ตอนที่ 323 มีแค่สิ่งที่เธอทำถึงทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน
สายตาเย็นยะเยือกของป๋อจิ่งชวนมองไปยังเฉินเชียนโหรว ทำให้เธอเย็นสันหลังวาบขึ้นมาทันที
เธอรีบอธิบายด้วยความร้อนรน
“นี่มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ…หรือจะบอกว่าพวกนางแบบที่ล้มบนเวที พวกนั้นก็อยากจะแก้แค้นใครบางคนกันหมดเลยเหรอ”
เฉินฝานซิงยกมุมปาก “เธอก็เหลือแค่อ้างว่าเป็น ‘อุบัติเหตุ’ ได้อย่างเดียวแล้วสินะ”
เฉินเชียนโหรวมองไปทางเฉินฝานซิงด้วยดวงตาแดงก่ำ สีหน้าเศร้าโศกเสียใจ
“พี่คะ…ทำไมพี่ต้องมองคนอื่นในแง่ร้ายตลอดด้วยคะ”
เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม รอยยิ้มราวกับห่อหุ้มไปด้วยมีดคมที่เยือกเย็นด้ามหนึ่ง
“อย่ามาใส่ร้ายฉันพล่อยๆ ไม่มีคนอื่น มีแค่เธอ มีแค่สิ่งที่เธอทำถึงทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน”
เฉินฝานซิงพูดอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง น้ำเสียงเย็นชา ท่าทางจริงจังหนักแน่น ให้ความรู้สึกว่ากำลังพูดความจริงอย่างชัดเจน
“พระเจ้าช่วย เฉินเชียนโหรวทำอะไรไปกันแน่ ถึงทำให้คนรังเกียจเธอขนาดนี้”
“ก่อนหน้านี้คนที่ถูกรังแกเป็นเธอมาตลอด ยังเคยรู้สึกสงสารเธอเลย ตอนนี้กลับรู้สึกว่า คนที่น่าสงสารต้องมีจุดที่น่ารังเกียจแน่ ไม่มีใครจะเกลียดคนคนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรอก”
เฉินเชียนโหรวโกรธจนอยากจะเป็นลมล้มไป ทำไมกัน!
ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเหตุการณ์ทุกอย่างต่างก็อยู่ในความควบคุมของเธอหมด
เวลานี้ป๋อจิ่งชวนหันไปทางซูเหิง เอ่ยปากพูดขึ้นมานิ่งๆ ด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ในเมื่อเลือกที่จะช่วยเธอแล้ว ก็ไม่ต้องหวังว่าจะช่วยคนอื่นอีก คนหนึ่งคนที่คุณไม่มีทางได้มาครอบครอง คนในอ้อมแขนก็ยังต้องเสียแรงไปปลอบอีก เหนื่อยเปล่า”
อินรุ่ยเจวี๋ยยืนยิ้มมุมปากอยู่ด้านข้าง ความต้องการแสดงความเป็นเจ้าของแรงขนาดนี้เชียว
ทั้งสองคนต่างก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน แต่ยังกล้าพูดอะไรตามใจขนาดนี้เลยเหรอ
มีนายอยู่ เขาไม่มีทางได้ครอบครองแน่…
เมื่อเห็นสีหน้าซูเหิงหมองหม่นลงไป ป๋อจิ่งชวนจึงโอบเฉินฝานซิงหันหลังเดินออกไป
ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่เฉินฝานซิงล้มลงไปในอ้อมแขนของเขา เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอตั้งแต่แรก
ถึงแม้จะเสี่ยงไปบ้าง แต่ตอนนี้ได้โอบร่างหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดอย่างเปิดเผย จึงทำให้เขารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ทว่าเฉินฝานซิงกำลังรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามีท่าทีสนิทสนมกันขนาดนี้ต่อหน้าสาธารณชน
“คุณ…ป๋อ แบบจะดีเหรอ ควรจะปล่อยฉันได้แล้วหรือเปล่า”
“ไม่ได้”
“…”
รอบข้างต่างก็จ้องมองบรรยากาศที่มีกลิ่นแปลกๆ นี้
ป๋อจิ่งชวนเงียบไปครู่หนึ่ง “เมื่อกี้ผมช่วยคุณไปครั้งหนึ่ง คุณก็ช่วยเป็นคู่ควงให้ผมชั่วคราวแล้วกัน”
เฉินฝานซิงดวงตาฉายประกาย
ชั่วคราว?
