ตอนที่ 321 ต้าซิงซิงคือใคร / ตอนที่ 322 ทำตัวเอง

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 321 ต้าซิงซิงคือใคร

 

 

เกิดปีลาหรือยังไง!

 

 

หูถึงได้ยาวขนาดนั้น!

 

 

“ฉันบอกว่าฉันกับต้าซิงซิงคืนนี้ไม่มีคู่เดินพอดี ก็เลยจะเข้าไปพร้อมกัน”

 

 

 ป๋อจิ่งชวนน้ำเสียงยิ่งแข็งกร้าวกว่าเดิม “ต้าซิงซิง…คือใคร?”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยหันไปขยิบตาใส่เฉินฝานซิง ตั้งใจจะขอความช่วยเหลือ ผลปรากฎว่าเฉินฝานซิงแม้แต่หน้าก็ยังไม่เงยขึ้นมาด้วยซ้ำ

 

 

“ต้าซิงซิง…คือคุณเหรอ”

 

 

ครั้งนี้ เฉินฝานซิงจะไม่ออกมารับหน้าก็ไม่ได้แล้ว

 

 

เธอยิ้มพลางเงยหน้าขึ้นมามองป๋อจิ่งชวนแล้วยื่นมือออกไป “สวัสดีค่ะ คุณป๋อ ฉันคือเฉินฝานซิง…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเหร่ดวงตาดำขลับคู่นั้นเล็กน้อย “ผมจำได้”

 

 

เขาพูดพร้อมกับยื่นมืออกไปจับมือกับเฉินฝานซิง

 

 

ฝ่ามือหนาใหญ่ที่อบอุ่นห่อหุ้มมือของเธอเอาไว้จนแน่น

 

 

มือของเฉินฝานซิงมีอาการสั่นเบาๆ จึงโดนป๋อจิ่งชวนกุมไว้แน่นกว่าเดิม

 

 

“อะไรกัน นี่ผู้หญิงคนนั้นรู้จักกับบุคคลแบบนี้ด้วยเหรอ”

 

 

“เหอะ สมแล้วที่เป็นนางจิ้งจอก ความสามารถในการอ่อยผู้ชายไม่ใช่แค่คำพูดที่ว่ากันไปปากต่อปากแล้วแหละ…”

 

 

เฉินเชียนโหรวคิ้วขมวดมุ่น จากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นมามองป๋อจิ่งชวน ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้ตรงหน้า ท่าทางที่ดีสูงส่งแข็งแกร่งดูตราตรึงใจ จนเธอเผลอทำสายตาเลิ่กลั่ก มีอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาชั่วขณะ

 

 

“สวัสดีค่ะ คุณป๋อ ฉันคือเฉีนเชียนโหรว เป็นน้องสาวของเธอ”

 

 

เธอแนะนำตัวเอง และยื่นมือออกไปแบบเดียวกับเฉินฝานซิง

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สายตาค่อยๆ เลื่อนจากคางของชายหนุ่มไปยังดวงตาดำทึบคู่นั้น คิ้วที่สวยงามได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อย ประกายในดวงตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

 

ส่วนเวลานี้ป๋อจิ่งชวนก็ปล่อยมือของเฉินฝานซิงออก

 

 

เฉินฝานซิงเก็บมือกลับพลันก้มหน้าลง แต่สายตากลับไปมองยังมือของป๋อจิ่งชวนที่กำลังยื่นไปทางเฉินเชียนโหรว ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงด้วยความตื่นเต้น

 

 

เฉินเชียนโหรวแอบดีใจ จนฝ่ามือชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอยื่นมือเข้าไปใกล้ป๋อจิ่งชวนมากขึ้นกว่าเดิม

 

 

ทว่ามือของป๋อจิ่งชวนกลับวนอ้อมมือของเธอหนึ่งรอบแล้วกลับมาล้วงประเป๋ากางเกงด้วยท่าทางไม่แยแส

 

 

“ไปกันเถอะ เข้าไปข้างในด้วยกัน”

 

 

นัยน์ตาของเฉินฝานซิงฉายฉายประกายรอยยิ้มแห่งความพอใจออกมา ส่วนเฉินเชียนโหรวกลับรู้สึกเสียหน้าจนทำตัวไม่ถูก

 

 

มือค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ปลายนิ้วสั่นระรัว

 

 

“พระเจ้าช่วย น่าอายจริงๆ”

 

 

“ไม่รู้จักดูฐานะของตัวเอง กล้าทำตัวตีสนิทกับประธานบริหารของป๋อซื่อเสียได้”

 

 

