ตอนที่ 325 ฉันจะพยายามจัดการให้เร็วที่สุด
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่นในทันที “เท่าที่ฉันรู้ หลายปีมานี้ พวกเธอไม่ได้ขายร้านหรือบริษัทไหนทิ้งเลย”
“เป็นแบบนั้นไม่ผิดครับ บริษัทและร้าน ในภาพรวมแล้วถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่มีกำไรมาตลอด เพียงแต่วันนี้จู่ๆ พวกเธอก็มา…”
“เป็นฉันเอง ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา”
ทนายเงียบไปครู่หนึ่ง “…ถ้าอย่างนั้น คุณฝานซิง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้น วิธีที่ง่ายและรวดเร็วก็คือคุณจะต้องจดทะเบียนสมรสให้เร็วที่สุด”
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปาก ลูบผมเบาๆ นิ่งเงียบไปพักใหญ่ถึงจะพยักหน้า “…ฉันจะพยายามจัดการให้เร็วที่สุด”
“ได้ครับ ถ้างั้นทางนี้ผมจะช่วงคุณถ่วงเวลาไว้ให้”
“ขอบคุณค่ะ ทนายฉาง”
–
เฉินฝานซิงเก็บโทรศัพท์ และในขณะที่เธอกำลังเคลื่อนสายตาขึ้นมา กลับมองเห็นร่างเพรียวบางร่างหนึ่งยืนอยู่บนพื้นหญ้านอกระเบียง เธอก็กำลังเงยหน้าขึ้นมามองพอดี
ชุดราตรีที่ไม่ได้ดูสะดุดตาเท่าไหร่ ผมยาวคลุมบ่า ไม่ได้แต่งตัวอย่างหรูรา แต่ก็สวยแบบเรียบง่าย
ตามนิสัยปกติของเฉินฝานซิง เธอตั้งใจจะกลับหลังหันแล้วเดินจากไป แต่ว่าปลายเท้าของเธอเมื่อเปิดออกไปแล้ว ก็เก็บกลับเข้ามาอีกครั้ง
“จี้อี้?”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยแววตานิ่งเรียบ
“ช่วงนี้แปลกมากเลย คนที่ฉันเจอส่วนใหญ่มักจะได้เจอกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปไม่นาน”
จี้อี้เม้มริมฝีปาก มองมายังเฉินฝานซิงพลางพูด “เธอไม่เหมือนคนที่จะทักใครก่อน มีธุระอะไรกับฉันเหรอ”
“…”
เฉินฝานซิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องเธออยู่อย่างนั้น
จี้อี้คนนี้เป็นคนที่เก็บตัวมากๆ พูดน้อย ทุกครั้งที่เจอก็จะมีท่าทางนิ่งขรึม ดูเข้าหายาก
ขณะนั้นเองเธอกลับถอนหายใจออกมา ยืนชิดกำแพงไปด้านหนึ่ง ก่อนจะแสยะหัวเราะออกมา แล้วบ่นกับตัวเอง
“วันนี้ฉันทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ได้เข้ามา ตีสนิทกับผู้ลากมากดีสักคนหนึ่ง ในใจก็หวังว่าเขาจะช่วยออกทุนให้ฉันได้ออกอัลบั้ม”
จี้อี้พูดพลางถอนหายใจ ท้ายทอยแนบกำแพง แหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ในน้ำเสียงที่ราบเรียบเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“ก็หงุดหงิดอยู่หรอกนะ ต่อต้านมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็ต้องมาเดินทางนี้เสียเอง”
เฉินฝานซิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพูด “มากับฉัน เป็นไง”
จี้อี้ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองเธออย่างไม่เชื่อสายตา “เธอ…พูดอะไร”
เฉินฝานซิงหันหน้าไปมองเธอ นัยน์ตาสะท้อนเงาจันทร์ที่ส่องประกาย ดูดึงดูดสายตา
จี้อี้รู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สติหลุดลอยไปครู่หนึ่ง
ส่วนเฉินฝานซิงไม่ได้มีท่าทีตอบสนองอะไร เพียงแต่พูดด้วยความอดทน
“ออกมาจากหลันอวิ้น แล้วมากับฉัน ความฝันของคุณ ฉันจะช่วยทำให้มันเป็นจริงเอง คิดว่าไง”
แววตาจี้อี้สั่นคลอน แสงจันทร์ส่งกระทบร่างของเฉินฝานซิง ทั้งๆ ที่เป็นร่างที่ดูบอบบางแบบผู้หญิง แต่กลับมีออร่าที่ทำให้คนรู้สึกเชื่อฟังเธอออกมา