ข้ออ้างนี้…ก็พอใช้ได้อยู่
ป๋อจิ่งชวน เฉินฝานซิง อินรุ่ยเจวี๋ย สามคนเดินไปทางบอร์ดเซ็นชื่อ อินรุ่ยเจวี๋ยรับปากกาเซ็นชื่อมาจากพิธีกร ก่อนจะยื่นไปให้เฉินฝานซิงและป๋อจิ่งชวนด้วยท่าทางราวกับสุนัขรับใช้ จากนั้นก็หาที่โล่งว่างให้กับพวกเขาทั้งสองคน
“สองท่านเชิญก่อนเลยครับ”
ป๋อจิ่งชวนส่งสัญญาณบอกให้เฉินฝานซิงเซ็นก่อน เฉินฝานซิงไม่ได้ปฏิเสธ ขีดเขียนด้วยท่วงทาอ่อนช้อย ไม่นานนักตัวหนังสือสวยงามก็ปรากฏบนบอร์ด
จากนั้น ป๋อจิ่งชวนเดินตามขึ้นไปข้างหน้าก่อนจะเซ็นชื่อของตัวเองไว้ข้างๆ ชื่อของเฉินฝานซิง
เขาลงมือเขียนด้วยท่าทางเด็ดขาด ตัวอักษรดูทรงพลังหนักแน่น
เฉินฝานซิงอดหันไปมองไมได้ ในใจรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก
จากนั้นถึงจะเป็นอินรุ่ยเจวี๋ย ที่เหนือความคาดหมายก็คือตัวหนังสือของเขากลับไม่พลิ้วไหวเปิดเผยเหมือนกับนิสัยของเขา แต่กลับเป็นตัวอักษรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ให้ความรู้สึกแปลกใหม่แตกต่างออกไป
ทว่าความชื่นชมกลับเกิดขึ้นในใจของเฉินฝานซิงได้นานขณะนั้งเอง เธอก็เห็นเขาหยิบปากกาขึ้นมาวาดรูปหัวใจลงไประหว่างชื่อของเธอและป๋อจิ่งชวน
จากนั้นก็หันไปยิ้มให้ป๋อจิ่งชวนด้วยความชอบใจ
“…”
“…”
ตอนที่ 324 รักคุณหมื่นปี
“เป็นไงบ้าง พี่ป๋อ”
“…”
“…”
ป๋อจิ่งชวนเหลือบไปมองเขาปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จากนั้นก็พาเฉินฝานซิงเดินเข้าประตูมหาวิทยาลัยไป
อินรุ่ยเจวี๋ยขมวดคิ้วมุ่น มองดูผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเองพลางพึมพำ
“ไม่พอใจเหรอ”
ยืนพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบปากกากขึ้นมาขีดเขียนขึ้นๆ ลงๆ อีกเล็กน้อย สุดท้ายก็พยักหน้าด้วยความพอใจแล้วโยนปากกาลงในถาดของพิธีกร ก่อนจะเอามือล้วงประเป๋าแล้วเดินจากไป
พิธีกรคนที่หุ่นค่อนข้างดีเงยหน้าขึ้นมามองแวบหนึ่ง ก่อนจะเบ้ปากอย่างอดไม่ได้
วาดหัวใจมีลูกศรปักหรอกเหรอ แล้วลายเซ็นของทั้งสองคนก็ถูกวงเอาไว้ด้วยกัน จากนั้นตรงกลางยังมีตัวหนังสืออีกหนึ่งบรรทัด “รักคุณหมื่นปี”
นี่มัน…
นี่มันเชยระเบิดไปเลย!
น่าอายจริงๆ
เล่นพิเรนทร์ทร์แบบไม่มีศิลปะเอาซะเลย!
