บทที่ 17 ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

บทที่ 17 ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง

 

“ปล่อยข้า ออกไปเดี๋ยวนี้!”

หนานกงเย่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะช่วยพยุงหนานกงเย่ขึ้นมา แต่ก็ถูกหนานกงเย่ผลักออก:“ออกไปเดี๋ยวนี้!”

ท่านเสร็จแล้วเหรอ?อย่างนั้นข้าจะเรียกพ่อบ้านเข้ามา?”

ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่อยากเป็นเช่นนี้ หรือว่าของของผู้ชายมันน่ามอง?ราวกับว่านางเต็มใจที่จะมอง

หนานกงเย่หน้าแดง:“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

“ท่านอ๋องต้องออกไปก่อน อีกเดี๋ยวแม้แต่ชีวิตก็จะไม่มี แล้วจะไม่ละเว้นข้าได้อย่างไร?”

ฉีเฟยอวิ๋นพยายามพาเขาออกไปนอนลง และทำการรักษาบาดแผลให้หนานกงเย่ในทันที บาดแผลบนร่างกายเปิดหลายจุด ซึ่งเดิมทีดีขึ้นมากแล้ว แต่คราวนี้ดูจะสาหัสมากขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบผ้ามาทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว และเริ่มพันแผล

หนานกงเย่โกรธมากจนหน้าแดงก่ำและจ้องไปที่ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอึดอัดใจ ใครยั่วโมโหใครกันแน่?

หลังจากจัดการนานเกือบหนึ่งชั่วยาม หนานกงเย่ก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า:“ไปเรียกอาอวี่เข้ามา”

ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงเดินไปเรียกอาอวี่

“ท่านอ๋องเรียกให้เจ้าเข้าไป”

ฉีเฟยอวิ๋นก็เหนื่อยมากเช่นกัน นางยืนพิงประตูและถือโอกาสเช็ดใบหน้าไปด้วย

อาอวี่รีบเดินเข้าไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถือกระโถนปัสสาวะออกมาจากด้านใน แล้วฉีเฟยอวิ๋นก็กลับเข้าไป

ในเวลานี้หนานกงเย่กำลังนอนอย่างเงียบ ๆ และฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ได้ป้อนเลือดให้เขา

ร่างของเจ้าของร่างเดิมจำเป็นต้องได้รับการบำรุงร่างกาย การสูญเสียเลือดมากเกินไปอาจส่งผลกระทบได้ ในเมื่อหนานกงเย่ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องดื่มเลือด เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยาก

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปตรงหน้าหนานกงเย่ นางยื่นมือไปตรวจสอบและถามคำถาม แต่ก็ถูกหนานกงเย่ผลักมือออก:“ไปให้พ้น!”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินไปนั่งข้าง ๆ

“พรุ่งนี้เช้าท่านก็จะไม่เป็นไรแล้ว และแน่นอนว่าข้าจะจากไป”

หลังจากที่พูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็เอนตัวลงนอนข้าง ๆ

นางเหนื่อยก็เลยนอนลงบนโต๊ และนอนเหมือนอย่างกับว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง

หนานกงเย่โกรธจัดและยากที่จะสงบลงได้ เขาหยิบของบนเตียงโยนลงไป ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและเหลือบมองหมอนที่อยู่ข้าง ๆ ราวกับว่าเขาเอาโยนมาให้นาง นางจึงก็กอดหมอนไว้ในอ้อมแขนแล้วนอนต่อ

หน้าอกของหนานกงเย่ขยับขึ้นลงด้วยความโกรธจัด และเขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก

ฉีเฟยอวิ๋นนอนหลับจนถึงกลางดึก หลังจากที่นางตื่นขึ้นมา หนานกงเย่ก็หลับไปแล้ว และยังหลับลึกมากด้วย

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่ายาของนางได้ผลดังคาด จากนั้นนางก็เดินไปตรวจสอบหนานกงเย่ที่อยู่ตรงหน้า

เมื่อแน่ใจว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว นางก็หาวและกำลังจะกลับไปที่จวนของท่านแม่ทัพ แต่เมื่อนางออกไป นางก็เจอกับพ่อบ้านที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ตอนที่นางกำลังจะออกไป พ่อบ้านก็ขวางนางไว้ในทันที:“พระชายาจะกลับแล้วหรือพะยะค่ะ?”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ปิดบัง:“ใช่”

