ตอนที่ 327 แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ / ตอนที่ 328 สวนดอกท้อ

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 327 แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

 

 

เฉินฝานซิงแอบสูดหายใจลึกๆ ระหว่างที่เธอยกแก้วแล้วหันไปอีกทาง หางตากลับเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในมุมตรงข้ามด้วยความบังเอิญ ท่าทางดื่มเหล้าของเธอชะงักไปครู่หนึ่ง

 

 

ก่อนจะหันไปทางเขา

 

 

สายตาของชายหนุ่มก็หันไปพอดี เมื่อเห็นเฉินฝานซิงแล้วก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังเดินจากไป

 

 

ด้วยท่าทางดูสูงสง่า

 

 

ก็จริง อย่างชิงจือจะตาไม่ถึงได้อย่างไรกันล่ะ

 

 

แต่ว่า ในด้านอื่นๆ นั้น…

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว มองไปทางสวี่ชิงจือ สีหน้าที่เหยเกก่อนหน้านี้ของเธอ ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานชวนเสน่หา

 

 

แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ

 

 

“ต้าซิงซิง เมื่อกี้คุณดูดุมากเลย ไม่เหมือนกับกำลังปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณเลยสักนิด”

 

 

 อินรุ่ยเจวี๋ยมองไปทางพวกเขาทั้งสองคน ท่าทางเสียใจแน่นอนว่าเก็บไว้ไม่อยู่

 

 

เฉินฝานซิงกัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกที่ว่าอยากจะชกหมอนี่สักทีจริงๆ เลย

 

 

“คุณยังดื่มนมไม่พอใช่ไหม”

 

 

 อินรุ่ยเจวี๋ยหน้ามุ่ย “พวกเราเลิกพูดถึงนมได้ไหม ต่อไปถ้าพูดถึงนมอีก ผมจะแจ้งจับคุณข้อหาฆาตรกรรม”

 

 

นมเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่อันตรายของโลกนี้เลย

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว “ไม่งั้นฉันควรต้องปฏิบัติกับผู้มีพระคุณยังไงเหรอ อืม…หรือจะต้องใช้ร่างกายตอบแทน?”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยถึงกับขาอ่อน รีบหันไปมองบริเวณรอบๆ ทันที เมื่อมั่นใจว่าป๋อจิ่งชวนไม่อยู่ตรงนั้นถึงจะถอนใจออกมาด้วยความโล่ง

 

 

“ต้าซิงซิง ผมขอร้องล่ะ ต่อไปอย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ มันทำให้คนตายได้เลยนะ กว่าผมจะมีชีวิตมาถึงตอนนี้ไม่ใช่ง่ายๆ เลย…”

 

 

เห็นท่าทางของอินรุ่ยเจวี๋ยที่ยกมือทาบอกด้วยอาการตกตะลึง ทำให้เฉินฝานซิงหลุดขำออกมาเบาๆ

 

 

“คุณนี้รักตัวกลัวตายจริงๆ”

 

 

แต่อินรุ่ยเจวี๋ยยิ้มไม่ออกแล้วว “เพราะงั้น ต้าซิงซิง ผมเห็นวันนี้พี่ป๋อลงบัญชีดำผมเอาไว้แล้ว ขนาดวันนี้ผมช่วยให้พวกคุณได้โชว์ความรักบนบอดร์ดเซ็นชื่อแล้ว เขายังไม่ยอมบอกเลยว่าจะปล่อยผมไป คุณลองดูว่าตอนไหนพอจะมีโอกาสช่วยพูดให้ผมสักคำสองคำได้บ้าง บอกว่าบัญชี้ครั้งนี้ ยกให้ผมเถอะ”

 

 

“คุณไปทำอะไรให้เขาโกรธงั้นเหรอ เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นเสียหน่อย”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยดวงตาเบิกโพลง ส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ “คุณบอกว่าเขาไมน่ากลัวงั้นเหรอ”

 

 

“เขาน่ากลัวตรงไหน” เฉินฝานซิงขมวดคิ้ว

 

 

“เขาน่ากลัวทุกตรงเลย รู้จักการฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาไหม”

 

 

“ฆ่าคน?”

