ่ย่อมไม่พูดอะไรอยู่แล้ว เพียงแค่สั่งให้คนเตรียมมื้ออาหารมังสวิรัติและน้ำชาไว้ต้อนรับและบรรดาบ่าวไพร่แห่งตระกูลเหยาและเหล่าทหารรักษาการณ์ที่เว่ยจางพามา

เหยาเยี่ยนอวี่มองฝนที่ยังคงตกข้างนอก ภายในใจรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย ชั่วยามนี้แล้วฝนยังคงตก หรือว่าคืนนี้ต้องพักอาศัยในวัดกลางหุบเขา

เหยาเหยียนอี้มองเหยาเยี่ยนอวี่เคาะโต๊ะไม่หยุดจึงรู้ว่านางกำลังกระวนกระวาย ด้วยเหตุนี้เลยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากฝนยังคงตกไม่หยุดตลอดเช่นนี้ พวกเราจะพักอาศัยอยู่ในวัด เจ้าวางใจเถอะ”

“อืม ข้าฟังท่านพี่” เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มแล้วหันไปมองฝนข้างนอกต่อ

เหยาเหยียนอี้ก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากอุดอู้อยู่ในจวน ดังนั้นจึงได้พาเจ้าออกมาโดยเฉพาะ เหตุใดออกมาครึ่งวันเจ้ากลับอยู่ไม่ไหวแล้วล่ะ”

เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่าทิวทัศน์ข้างนอกงดงามยิ่งนัก แค่จิบชาในนี้ก็คงจะน่าเสียดาย”

“ประเดี๋ยวรอให้ฝนซาลงหน่อยค่อยออกไป ตอนนี้ออกไปไม่เพียงแต่ต้องตากฝน ถนนหนทางในหุบก็ลื่นมาก คงไม่ง่ายต่อการเดินทาง”

“อืม ท่านพี่กล่าวถูก”

ทั้งสองพี่น้องปรึกษาหารือกันเสร็จแล้วก็นิ่งสงบไป

เพราะว่ามีเว่ยจางอยู่ เรื่องในจวนก็ไม่สะดวกจะกล่าวให้มากความเกินไป ทั้งสามคนแค่จิบชาอย่างเงียบๆ

โชคดีที่เผาธูปหมดไปหนึ่งดอกฝนก็เริ่มซาลงแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่พูดด้วยความดีใจ “พี่รอง พวกเราไปได้หรือยัง”

เหยาเหยียนอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “รู้ว่าเจ้ารีรอไม่ไหว ไปกันเถอะ”

ป่าพงไพรถูกน้ำฝนชำระล้าง ทั่วครรลองสายตาคือผืนป่าเขียวชอุ่มและภูเขาหินที่ถูกน้ำฝนซัดสาดจนสะอาด กลายเป็นภูเขาสีฟ้าปนเขียวสดใสเจิดจรัส ท้องฟ้าสะอาดสะอ้านไร้สิ่งเจือปน เมื่อสูดลมหายใจหนึ่งทีก็รู้สึกถึงความสดชื่นของป่าเข้าไปถึงปอดและหัวใจ

ฝนโปรยลงมาเบาๆ ไม่จำเป็นต้องกางร่มแม้แต่น้อย เหยาเยี่ยนอวี่เลิกชายกระโปรงแล้วเดินนำทาง ฝีเท้าของนางทั้งแผ่วเบาและว่องไว เดินไปด้วยพลางชี้ไปยังพุ่มไม้และพืชผลที่อยู่ข้างทางให้ชุ่ยเวยกับชุ่ยผิงเด็ดอันนี้ทีอันนี้ทีเหมือนทุกอย่างต่างก็เป็นยาสมุนไพรอันล้ำค่า

เหยาเหยียนอี้เดินตามพลางเตือน “เจ้าช้าหน่อย! บนภูเขา หินมีตะไคร่น้ำ ประเดี๋ยวจะหกล้มเอา!” พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่เดินหักโค้งแล้วหายไปท่ามกลางพุ่มไม้ เหยาเหยียนอี้จึงถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง “ยัยหนูคนนี้เหตุใดพอถึงกลางป่าแล้วไม่เชื่อฟังเช่นนี้!”

