“แต่ว่า เราไม่มีหลักฐาน” ซูฉิงเม้มริมฝีปาก ขมวดคิ้วเข้ม “ผ่านไปตั้งหลายปี ถึงแม้ตอนนั้นจะมีเบาะแสเหลืออยู่ เกรงว่าคงถูกทำลายไปนานแล้ว”
ข้อนิ้วของฮ่อหยุนเฉิงเกร็งเข้าหากันแน่นก่อนจะพูดน้ำเสียงเย็นชาและแน่วแน่ “ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ตราบใดที่เขาเป็นคนทำ ก็ต้องมีร่องรอยแน่!”
“ใช่ แต่สิ่งสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คือการเปิดเผยความทะเยอทะยานของหลินเจียต้งที่คิดจะยึดอำนาจภายใต้การกักบริเวณคุณปู่” นัยน์ตาของซูฉิงส่องประกาย
เธอจะไม่ปล่อยให้วายร้ายน่ารังเกียจอย่างหลินเจียต้งประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!
ฮ่อหยุนเฉิงหันไปมองซูฉิงที่อยู่ด้านข้างอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะยื่นมือไปโอบกอดอีกคนด้วยความเสน่หา “ซูฉิง ขอบคุณนะ! ที่ไม่ทิ้งกันในช่วงเวลาแบบนี้”
อิงอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงยื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากอีกคนเบาๆ “คนโง่ ฉันเป็นคู่หมั้นนายนะ แน่นอนก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขสิ”
ฮ่อหยุนเฉิงกอดอีกคนไว้ในอ้อมแขนแน่น และสัญญาตลอดชีวิตด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ฉิงฉิง ฉันจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต”
มีกระแสน้ำอุ่นเกิดในหัวใจของซูฉิง เธอเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่ลึกล้ำของฮ่อหยุนเฉิง “นายต้องรักษาคำพูดนะ”
“แน่นอน!” หลังจากฮ่อหยุนเฉิงพูดจบ เขาก็กดจูบซูฉิงอย่างแนบแน่น
…
เมื่อหลินเหยียนเฟิงกลับไปที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปก็ถูกผู้ช่วยของหลินเจียต้งเรียกเอาไว้ “ผู้ช่วยหลิน ประธานหลินกำลังตามหาคุณอยู่ครับ”
หลินเหยียนเฟิงพยักหน้า “ฉันรู้แล้ว”
เขาขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นที่สิบแปด ห้องทำงานของท่านประธาน
แต่เดิมเป็นห้องทำงานของฮ่อหยุนเฉิง แต่ตอนนี้ถูกหลินเจียต้งครอบครองไปแล้ว แถมเขายังพอใจมากจะเก็บท่าทีไม่อยู่
จัดการความคิด หลินเหยียนเฟิงก็เอื้อมมือออกไปเคาะประตู
“เข้ามา” เสียงของหลินเจียต้งดังมาจากห้องทำงานของท่านประธาน
หลินเหยียนเฟิงผลักประตูเข้าไปและถามเสียงเรียบ “รองประธานหลินตามหาผมอยู่เหรอครับ?”
หลินเจียต้งกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งของฮ่อหยุนเฉิง เห็นหลินเหยียนเฟิงเข้ามาจึงเงยหน้ามอง “เรื่องที่ฉันถามนาย นายคิดยังไงบ้าง?”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฮ่อหยุนเฉิงบอก หลินเหยียนเฟิงจึงแสร้งทำเป็นลังเล “คือ…ผมยังไม่ได้คิดเลย…”
“ยังต้องคิดอะไรอีก?” หลินเจียต้งลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาหลินเหยียนเฟิง “ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญา”
เมื่อเห็นว่าหลินเหยียนเฟิงอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หลินเจียต้งกล่าวต่อว่า “ผู้ช่วยหลินคงไม่ใช่ว่าไม่รู้ถึงสถานการณ์ตอนนี้หรอกใช่ไหม? เครื่องบินหยุนเฉิงตกและไม่มีข่าวมาหลายวันแล้ว เกรงว่าจะไม่รอด
ส่วนพ่อบุญธรรมของฉันก็ป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาล เขาสั่งงานไว้ให้ฉันดูแลตระกูลฮ่อกรุ๊ปแทนหยุนเฉิงให้ดี สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีใครนอกจากฉันแล้วที่สามารถทำหน้าที่เป็นประธานของตระกูลฮ่อกรุ๊ปได้”
พูดจบ หลินเจียต้งก็ยัดเช็คใส่มือของหลินเหยียนเฟิง “ตราบใดที่นายตกลงลงคะแนนให้ฉันในงานแถลงข่าว เงินนี่จะเป็นของนาย และฉันจะเลื่อนตำแหน่งนายเป็นรองประธานด้วย”
“จริงเหรอครับ?” หลินเหยียนเฟิงทำราวกับถูกล่อลวงและยอมรับเช็ค
“แน่นอน” หลินเจียต้งยกมุมริมฝีปากราวกับว่าตั้งใจแน่วแน่ที่จะชนะ
สองวันต่อมา วันที่หลินเจียต้งจัดงานแถลงข่าว
วันนั้นเป็นวันฟ้าเปิด พระอาทิตย์ส่องแสงจ้า ท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้า
กำหนดการแถลงข่าวคือเวลา 14.00 น.
ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงตื่นแต่เช้า ฮ่อหยุนเฉิงส่งข้อความถึงหลินเหยียนเฟิง: [เตรียมการถึงไหนแล้ว?]
หลินเหยียนเฟิงตอบเขาอย่างรวดเร็ว: [ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ!]