 

 

“เป็นไง กลัวแล้วล่ะสิ”

 

 

สีหน้าของเฉินฝานซิงไม่ได้บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ เพียงแต่พูดขึ้นมานิ่งๆ “เดาว่าคนนั้นคงจะสมควรตายจริงๆ ล่ะมั้ง”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว อดยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้เธอไม่ได้

 

 

“พวกคุณเหมาะสมกันจริงๆ ต่อไปผมต้องอยู่ให้ห่างจากพวกคุณทั้งสองหน่อยแล้ว อาจจะโดนพวกคุณทารุณกรรมเมื่อไหร่ก็ได้”

 

 

“…”

 

 

ในห้องรับรอง ซูเหิงกำลังใช้ถุงน้ำแข็งประคบที่เท้าของเฉินเชียโหรวด้วยความระมัดระวัง

 

 

“ยังเจ็บอยู่ไหม”

 

 

 เฉินเชียนโหรววางเท้าลงบนพื้น ซูเหิงยื่นมือออกไปจัดทรงผมให้เธอ ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย

 

 

“ก็แค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเอง ทำไมถึงต้องแน่วแน่ขนาดนั้น”

 

 

เฉินเชียนโหรวอมยิ้มก่อนจะตอบ “ฉันปรึกษากับคุณย่าแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนมหาวิทยาลัย หลันอวิ้นยินดีมอบโควต้าฝึกงานให้กับนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ 5 ที่นั่ง เรื่องนี้พวกเขาอาจจจะต้องช่วงชิงกันหน่อย ตอนนี้บริษัทเอเจนซี่ภาพยนตร์และโทรทัศน์มีเต็มไปหมด การแข่งขันนับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะงั้นเลยอยากจะได้นักเรียนที่พอจะมีความสามารถพิเศษอยู่บ้าง ซึ่งก็จะเน้นด้านการร้องและการเต้นเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างสีสันให้กับงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย”

 

 

ซูเหิงพยักหน้า ดวงตาฉายประกายแห่งความชื่นชม “เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย”

 

 

เฉินเชียนโหรวยิ้มตอบเบาๆ “ตอนนี้งานคงจะใกล้เริ่มแล้ว ฉันต้องเป็นตัวแทนของหลันอวิ้นขึ้นเวทีไปแสดงก่อน”

 

 

ซูเหิงขมวดคิ้ว “แต่เท้าของเธอ…”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เล่นเปียโน”

 

 

 

 

ตอนที่ 328 สวนดอกท้อ

 

 

ผู้คนที่มาร่วมงานล้วนแต่เป็นบุคคลชั้นนำที่มีหน้าตาในสังคม แต่จุดประสงค์ที่มาวันนี้ของเฉินฝานซิงคือต้องการหาศิลปินที่ให้ความรู้สึกสดใหม่ให้กับบริษัทสักสองสามคน นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ไม่ทีทางกลมกลืนเข้ามาในวงสังคมนี้ได้ ผู้ที่อยู่ในงานก็ยากจะทำให้สัมผัสได้ถึงควารู้สึกสดใหม่นั้น ดังนั้น เฉินฝานซิงจึงเดินๆ หยุดๆ อยู่พักใหญ่ด้วยความลังเลว่าจะเดินออกไปทางด้านประตูหลังดีไหม

 

 

เพียงแค่เดินพ้นระเบียงริมทางเดินออกไป เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอไม่ได้อยากใส่ใจนัก แต่กลับได้ยินชื่อของเธอเอง

 

 

เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย หยุดอยู่กับที่แล้วฟังสองคนนั้นพูดอย่างเงียบๆ นิ่งไปพักใหญ่ เธอก็ยิ้มมุมปากออกมาด้วยความเย็นชาพร้อมกับเดินจากไป

 

 

เธออาศัยแสงสลัวๆ ยามโพล้เพล้เดินผ่านแมกไม้ เดินข้ามสะพาน ทั้งยังปีนผ่านเนินโคลนเล็กๆ หลายเนิน

 

 

ที่นี่เป็นเหมือนกับสวนสาธารณะกว้างใหญ่เป็นร้อยลี้ เส้นทางคดเคี้ยวเลี้ยวเลาะ ข้างทางเต็มไปด้วยดอกไม้และหญ้าเขียวขจี

 

 

ตอนที่เพิ่งเริ่มเดินออกไป เธอยังพอเจอกับนักศึกษาอยู่บ้างระหว่างทาง เพียงแต่ในตอนสุดท้าย ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ รอบข้างแทบจะไม่มีใครเลย

 

 

แต่ทว่ายิ่งเดินออกไปไกลเรื่อยๆ กลิ่นดอกท้อก็ลอยมาชัดขึ้น

 

 

เธอเดินตามกลิ่นนี้ไปโดยไมรู้ตัว กลิ่นดอกท้อแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักเธอก็พบกับสวนดอกท้อสวนใหญ่

 

 

ภายในสวนจะมีโคมไฟฝังพื้นทุกๆ หลายเมตร แสงไฟส่องกระทบบนดอกท้อ ดูสวยงามแปลกตากว่าที่เคยเห็นมา