ในใจของเธอสะท้อนความผิดหวังออกมา จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองประหลาด
เธอหวังว่าจะทำอะไรกับผู้หญิงคนหนึ่งกันแน่
เธอกลืนน้ำลาย ก่อนจะหันกลับไป “ซิงเฉินกั๋วจี้ของเธอเป็นแค่บริษัทพีอาร์…”
“หลันอวิ้นเป็นบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์แล้วยังไง ทรัพยากรที่ดีที่สุดของพวกเขา เป็นของเฉินเชียนโหรวคนเดียวเสมอ แต่ว่าหลายปีมานี้ กลับได้แค่แตะขอบของนักแสดงระดับหนึ่งเท่านั้น นับประสาอะไรกับสิ่งที่พวกคุณได้รับ ที่เป็นแค่ของเหลือจากสิ่งที่เธอเลือกไปหมดแล้วก็เท่านั้น”
นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ สายตาของเฉินฝานซิงจ้องเข้าไปในดวงตาของจี้อี้ “ถ้าหากเฉินเชียนโหรวไม่ออกจากวงการ คุณอยู่หลันอวิ้นไป ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ”
รูม่านตาของจี้อี้หดตัวลงอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้ว่าเธอไม่ถูกกับสกุลเฉิน เธอยากจะหลอกใช้ฉันต่อกรกับสกุลเฉิน”
เฉินฝานซิงก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ก็ใช่น่ะสิ คุณผู้หญิงจี้ พวกเราไม่สนิทกัน เพราะงั้นคุณควรดีใจที่ฉันเลือกใช้คุณ ถ้าฉันไม่มีเป้าหมายอะไรเลยแล้วฉันจะช่วยคุณไปทำไม ส่วนคุณเองจะมาเชื่อฉันทำไม”
ตอนที่ 326 สายตาในที่ลับ
“ก็ใช่น่ะสิ คุณผู้หญิงจี้ พวกเราไม่สนิทกัน เพราะงั้นคุณควรดีใจที่ฉันเลือกใช้คุณ ถ้าฉันไม่มีเป้าหมายอะไร แล้วฉันจะช่วยคุณไปทำไม ส่วนคุณเองจะมาเชื่อฉันทำไม”
จี้อี้นิ่งเงียบ
ถึงแม้คำพูดนี้จะพูดอย่างตรงไปตรงมา เย็นชาไร้อารมณ์ แต่กลับเป็นเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อถือที่สุด
“คิดให้ดีๆ ยินดีต้อนรับคุณเสมอ”
เฉินฝานซิงไม่ได้อยากจะถกเถียงอะไรมากนัก เพียงแค่หันไปพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะจับกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปจากระเบียงช้าๆ
จี้อี้ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
–
เมื่อกลับเข้ามาในงาน ฉู่อี้และสวี่ชิงจือก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ทำให้ผู้คนไม่น้อยรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ค่ำคืนนี้ช่างเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ ผู้คนยอดเยี่ยมหลายคนมารวมตัวกันในที่ที่เดียว เรื่องราวและบุคคลที่พบเจอได้ยาก ในค่ำคืนนี้ กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปไปโดยปริยาย
หกปี ผู้คนมากมายทิ้งความเดียงสาความวัยเยาว์ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่วางแผนและคิดคำนวณอย่างรอบคอบเพื่อผลประโยชน์ ผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อเรื่อยเปื่อย ·ล่องลอยไม่มีหลักแหล่ง
มีคนเข้ามาชวนเฉินฝานซิงคุยเรื่อยๆ แต่หลังจากเอ่ยทักทายถามสารทุกข์สุกดิบแล้วต่างก็โดนท่าทางการตอบสนองที่เย็นชาของเฉินฝานซิงทำให้หมดความสนใจไปตามๆ กัน
ป๋อจิ่งชวนยังคงไม่ออกมา เฉินฝานซิงจึงเบาใจลงไปไม่น้อย อินรุ่ยเจี๋วยช่วยเฉินฝานซิงถือแก้วค็อกเทล ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ที่ดี
ในฐานะที่เป็นเจ้าพ่อจอเงินนานาชาติหน้าใหม่ ฉู่อี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกกลุ่มคนรุมล้อม