“เป็นยังไงบ้าง?” ซูฉิงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง
ฮ่อหยุนเฉิงยิ้มและจูบหน้าผากของซูฉิงพร้อมมองด้วยสายตานุ่มนวล “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตอนนี้เรารอให้หลินเจียต้งจัดงานแถลงข่าว”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” ซูฉิงทั้ได้ยินแบบนั้นก็โล่งอก “ถึงตอนนั้นฉันจะไปงานแถลงข่าวก่อน ฉวยโอกาสตอนเขาหละหลวมที่งานแถลงข่าว นายก็รีบพาคนไปช่วยคุณปู่ฮ่อเลยนะ”
“อืม” ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าเบาๆ
เวลาบ่ายสองโมง งานแถลงข่าวได้เริ่มขึ้น
ห้องประชุมของตระกูลฮ่อกรุ๊ปล้อมรอบไปด้วยนักข่าวอย่างล้นหลาม
ซูฉิงแต่งตัวปะปนไปกับฝูงชน ก่อนจะหามุมที่ไม่โดดเด่นของห้องประชุมเพื่อนั่ง
เธอและฮ่อหยุนเฉิงแบ่งกันไปคนละทาง เธอมาที่งานแถลงข่าวเพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงก่อน ในขณะที่ฮ่อหยุนเฉิงพาคนไปช่วยท่านผู้เฒ่าฮ่อที่โรงพยาบาล
ไม่นาน งานแถลงข่าวก็เริ่มขึ้น หลินเจียต้งสวมชุดสูทรองเท้าหนังเดินขึ้นไปบนโพเดียมและนั่งลงบนเบาะนั่งตรงกลางพร้อมด้วยสีหน้าจริงจัง
ที่ไม่คาดคิดคือแม่ฮ่อเองก็เดินตามหลินเจียต้งและนั่งข้างเขาด้วย
พิธีกรกระแอมและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่งานแถลงข่าวของตระกูลฮ่อกรุ๊ปนะครับ ก่อนอื่นเราขอเรียนเชิญคุณแม่ของท่านประธานฮ่อ ไป๋ชิงชิงออกมากล่าวอะไรสักหน่อยครับ”
ไป๋ชิงชิง?
ทำไมแม่ฮ่อถึงมาร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วยล่ะ?
ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของซูฉิง แม่ฮ่อเดินไปกลางเวทีในชุดสีดำรองเท้าส้นสูง กระแอมในลำคอและกล่าวว่า “สวัสดีตอนบ่ายนะคะทุกท่าน เชื่อว่าทุกท่าน ณ ที่นี้คงจะได้ยินข่าวความโชคร้ายของลูกชายฉันแล้ว ไม่นานนี้หยุนเฉิงที่กำลังกลับจากฝรั่งเศษนั้น โชคไม่ดีที่เครื่องบินตกลงทะเล
ตอนนี้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว แม้ว่าเราจะส่งทีมกู้ภัยที่ดีที่สุดออกไปค้นหา แต่ก็ยังคงไม่มีข่าวเกี่ยวกับหยุนเฉิงและไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไง
จากสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากที่คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณามาโดยตลอด เราได้เลือกผู้สมัครที่เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทครั้งใหม่”
ทันทีที่สิ้นเสียงแม่ฮ่อ ทุกคนในงานก็เริ่มพูดคุยกัน
แม้ว่าถ้อยคำของแม่ฮ่อจะไพเราะมาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความหวังที่ฮ่อหยุนเฉิงจะรอดนั้นน้อยมาก ไม่เช่นนั้นตระกูลฮ่อกรุ๊ปคงไม่รีบจัดงานแถลงข่าวเพื่อเลือกประธานบริษัทคนใหม่
ยิ่งไปกว่านั้น แม่ฮ่อยังเป็นมารดาที่กำเนิดฮ่อหยุนเฉิง แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้น และยังสวมชุดดำ เพราะอย่างนั้นฮ่อหยุนเฉิงก็อาจจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้
เพียงเพื่อรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปและระงับข่าว
เมื่อเผชิญหน้ากับที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน ดวงตาของซูฉิงก็นิ่งขรึม
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ฮ่อและฮ่อหยุนเฉิงจะไม่ค่อยดีนัก แต่ซูฉิงก็ไม่เคยคิดเลยว่าแม่ฮ่อจะไม่ช่วยคนกันเองแต่กลับไปช่วยคนนอกอย่างหลินเจียต้ง
ระหว่างแม่ฮ่อกับหลินเจียตง…จะมีความลับอะไรหรือเปล่า?
นอกจากนี้ยังสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหลินเจียต้งยังกักขังท่านผู้เฒ่าฮ่อได้อย่างง่ายดาย
ซูฉิงกัดริมฝีปาก ใบหน้าก็นิ่งขรึ่ม
ฮ่อหยุนเฉิงรู้ว่าแม่ของเขาทำกับเขาแบบนี้จะไม่ผิดหวังเหรอ?
“ขอโทษนะคะคุณหญิงฮ่อ เกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธาน ทางคณะกรรมการมีคำตอบแล้วหรือยังคะ?” นักข่าวถามอดทนรอไม่ไหว
“แน่นอนค่ะ” แม่ฮ่อยิ้มจางๆ และหันไปมองหลินเจียต้งซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง “หลังจากการเลือกตั้งคณะกรรมการของเรา มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าประธานบริษัทคนต่อไปของตระกูลฮ่อกรุ๊ปก็คือคุณหลินเจียต้งค่ะ!”