“แล้วยังมีตอนที่เธอแนะนำตัวเมื่อกี้อีก…น้องสาวของเฉินฝานซิง…แบบนี้ไม่ใช่เห็นกันชัดๆ แล้วเหรอว่าเธอตั้งใจจะเกาะพี่สาวตีสนิทกับเขาน่ะ ความสัมพันธ์ของเธอกับพี่สาวแย่จนฉาวโฉ่ ตอนนี้นี่…”

 

 

“ดูเหมือนเรื่องแบบนี้เธอจะทำจนเชี่ยวชาญแล้วสินะ ไม่งั้นประธานซูที่เกือบจะกลายเป็นนพี่เขยของเธออยู่แล้ว จู่ๆ จะมากลายเป็นแขกประจำของเธอได้ยังไงล่ะ”

 

 

เสียงวิจารณ์รอบข้างไม่ได้ดังมากนัก แต่ว่าใกล้ถึงเวลาช่วงสุดท้ายของการเดินพรมแดง เสียงดังวุ่นวายจึงลดลงไปเยอะ ทำให้ได้ยินคำพูดทุกประโยคอย่างชัดเจน

 

 

เฉินเชียนโหรวโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันกรอด ตัวสั่นระริก ซูเหิงสังเกตได้ถึงอาการตอบสนองของเธอ จึงรีบโอบไหล่เธอไว้แน่น

 

 

เฉินเชียนโหรวเงยหน้าขึ้นไปมองเขาปราดหนึ่ง ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตากระจายอยู่ทั่ว บนใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนแอหมองหม่น

 

 

ท่าทางที่ดูอ่อนแอบอบบางนี้ทำให้ซูเหิงอดปวดใจขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพียงแค่โอบเธอไว้ในอ้อมแขน

 

 

ส่วนในเวลานี้ ป๋อจิ่งชวน อินรุ่ยเจวี๋ย และเฉินฝานซิงสามคนเดินอ้อมพวกเขาไปยังบอร์ดเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว

 

 

“เอาละ พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”

 

 

ซูเหิงเอ่ยปลอบใจเฉินเชียนโหรวเบาๆ  ก่อนจับเธอหมุนตัว

 

 

เฉินฝานซิงเพิ่งจะเดินผ่านหน้าสองคนนี้ไป แผนการชั่วร้ายในใจของเฉินเชียนโหรวก็ผุดขึ้นมาทันที เธอเห็นปลายประโปรงยาวลากพื้นของเฉินฝานซิง ทันใดนั้น รองเท้าส้นสูงสูงสิบเซนติเมตรเกิดพลิกกะทันหัน ร่างเซล้มลงไปในอ้อมแขนของซูเหิง

 

 

เฉินฝานซิงที่อยู่ด้านหน้าก็เสียการทรงตัวซวนเซไปชั่วขณะ!

 

 

 

 

ตอนที่ 322 ทำตัวเอง

 

 

ซูเหิงโอบเฉินเชียนโหรวแน่นขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็หันไปเห็นเฉินฝานซิงกำลังจะเซล้มลงไปจึงทำให้เขาเกือบจะก้าวไปด้านหน้าเพื่อหวังจะพยุงเฉินฝานซิงไว้อัตโนมัติ

 

 

เฉินเชียนโหรวถูกแรงของซูเหิงดึงตามไปด้านหน้าด้วย ยังไม่ทันทรงตัวได้ทำให้รองเท้าส้นสูงพลิกอีกครั้ง

 

 

ร่างกายของเฉินฝานซิงโน้มไปทางอินรุ่ยเจวี๋ย อินรุ่ยเจวี๋ยจึงอ้าแขนเตรียมรับเธอตามสัญชาตญาณ

 

 

ทว่าทันใดนั้นเองก็มีแขนยาวทรงพลังยื่นเข้ามาจากฝั่งด้านซ้ายและโอบเอวเธอไว้ได้อย่างพอดิบพอดี ก่อนจะออกแรงดึงเธอเข้าไปหา ทำให้เธอถูกพละกำลังมหาศาลกระชากเข้าไปสู่อ้อมอกที่มีกลิ่นหอมสดชื่นอันคุ้นเคย

 

 

เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงชั่วพริบตา

 

 

เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ทั้งสองคนอยู่ใกล้เพียงคืบ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไป สายตาทั้งสองก็ประสานเข้าด้วยกัน

 

 

เธอมองเห็นความตกใจลางๆ ฉายประกายในดวงตาของป๋อจิ่งชวนได้อย่างชัดเจน

 

 

“ขอบคุณ”

 

 