เว่ยจางขมวดคิ้วแล้วเดินตามสองก้าวติด จากนั้นก็จับข้อมือของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ทันทพูดเสียงเรียบ “ช้าหน่อย”

เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงันไปพักหนึ่งแล้วขึงตามองเว่ยจาง “ปล่อย!”

“เหตุใดถึงต้องวิ่ง อยากล้มเปื้อนโคลนหรือ” เว่ยจางยังคงจับข้อมือนางไว้เหมือนกำลังจับนกน้อยตัวหนึ่ง แค่ปล่อยมือนกน้อยก็จะบินหนี

“ปล่อยมือ!” เหยาเยี่ยนอวี่ขัดขืน แต่แรงน้อยๆ เช่นนั้นไม่มีทางขัดขืนแม่ทัพเว่ยได้แน่นอน ดังนั้นจึงทำได้เพียงขึงตามองเขาอย่างโหดเหี้ยม

“นี่?” เหยาเหยียนอี้เดินตามมา เห็นว่าทั้งสองจ้องตากันเขม็งจึงสูดลมหายใจเข้าแล้วเอ่ยถาม “พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่!”

เว่ยจางยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไรขอรับ เมื่อครู่คุณหนูเหยาเกือบจะหกล้มข้าเลยพยุงนางไว้” ขณะที่พูดเขาก็ปล่อยข้อมือนาง แล้วยังถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ โดนตรงไหนหรือเปล่า”

เหยาเยี่ยนอวี่ทั้งขุ่นเคืองใจและขำอยู่ในใจ กัดฟันกรอดแค่นเสียงเย็นชาในลำคอ “ต้องขอบคุณท่านแม่ทัพที่เป็นห่วง!” พูดจบก็สะบัดมือเดินต่อ

เหยาเหยียนอี้ส่ายหัวอย่างประหม่า มองเว่ยจางอย่างระวังตัวไม่พูดไม่จา รีบสาวเท้าเดินตามไปโดยเร็ว

เว่ยจางจับนิ้วมือ กระตุกมุมปากเผยยิ้มที่มองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

สุดท้ายเหยาเยี่ยนอวี่ก็หยุดลงตรงพุ่มไม้ ถอนหายใจเบาๆ แล้วมองพืชใบใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์พลางพูดด้วยรอยยิ้มอย่างภูมิใจ “หาเจ้าเจอเสียที!”

“คือนี่เองหรือ” เหยาเหยียนอี้ตามอยู่ข้างหลังเหยาเยี่ยนอวี่ มองพุ่มไม้เขียวชอุ่มพุ่มนี้ นี่เหมือนพืชที่พบเจอบ่อย ทว่าพอครุ่นคิดอย่างละเอียดก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร ด้วยเหตุที่มันธรรมดาเกินไปจึงไม่เคยมีใครสังเกตเห็น

“นี่ก็เรียกว่าหญ้าจื่อจู ใบใหญ่ไม่เหมือนยาสมุนไพรห้ามเลือดตัวอื่น รากและใบของมันต่างก็ใช้เป็นยาสมุนไพรได้ มันไม่เพียงแต่ช่วยห้ามเลือด ยังสลายเลือดคั่งอีกทั้งยังแก้อาการอักเสบได้ สรรพคุณแก้อาการอักเสบของมัน…ก็คือการป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ”

“อืม เข้าใจแล้ว” เหยาเหยียนอี้พยักหน้าแล้วยื่นมือไปเด็ดใบหนึ่ง ขยี้แล้วเอามาดมตรงจมูก ไม่มีกลิ่นอะไรพิเศษ หน้าตาก็ดูธรรมดาเกินไป แล้วจะเด็ดและขนไปเมืองหลวงภายใต้นามอะไรดี

“ตอนนี้ยังเด็ดใบไม่ได้ ทำได้แค่ถอนราก ใบต้องถึงช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงถึงจะเด็ดมาเป็นยาสมุนไพรได้ดีที่สุด”