สมัยนี้ การใช้ความโด่งดังของศิลปินดารามาทำเงินให้กับธุรกิจนับเป็นเรื่องที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
ต่อให้สวี่ชิงจือที่ยืนอยู่ด้านข้างจะสวยมากแค่ไหน ก็ยังต้องโดนเบียดออกมาอยู่ดี
เธอเดินมาหาเฉินฝานซิง ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยความระอา
“คืนนี้เปิดตัวได้ดีเลยนี่ สวี่ชิงจือ ไปรู้จักกับเจ้าพ่อจอเงินตั้งแต่เมื่อไหร่”
อินรุ่ยเจวี๋ยพูดพลางพินิจสวี่ชิงจือดวงสายตาหยอกล้อคู่นั้น
เขารู้ว่าผู้หญิงนี้คนนี้ชาติตระกูลไม่เลว รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่สมัยเรียน เธอก็เป็นสาวสวยอันดันต้นๆ ในมหาวิทยาลัยมาตลอด แต่งตัวสวยสะดุดตาทุกวัน ไม่รู้ว่ายั่วยวนรุ่นพี่รุ่นน้องไปได้เท่าไหร่
ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่าตอนนั้นเสียอีก
ชุดราตรีหางปลาสีแอปริคอต แพทเทิร์นที่เรียบง่าย การออกแบบที่ละเมียดละไม พิถีพิถัน สองข้างลำตัวเผยให้เห็นผิวหนังบริเวณเอวที่เนียนขาวและเป็นเส้นโค้งเว้าสวยงาม ปลายกระโปรงทรงหางปลา ผ่าข้างขวา เผยให้เห็นขาเรียวยาวหนึ่งข้าง ถึงแม้ไม่ได้ช่วยในเรื่องเสริมให้ส่วนเว้าโค้งดูชัดเจนขึ้น แต่ก็ทำให้ส่วนที่ทึบแสงเปิดเผยออกมาจนหมด
ดูสูงส่งสง่างาม ไม่ใช่เซ็กซี่
“บริษัทกำลังทำงานร่วมกับเจ้าพ่อจอเงิน แถมยังเป็นศิษย์เก่าที่เดียวกัน เปิดตัวด้วยกันแปลกตรงไหน”
สวี่ชิงจือไม่ได้ใส่ใจอะไร พลางกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนที่สายตาสดใสคู่นั้นจะเผยประกายแห่งความผิดหวังออกมา
“กำลังหาหลีม่อเหรอ”
อินรุ่ยเจวี๋ยยืนพิงเสาร์ต้นหนึ่ง หรี่ตาลงพลางพูดขึ้นมาอย่างเนิบๆ
“หลีม่อ ยังไม่เห็นนะ แต่ว่าเห็นม่อเสี่ยวน่าแล้ว”
สีหน้าของสวี่ชิงจือเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อินรุ่ยเจวี๋ยเหลือบไปมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนที่สายตาจะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางใช้ความคิด
“ตอนนี้ไม่เห็นม่อเสี่ยวน่าอยู่ในงานแล้ว หลี่ม่อถ่อมาจากที่ที่หนทางยาวไกลเป็นพันลี้ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะพาม่อเสี่ยวน่ากลับไปด้วยแน่”
เฉินฝานซิงเห็นใบหน้าของสวี่ชิงจือไม่ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงเริ่มโมโหขึ้นมาเล็กน้อย “คุณชายอิน”
อินรุ่ยเจวี๋ยกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเหลือบไปมองทางสวี่ชิงจืออีกครั้ง แล้วก็เงียบไปกะทันหัน
เวลานี้ ฉู่อี้เดินเข้ามาพอดี เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงถามขึ้นนิ่งๆ “เกิดอะไรขึ้น”
เฉินฝานซิงถอนหายใจแล้วหันไปตอบฉู่อี้ “พาสวี่ชิงจือไปเดินเล่นรอบๆ ที”
ฉู่อี้หันไปมองสวี่ชิงจือก็เห็นเธอใบหน้าซีดขาว หน้าตาเหยเก จึงยกมือขึ้นมาโอบเอวของเธอ
เนื้อส่วนเอวที่โผล่ออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่งถูกปิดไว้ด้วยฝ่ามือของเขา เขาพาเธอเดินหันไป ส่วนสวี่ชิงจือก็ไม่ได้ปฏิเสธ ท่าทางเหม่อลอยปล่อยให้ฉู่อี้พาเธอเดินออกไปโดยไม่ขัดขืน
ทว่า ในมุมมืดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น ดวงตาดำขลับหนึ่งคู่กำลังทอดมองไปทางฉู่อี้และสวี่ชิงจืออยู่ไกลๆ สายตานั้นค่อยๆ เพิ่มความหนาวเหน็บออกมา…