เมื่อดึงสติกลับมาได้ เธอจึงพูดออกมาเบาๆ ใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าราวกับดวงไฟลุกโชน

 

 

ป๋อจิ่งชวนก้มหน้าลง หน้าผากแนบติดอยู่บนเส้นผมของเฉินฝานซิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อกี้อีกนิดเดียวก็เกือบจะเข้าไปในอ้อมกอดของคนอื่นแล้ว”

 

 

“นั่นเป็นอุบัติเหตุ”

 

 

“อุบัติเหตุก็ไม่ได้”

 

 

“ฉันจะพยายาม”

 

 

เสียงเขาทั้งสองคนเบามากจนมีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่ได้ยินซึ่งกันและกัน รวมไปถึงสายตาที่ส่งถึงกันที่คนอื่นยากจะสังเกตเห็นได้

 

 

ป๋อจิ่งชวนจ้องเธอไม่วางตาอยู่ครู่หนึ่งถึงจะยอมปล่อยเธอ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเธอออกมาเสียทีเดียว กลับโอบเอวเธอไว้แล้วค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ

 

 

สายตาเย็นชาของเขาเลื่อนไปหยุดอยู่บนตัวอินรุ่ยเจวี๋ยอย่างฉับพลัน ทำให้เขาตกใจจนรีบดึงแขนทั้งสองข้างกลับไปแล้วหลบไปยืนด้านข้าง

 

 

เขาตั้งใจจะช่วยไง!

 

 

ถ้าล้มลงไป นายก็จะยิ่งช้ำใจมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือไง

 

 

ทำไมชีวิตถึงได้ยากเย็นแบบนี้เนี่ย

 

 

ป๋อจิ่งชวนละสายตาออกมา สุดท้ายแววตาที่เฉยชาสอดส่ายไปทางซูเหิงและเฉินเชียนโหรว

 

 

ซูเหิงเก็บมือกลับมาด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ส่วนเฉินเชียนโหรวที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนเธอตอนนี้ใบหน้าซีดเซียว บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดพรายอย่างเห็นได้ชัด

 

 

“พี่เหิงคะ ฉัน…เจ็บเท้าจัง…”

 

 

“เมื่อกี้ข้อเท้าพลิกหรือเปล่า”

 

 

เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปากพลางพยักหน้าด้วยใบหน้าซีดขาว

 

 

แต่ในใจกลับโกรธจนถึงขีดสุด เธอไม่คิดว่าซูเหิงจะยื่นมือเข้าไปช่วยนางแพศยาคนนั้น ยิ่งคิดไม่ถึงว่า ตัวเองไม่เพียงแต่ทำให้เธออับอายไม่ได้ แต่กลับเป็นการผลักไสเธอเข้าไปสู่อ้อมกอดของประธานบริหารป๋ออีกต่างหาก!

 

 

เฉินฝานซิงมองดูเฉินเชียนโหรวที่กำลังแสดงท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวพลันหรี่ตาแล้วส่งสายตาที่ส่องประกายแห่งความเหยียดหยามออกมา

 

 

ถ้าหากนี่เป็นการแสดง งั้นก็สมจริงเกินไปแล้ว

 

 

แต่ จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไงกัน

 

 

“ทำตัวเองแท้ๆ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ก็ไม่รู้ว่าเธอทำร้ายคนจนเสพติดหรือมีแนวโน้มชอบทรมานตัวเองกันแน่”

 

 

ซูเหิงเม้มริมฝีปากพลางขมวดคิ้ว “ฝานซิง เชียนโหรวเท้าพลิกจริงๆ นะ”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว มองไปทางซูเหิงด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนกับสีหน้า

 

 

“ถ้าเธอไม่ได้มีใจอยากแก้แค้นหนักขนาดนั้น เท้าก็คงไม่พลิกหรอก เดินไม้ต่อขาในพื้นโคลนถ่ายละครยังไม่เคยเห็นเธอเท้าพลิกมาก่อน วันนี้เดินบนพรมแดงเรียบๆ ทำไมจู่ๆ ถึงได้พลิกเสียได้ล่ะ”

 

 

 เฉินฝานซิงเน้นคำว่า “จู่ๆ ” สองคำนี้เป็นพิเศษ ทั้งยังทำให้สีหน้าของซูเหิงเริ่มเปลี่ยนไปได้สำเร็จ

 

 

จู่ๆ?

 

 

เมื่อกี้จริงๆ แล้วก็…

 

 

สายตาเย็นยะเยือกของป๋อจิ่งชวนมองไปยังเฉินเชียนโหรว ทำให้เธอรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังขึ้นมาทันที