“พระชายาได้โปรดอยู่อีกสักสองสามวัน ท่านอ๋องต้องการให้พระชายาดูแลอยู่ข้าง ๆ ไม่เช่นนั้นเอาอย่างนี้จะดีกว่า ในจวนมีสาวใช้คอยปรนิบัติ มีที่พักผ่อนอยู่ข้าง ๆ ห้องนี้ พระชายาสามารถไปพักผ่อนที่นั่นได้ และท่านอ๋องก็คงจะไม่รบกวนสักระยะหนึ่ง เช่นนี้แล้วจะได้หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับท่านอ๋อง พระชายาจะได้ไม่ต้องรีบมาจากจวนท่านแม่ทัพและจะได้ไม่ลำบากเกินไป”

พ่อบ้านพูดเช่นนั้นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกว่ามีเหตุผล เมื่อนางกลับไปนางจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความกระสับกระส่ายในร่างกายของนางทำให้นางต้องรั้งอยู่ที่นี่

“ก็ได้”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามพ่อบ้านไปที่ห้องข้าง ๆ ภายในห้องเงียบสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งไม่ต่างจากห้องของหนานกงเย่เลย

พ่อบ้านกล่าวว่า:“พระชายาทรงเหน็ดเหนื่อยและมีเหงื่อออกเล็กน้อย ข้าสั่งให้คนเตรียมน้ำปรุงหอม ๆ สำหรับอาบน้ำไว้แล้ว ข้างในเป็นเตียงสำหรับพระชายา หลังฉากกั้นห้องมีเสื้อผ้าหลายแบบและหลายสีให้พระชายาได้เลือกสวมใส่ หากมีอะไรพระชายาก็ทรงเรียกสาวใช้เข้ามาได้เลย”

ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองฉากกั้นห้อง สายตาของนางมองไปที่เสื้อผ้าหลากสีสันด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว ที่แท้ทั้งเมืองหลวงก็รู้ว่าฉีเฟยอวิ๋นชอบสีสันที่ฉูดฉาด

“พ่อบ้าน ท่านช่วยเตรียมชุดสีขาวให้ข้าเถอะ ให้ทั้งข้างนอกและข้างในเป็นขนสีขาว ข้าต้องการเปลี่ยนเป็นสีที่ไม่ฉูดฉาด”

พ่อบ้านประหลาดใจมาก แต่ก็ไม่พูดอะไร จากนั้นพ่อบ้านก็หันหลังเดินออกไป

ไม่นานทุกอย่างก็จัดเตรียมเรียบร้อย ฉีเฟยอวิ๋นปิดประตูและเข้าไปอาบน้ำ หลังจากแช่ตัวสักพัก ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกว่าสบายตัวขึ้น และนางยังพบว่าร่างกายของนางเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาดใจ ไม่เพียงแต่นางจะรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่นางยังรู้สึกได้ว่าพละกำลังค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และดูเหมือนว่าพยาธิสภาพของร่างกายนางจะชอบแช่น้ำ!

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉีเฟยอวิ๋นก็สวมเสื้อผ้าและมวยผม จากนั้นก็กลับไปนอนพักผ่อน

ฉีเฟยอวิ๋นตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสว่างแล้ว ไม่มีใครเรียกนางเลย และนางก็หลบจนถึงตอนเที่ยง

หลังลุกจากเตียง ฉีเฟยอวิ๋นก็ออกมาจากห้องและหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องข้าง ๆ นางยืนอยู่นอกประตูแล้วมองเข้าไปข้างใน อันที่จริงนางมองไม่เห็นอะไรเลย แต่นางก็ไม่อยากเข้าไปปะทะกับหนานกงเย่

พ่อบ้านเห็นฉีเฟยอวิ๋นงุนงงอยู่สักพัก ผมของพระชายายังไม่ได้หวีเลย เพียงแค่ผูกยางรัดผมไว้ข้างหลังอย่างยุ่ง ๆ ชุดของนางก็ขาวราวหิมะและสง่างามมาก