“ราก?” เหยาเหยียนอี้ครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “ได้เช่นนั้นก็ถอนรากก่อน”

เว่ยจางติดตามมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองพี่น้องจึงโน้มตัวลงไปดึงดาบสั้นออกจากรองเท้าบูท จากนั้นก็ขุดรากของหญ้าจื่อจูออกมาหนึ่งต้นแล้วสะบัดดินออกพลางมองและพูดขึ้น “รากเช่นนี้กับรากต้นไม้ปกติไม่มีความแตกต่างอะไรกันเลย ง่ายต่อการปะปนของปลอม”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “ดังนั้นต้องให้คนของพวกเรามาเด็ดเอง หากไปซื้อจากที่อื่นแน่นอนว่าต้องมีคนแอบฉกฉวยโอกาสและรีดไถ”

“ตอนแรกเริ่มต้องเป็นอย่างนี้ ภารกิจจากฮ่องเต้ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด” เดิมทีเหยาเหยียนอี้ก็ครุ่นคิดถึงหลากหลายวิธี คิดไปคิดมาเรื่องนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ดี

ไม่ว่านางจะกล่าวถึงลักษณะเด่นของสมุนไพรนี้อย่างละเอียดมากเพียงใด ภายใต้ผลประโยชน์ที่แน่นแฟ้นย่อมมีคนเสี่ยงอันตรายใช้ของปลอมปะปนของจริงแน่นอน ถึงเวลาตนเองจะถกเถียงกลับไปอย่างไรก็คงต้องเอาชีวิตเข้าแลกอยู่ดี

ต้องเป็นผู้ที่จงรักภักดีและมีเวลาเพียงพอที่จะติดตามอยู่ข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่เพื่อคอยศึกษาและฝึกฝนจึงจะรับผิดชอบงานนี้ได้ ทว่าในตอนนี้คนแบบนี้ยังไม่มีจริงๆ

เหยาเหยียนอี้จับรากกิ่งหนึ่งที่เว่ยจางยื่นมาแล้วพูดขึ้น “วันข้างหน้าข้าจะเป็นคนคอยจับตาดูผู้ที่มาเด็ดเอง น้องสาววางใจเถอะ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าแล้วตอบกลับ “พี่ชายถอนรากออกมาแล้วย้ายไปทดลองปลูกได้ หากทดลองปลูกสำเร็จก็ถือว่าได้ผลคุ้มค่า ใช้ปัญญาน้อย”

“น้องสาวกล่าวถูก” เหยาเหยียนอี้มีความคิดเยี่ยงนี้ตั้งนานแล้ว

เว่ยจางมองดินโคลนที่นุ่มและเลอะเทอะแล้วเอ่ยถาม “หญ้าห้ามเลือดก็คือสิ่งนี้เอง เช่นนั้น…ดักแด้ดินล่ะ? ในดินโคลนเช่นนี้มีหรือไม่”

เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “นี่ต้องขึ้นอยู่กับความโชคดี ให้ทุกคนแยกย้ายกันไปขุด หากเห็นหนอนที่คล้ายกับดักแด้ผึ้งก็เอามาให้ข้าดู”

“ทุกคนฟังไว้ให้ดี!” เหยาเหยียนอี้ปรบมือแล้วสั่งให้บ่าวไพร่ของตนรวมตัวกันตรงหน้าพร้อมสั่งการ “ตอนนี้พวกเราต้องหาหนอนที่คล้ายคลึงกับดักแด้ผึ้งที่ขุดออกมาจากดิน หากขุดเจอก็เอามาให้คุณหนูรองดู เข้าใจหรือไม่”

ทุกคนต่างก็ตอบกลับ “เข้าใจแล้วขอรับ”

“เริ่มเร็วเข้าเถอะ!” เหยาเหยียนอี้ออกคำสั่ง ทุกคนต่างก็แยกย้าย ต่างคนต่างเอาพลั่วเหล็กไปเริ่มขุดดิน