–
ส่วนเฉินเชียนโหรวที่เท้าเคล็ดไปแล้ว ซบอยู่ในอ้อมแขนซูเหิงอยู่ด้านหลัง เหงื่อแตกพลั่ก
แรกเริ่มอาจจะรู้สึกว่าการปรากฏตัวของเฉินเชียนโหรวและซูเหิงสร้างความประหลาดใจให้ผู้คน แต่พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกสดใหม่ก็หายไปด้วย
แถม “ดาวเด่นพรมแดง” ที่เฉินฝานซิงพูดไว้ก็ฝังใจผู้คนลึกเหลือเกิน ตอนนี้ หลายคนที่มาทีหลังเฉินเชียนโหรวก็เดินเข้าไปกันหมดแล้ว แต่เธอยังคงอยู่บนพรมแดง ทำให้คนต่างก็รู้สึกรังเกียจกันไปหมด
“ไม่มีใครแล้ว ยังไม่ยอมไปอีก เส่น่ห์ของพรมแดงนี่มันดึงดูดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เลิกแกล้งทำเป็นเจ็บเท้าได้แล้ว มัวแต่อยู่บนพรมแดงไม่ยอมไปซักที”
“ยามล่ะ? ทำไมถึงยังไม่มาไล่เธอไปอีก”
อันที่จริงแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะกล้าไปไล่ใครได้ยังไง ทุกคนที่ย่างเข้ามาบนแพรมแดงในคืนนี้ พวกเขาไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยหรอก
เมื่ออยู่ต่อหน้าคำตำหนิติเตียนและความไม่พอใจของผู้คน เฉินเชียนโหรวก็ไม่วายปล่อยน้ำตาเรียกคะแนนสงสารออกมา
“เชียนโหรว ฟังพี่ พี่จะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ไม่ พี่เหิง ฉันไม่อยากพลาดงานเลี้ยงมหา’ลัยครั้งนี้ ฉันไม่ไปค่ะ”
“แต่ว่าเท้าของเธอ…”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากไป พี่เหิงคะ งานเลี้ยงมหา’ลัย ฉันจะต้องเข้าร่วมให้ได้”
ซูเหิงมองเห็นเธอที่น้ำตานองหน้าแต่ก็ยังคงดึงดันก็อดปวดใจขึ้นมาไม่ได้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบๆ ยิ่งระคายหูขึ้นเรื่อยๆ เขากัดฟัน โน้มตัวลงมาอุ้มเฉินเชียนโหรวขึ้นไป
“ฉันไม่ไป”
“พี่จะพาเธอไปห้องรับรอง แล้วจะโทรเรียกหมอให้มา”
เฉินเชียนโหรวถึงจะยอมโอนอ่อนตาม พลันกอดคอเขาไว้ พลางเอาหน้าซบลงไปบนแผงอกของเขาแล้วส่งเสียงร้องไห้กระซิก
–
หลังจากที่ป๋อจิ่งชวนเข้าไปในมหาวิทยาลัย อธิการบดีก็เชิญเขาเข้าไปพบ
เฉินฝานซิงและอินรุ่ยเจวี๋ยสองคนเดินเข้าไปในโถงงานเลี้ยงด้วยกัน ดึงดูดสายตาหลายคู่ในนั้น
เวลานั้นเอง หลายๆ คนก็ค่อยๆ พากันเข้าไปรายล้อมอินรุ่ยเจวี๋ยเพื่อทักทาย
เฉินฝานซิงกวาดสายตาไปรอบๆ เพื่อตามหาสวี่ชิงจือ
คืนนี้เธอไหว้วานฉู่อี้ให้พาสวี่ชิงจือมาด้วยกัน สองคนนั้นน่าจะมาถึงกันนานแล้ว
ทว่ากวาดสายตาไปรอบๆ แล้ว กลับไม่เห็นเงาของสวี่ชิงจือเลย ฉู่อี้เองก็เหมือนจะยังไม่มาเหมือนกัน
ในระหว่างที่สงสัย กำลังคิดจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถาม ปรากฏว่าขณะที่เธอเพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์เดินไปยังระเบียง แล้วกดรับ
“ฮัลโหล มีเรื่องอะไร”
“คุณฝานซิง วันนี้คุณนายเจียงและคุณผู้หญิงหยางมาหาผม ดูจากท่าทางของพวกเธอแล้ว เหมือนว่าจะต้องการสิ่งที่แม่ของคุณทิ้งไว้ให้”
เฉินฝานซิงหรี่ตาลง ก่อนจะแสยะยิ้มหัวเราะ “ไม่คิดว่าพวกเขาจะลงมือรวดเร็วขนาดนี้ แล้วคุณตอบยังไง”
“ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย”
“แต่ว่าคุณฝานซิง ผมจะต้องเตือนคุณอย่างหนึ่ง ในระหว่างที่คุณยังไม่แต่งงาน สิ่งที่คุณแม่คุณเหลือไว้ให้ ตามหลักแล้วเป็นสมบัติที่ถูกดูแลในนามของสกุลเฉิน ถ้าระหว่างนี้พวกเธอทำอะไรบางอย่างขึ้นมาล่ะก็ เราก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างเช่น ใช้เรื่องร้านค้าขาดทุน ดำเนินกิจการต่อไม่ได้เป็นเหตุผลในการขายทิ้งหรือเซ้งกิจการเป็นต้น พวกเธอมีสิทธิ์นั้น”