ไม่รู้ว่าทำไมปกติแล้วถึงไม่เคยเห็น

“พระชายา โชคดีที่มีพระชายา ท่านอ๋องไม่เป็นอะไรแล้ว เมื่อครู่ทรงตื่นขึ้นมาและหลับไปอีก พระชายาทรงเข้าไปดูแล้วเถอะพะยะค่ะ”

พ่อบ้านเกรงว่าฉีเฟยอวิ๋นจะจากไป หลังจากที่พูดจบ เขาก็ผลักประตูห้องให้เปิดออก

ฉีเฟยอวิ๋นยืนอยู่หน้าประตูและยังไม่ได้เข้าไป หนานกงเย่ลืมตาขึ้นและตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋น เขาก็ตกตะลึง

ภายใต้แสงแดดที่สว่างจ้า ฉีเฟยอวิ๋นขาวราวกับรูปปั้นหยกที่ปรากฏอยู่หน้าประตู

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้ามา หนานกงเย่ก็หันหน้าหนี ดวงตาสีดำสนิทของเขาดูเหมือนจะรำคาญ

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปข้างหน้าเขาและก้มหน้าลงมอง นางยื่นมือไปแตะหัวของขา ไม่มีไข้ นางจึงยกแขนของเขาขึ้นและจับชีพจร

หนานกงเย่กำลังจะสะบัดมือ แต่ฉีเฟยอวิ๋นปล่อยมือเสียก่อน

ด้วยมือที่ว่างเปล่า หนานกงเย่ออกแรงอย่างเต็มทีและฟาดลงบนเตียง

เขารู้สึกเจ็บแขนมาก

หนานกงเย่หันกลับมามองนางด้วยสายตาดุร้าย:“เจ้ากล้าโยนมือของข้าหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างช่วยไม่ได้:“คิดจะกล่าวหาผู้อื่น อะไรก็นำมากล่าวอ้างได้ทั้งนั้น?ในเมื่อท่านอ๋องรังเกียจมากนัก ทำไมถึงไม่หย่ากับข้า แล้วไปหาคนที่ท่านรักเล่า?”

“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปงั้นหรือ?”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน หนานกงเย่ก็รู้สึกหงุดหงิด แม้แต่ฝันเขาก็ยังฝันถึงเรื่องนั้น……

ความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ เขาจะปล่อยหญิงสาวผู้นี้ไปได้อย่างไรกัน!

ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปอย่างเมินเฉย นางนำผงยาหลายชนิดมารวมกันแล้วมอบให้พ่อบ้าน:“เหลือเพียงแค่การฟื้นตัว ข้าจะกลับไปก่อน เกรงว่าท่านอ๋องจะโกรธจนร่างกายของเขาจะไม่ดีขึ้น พรุ่งนี้แขนของเขาก็คงจะหายแล้ว ค่อยล้างออกให้เขา”

หลังจากที่พูดจบ ฉีเฟยอวิ๋นก็ออกไปข้างนอกทันที

พ่อบ้านเดินตามไปส่งฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นจงใจเดินช้า ๆ และหยุดในที่ที่ไม่มีใคร นางพูดกับพ่อบ้านว่า:“พ่อบ้าน สาวใช้ที่ข้าพามายังอยู่หนือไม่?”

“อยู่”

พ่อบ้านรีบตอบและจำได้ว่ามีสาวใช้คนหนึ่งที่ฉีเฟยอวิ๋นพามาจริง ๆ

“ข้าอยากพานางไปด้วย ไม่รู้ว่าได้หรือไม่?”

พ่อบ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า:“นางถูกขังอยู่ในสวนหลังบ้าน หากไม่มีคำสั่งของท่านอ๋อง ข้าก็ไม่สามารถทำได้โดยพลการ อย่างนั้นรอให้ท่านอ๋องดีขึ้นก่อนดีกว่า แล้วข้าจะถามท่านอ๋องให้พระชายา”

ฉีเฟยอวิ๋นหัวเราะเหอะเหอะ รอเขา?

เป็นไปไม่ได้!

“งั้นข้ากลับก่อนนะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเดินออกไปจากจวน

พ่อบ้านไปส่งฉีเฟยอวิ๋นที่หน้าประตูจวน เขามองไปที่นางและรู้สึกเสมอว่ามีบางอย่างที่แตกต่างออกไป แต่พูดออกไปก็จะไม่ดี

 

 

**********************