 

 

เฉินฝานซิงอดส่งเสียงร้องด้วยความชื่นชมออกมาไม่ได้ กำลังจะเดินเข้าไปใกล้สวนดอกท้อเพื่อชื่นชมแบบระยะประชิด แต่ก็มีเสียงสุขุมทุ้มต่ำดังขึ้นมาพอดี

 

 

“คุณผู้หญิงมีธุระอะไรเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงชะงักฝีเท้า มองไปด้านหน้า กลางสวนดอกท้อ ท่ามกลางไฟสลัวๆ มีใครบางคนนั่งอยู่จริงๆ

 

 

เธอหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูไม้ไผ่บานนั้นออก เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ห้ามอะไร ก็เลยเดินเข้าไป

 

 

“มารบกวนแล้ว ฉันเดินตามกลิ่นมาน่ะค่ะ”

 

 

 เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ ถึงจะรู้ว่าชายที่นั่งอยู่ในสวนนั้นคือชายชราที่ใส่เสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินคราม กำลังดื่มชาคนเดียวด้วยความสบายใจ ตรงกลางโ ต๊ะมีชุดชงน้ำชาวางอยู่หนึ่งชุด

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ชายชราก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ สีหน้านิ่งเรียบและดูห่างเหิน

 

 

“จมูกของคุณรับกลิ่นไวดีนะ”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะ

 

 

“ต้มชาเป็นไหม”

 

 

ชายแก่พูดนิ่งๆ พลางยกมือบอกให้เธอนั่งลงตรงข้าม

 

 

เฉินฝานซิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าไหร่ค่ะ”

 

 

ชายแก่อมยิ้ม “ไม่เลวแล้ว”

 

 

เขาส่งสัญญาณให้เธอต้มชาอีกครั้ง เฉินฝานซิงไม่ได้ปฏิเสธ

 

 

เพียงแค่วินาทีที่เปิดเหยือกชาออก กลิ่นหอมของชาก็โชยแตะจมูกทันที กลิ่นอ่อนๆ ที่ให้ความรู้สึกลึกซึ้ง

 

 

เฉินฝานซิงตกตะลึง เงยหน้าขึ้นมามองไปทางชายชรา

 

 

“ทำไม…”

 

 

“นี่คือ…ชาพิมเสน?”

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกประหลาดใจ พิมเสนเป็นเครื่องหอมธรรมชาติที่ล้ำค่ามากๆ ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้

 

 

ภายในดวงตาของชายแก่แฝงไปด้วยความพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่เลว สมัยนี้ยังมีเด็กวัยรุ่นแบบเธออยู่ด้วย ไหนลองบอกมาสิ ปรุงเครื่องหอม ชงชา ต้มเหล้า ชมดอกไม้ เธอเชี่ยวชาญสิ่งไหนมากที่สุด”

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกแปลกใจ และเกร็งไปทั้งตัว สัมผัสได้เลยว่าคนแก่คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา

 

 

น้ำเสียงจึงมีความระแวดระวังและเคาพรพนับถือเพิ่มขึ้น “ปรุงเครื่องหอมค่ะ”

 

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…คิดไว้ไม่ผิด”

 

 

ท่าทางการต้มชาของเฉินฝานซิงยังทำต่อไปไม่หยุด ชายแก่มองดูเธอต้มชาอยู่เงียบๆ ขั้นตอนสลับกันอยู่หลายครั้ง ท่าไม่ครบ ขั้นตอนในการชงชานั้นสำคัญมากๆ ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะทำลายรสชาติของชาชั้นดีได้เลย

 

 

แต่ทว่า ท้ายที่สุด กลิ่นหอมชายโชยมา น้ำชาที่เข้าปากไปรสชาติไม่ได้ผิดเพี้ยนเสียหายใดๆ เลย

 

 

แววตาของชายชราที่มองไปยังเฉินฝานซิงค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ถ้าหากไม่ใช่คนที่มีประสาทรับกลิ่นหอมค่อนข้างไว ไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้แน่

 

 

แต่เฉินฝานซิงกลับรู้สึกประหม่าไม่หยุด เธอเม้มริมฝีปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะเอ่ยถามออกมาเบาๆ “ไม่ทราบว่า ฉันควรจะเรียกคุณว่ายังไง”

 

 

“จี้หงเหวิน เธอเรียกฉันว่าตาจี้ก็ได้”

 

 

แกร๊ง เสียงแก้วชาของเฉินฝานซิงกระทบกับเหยือกชา ก่อนจะรีบหันไปมองทางชายชราอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง สายตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง…