ตอนที่ 204 ร่ำลา

ปฏิญญาค่าแค้น

​หมิง​เจ๋อ​มองดู​ห่อ​สัมภาระ​และ​กล่อง​อาหาร​บน​โต๊ะ​ ​เกรง​ว่า​ใน​นั้น​คงมี​หนังสือ​หย่าร้าง​ฉบับ​หนึ่ง​ที่​บิดา​ให้​มารดา​ด้วย​กระมัง​!​ ​เขา​สลดใจ​ไป​ชั่วขณะหนึ่ง​ ​เกี่ยวกับ​การตัดสินใจ​ของ​บิดา​ ​เขา​เอง​ก็​พอได้​เตรียมใจ​ไว้​แล้ว​เช่นกัน​ ​บิดา​ไม่มีทาง​ให้อภัย​มารดา​ได้​อีก​ ​แต่​เช่นนี้​ก็ดี​เหมือนกัน​ ​มารดา​กลับบ้าน​เกิด​ไป​แล้ว​คงจะ​ได้​ใช้ชีวิต​อย่างสงบ​สุข​เสียที

​“​แล้ว​…​น้อง​หมิง​จูล​่ะ​ขอรับ​”​ ​หมิง​เจ๋อ​เอ่ย​ถาม

​หลี​่​จิ้ง​เสียน​ดูเหมือน​ลังเลใจ​ชั่วขณะหนึ่ง​ก่อน​กล่าว​ด้วย​สีหน้า​กลัดกลุ้ม​ ​“​แล้วแต่​นาง​แล้วกัน​!​”

​หลัง​หมิง​เจ๋อ​ได้รับ​คำสั่ง​การ​เป็น​ที่​เรียบร้อย​จึง​ยก​สอง​มือขึ้น​คารวะ​และ​กล่าว​ล่า​ ​โดย​มี​ผู้ดูแล​จ้าว​ถือ​กล่อง​อาหาร​และ​ห่อ​สัมภาระ​เดินตาม​หลัง

​ปากทาง​เข้าออก​จวน​ ​รถม้า​สอง​คัน​เตรียมพร้อม​สำหรับ​การ​ออกเดินทาง​ ​คู่สามีภรรยา​หมิง​อวิน​และ​หลั​้ว​เหยี​ยน​ต่าง​มาร​อส​่​งอยู​่​ด้านหน้า

​“​พี่ใหญ่​ ​ระมัดระวัง​ตัว​ให้​มาก​ๆ​ ​นะ​ขอรับ​”​ ​หมิง​อวิน​ยก​สอง​มือขึ้น​คารวะ​และ​กล่าว​กำชับ

​หมิง​เจ๋อ​ส่งเสียง​ ​‘อืม’​ ​แล้ว​เตรียม​ขึ้นรถ

​หลิน​หลัน​เห็น​ใน​มือ​ของ​ผู้ดูแล​จ้าว​ถือ​กล่อง​อาหาร​และ​ห่อ​สัมภาระ​ ​จึง​หันไป​เอ่ย​ถาม​หลั​้ว​เหยี​ยน​ด้วย​เสียง​กระซิบ​ ​“​พี่สะใภ้​ ​ของ​เหล่านั้น​ท่าน​เป็น​คน​เตรียม​ไว้​ให้​หรือ​เจ้า​คะ​”

​หลั​้ว​เหยี​ยน​ส่ายหน้า​ ​“​น่าจะเป็น​ของ​ที่​ท่าน​พ่อ​เตรียม​ไว้​ให้​กระมัง​ ​เห็นที​ว่า​ท่าน​พ่อ​คง​ไม่​อยาก​ให้ท่าน​แม่​กลับมา​บ้าน​นี้​อีกแล้ว​…​”

​หลิน​หลัน​ฉุกคิด​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ได้​ใน​ใจ​ ​เป็นธรรมดา​ที่​พ่อ​ผู้​ไร้ยางอาย​จะ​ไม่​อยาก​ให้​แม่มด​ชรา​กลับมา​เหยียบ​ที่นี่​อีก​ ​การ​ส่ง​สัมภาระ​ของใช้ส่วนตัว​ไป​ให้​ด้วย​จึง​เป็น​อะไร​ที่​พอ​เข้าใจ​ได้​ ​ทว่า​การ​ที่​พ่อ​ผู้​ไร้ยางอาย​ถึงขั้น​เตรียม​อาหาร​ไว้​ให้​แม่มด​ชรา​ด้วย​นี่​มัน​ออกจะ​แปลกประหลาด​เกินไป​หน่อย​หรือไม่

​หลิน​หลัน​มอง​หมิง​อวิน​ ​หมิง​อวิ​นขมวด​คิ้ว​เล็กน้อย​ราวกับ​กำลัง​ลังเลใจ

​เบื้องหน้า​เห็น​ว่า​รถม้า​กำลัง​เคลื่อนตัว​ออก​ไป​แล้ว​ ​หลิน​หลัน​จึง​รีบ​เดินตาม​ขึ้นไป​พร้อม​ร้องเรียก​หมิง​เจ๋อ​ไว้​ ​“​พี่ใหญ่​ ​พา​หมิง​จู​กลับมา​ด้วย​เถอะ​เจ้าค่ะ​!​”

​หมิง​เจ๋อ​และ​หมิง​อวิน​ต่าง​ตะลึงงัน

​หลิน​หลัน​เอ่ย​อธิบาย​ ​“​ตอนนี้​ท่าน​ย่า​ป่วย​ ​พี่สะใภ้​ก็​ต้อง​ดูแล​เรื่อง​ใน​บ้าน​ ​ทาง​ด้าน​ร้าน​ยา​ข้า​ก็​ทิ้ง​ไม่ได้​ด้วย​ ​ดังนั้น​ก็​ให้​หมิง​จู​กลับมา​คอย​ดูแล​ท่าน​ย่า​อย่างใกล้ชิด​อย่างไร​ล่ะ​เจ้า​คะ​”

​เมื่อ​หลั​้ว​เหยี​ยน​ได้​ไตร่ตรอง​ดู​จึง​คิดได้​ว่า​หลิน​หลัน​พูด​ถูก​อย่างยิ่ง​ ​ท่าน​ย่า​กลายเป็น​ผู้ป่วย​ติด​เตียง​ ​คน​คอย​ปรนนิบัติ​ข้าง​กาย​ก็​มี​เพียง​ไม่​กี่​คน​ ​หลาย​วัน​มานี​้​นาง​กับ​หลิน​หลัน​ต่าง​เหน็ดเหนื่อย​กัน​อย่างยิ่ง​ ​ดังนั้น​การ​ให้​หมิง​จูมา​อยู่​ปรนนิบัติ​ท่าน​ย่า​ก็ดี​เหมือนกัน

​“​นั่นสิ​!​ ​ให้​นาง​กลับมา​เถอะ​!​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​นาง​ก็​เป็น​น้องสาว​แท้ๆ​ ​ของ​เจ้า​”​ ​หลั​้ว​เหยี​ยน​กล่าว​เสริม

​หมิง​เจ๋อ​พยักหน้า​ด้วย​ความ​ซาบซึ้งใจ​ ​เขา​เอ็นดู​หมิง​จู​เสมอมา​ ​เมื่อ​คิด​ว่า​หาก​หมิง​จู​ต้อง​กลับบ้าน​เกิด​ไป​พร้อม​มารดา​เช่นนี้​ ​คง​ไม่มีทาง​ได้​ใช้ชีวิต​อย่าง​สุขสบาย​เป็นแน่

​“​ข้า​จะ​เกลี้ยกล่อม​นาง​ให้​ได้​”

​ทั้ง​สาม​คน​มองดู​รถม้า​เคลื่อนตัว​ออก​ไป​ไกล​แล้ว​ค่อยๆ​ ​ลับ​หาย​ไป​จาก​สายตา​ ​เนิ่นนาน​พอตัว​ ​หลิน​หลัน​จึง​กล่าว​ขึ้น​ ​“​พี่สะใภ้​ ​กลับ​เข้าไป​ข้างใน​เถอะ​เจ้าค่ะ​!​ ​พี่ใหญ่​จะ​ต้อง​กลับมา​อย่างปลอดภัย​ได้​แน่นอน​เจ้าค่ะ​”

​หลั​้ว​เหยี​ยน​ถอน​สายตา​อาลัยอาวรณ์​ ​ยาม​นี้​ภายในใจ​นาง​รู้สึก​ถึง​ความ​สับสน​และ​ความหวาดกลัว

​หลิน​หลัน​มองดู​หลั​้ว​เหยี​ยน​ที่อยู่​ใน​อาการ​เศร้าโศก​ ​จึง​อยู่​พูดคุย​เป็นเพื่อน​นาง​ชั่วขณะหนึ่ง​แล้วจึง​กลับ​เรือน​หลั​้ว​เซี​๋ย​จาย

​หลี่หมิง​อวิน​ยืน​มอง​สระบัว​จาก​บริเวณ​ริม​หน้าต่าง​ห้อง​ ​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ฝีเท้า​ของ​หลิน​หลัน​ ​เขา​จึง​เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​เสียง​แผ่วเบา​ราวกับ​เสียง​ถอนหายใจ​ ​“​อีก​สอง​วัน​ก็​เป็น​เทศกาล​ชี​ซี[1]แล้ว​…​”

​เช่นนั้น​หรอก​หรือ​ ​อะไร​จะ​รวดเร็ว​ปานนี้​!​ ​เมื่อ​ปี​ที่แล้ว​ใน​ช่วงเวลา​นี้​ ​พวกเขา​เพิ่ง​มาถึง​เมืองหลวง​ ​เขา​ถูก​กักบริเวณ​ ​ส่วน​นาง​ถูก​บีบบังคับ​ให้​ต้อง​ระหกระเหิน​ไป​อยู่​ที่​จวน​จิ้งปั​๋ว​โหว​หลัก​จากนั้น​ก็​ฝ่าฟัน​อะไร​ต่อมิ​อะไร​กัน​มา​จนถึง​วันนี้​ ​ยาม​นี้​คงได้​เวลา​ฟ้า​เปิด​แล้ว​สินะ

​หลิน​หลัน​เดิน​ไป​หยุด​ข้าง​กาย​เขา​ ​เงยหน้า​มอง​พระจันทร์​เสี้ยว​บน​ท้อง​นภา​ที่​กำลัง​ฉายแสง​สีเงิน​อร่าม​เคียงคู่​ดวงดาว​ระยิบระยับ​ ​ท้อง​นภา​ผืน​กว้าง​ที่​แต่ง​แต้ม​ไว้​ด้วย​ดวงดาว​ภายใต้​ความเงียบสงบ​นี้​ ​เพราะ​เรื่องราว​ความรัก​ของ​หนุ่ม​เลี้ยง​โคกั​บสา​วทอ​ผ้า​จึง​ทำให้​มัน​ดู​อบอุ่น​ขึ้น​มา

​“​ว่า​กัน​ว่า​ใน​ตำนาน​ชี​ซีทั​้ง​สอง​พบ​เจอกัน​ด้วย​สะพาน​นก​กระ​เรียน[2] ​แต่​ก็​ไม่มี​ผู้ใด​เคย​พบเห็น​หนุ่ม​เลี้ยง​โคกั​บสา​วทอ​ผ้า​ข้าม​ดวงดาว​มา​พอ​เจอกัน​สักครั้ง​”​ ​หลิน​หลัน​กล่าว

​หลี่หมิง​อวิ​นอม​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​แสงจันทร์​อ่อนกำลัง​สะท้อน​อยู่​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​จน​เกิด​เป็น​แสง​อัน​อ่อนโยน​ ​“​ก็​แค่​ความปรารถนา​อัน​งดงาม​ของ​ผู้คน​เท่านั้น​ ​อย่างน้อย​ๆ​ ​ก็​คงดี​กว่า​ให้​พวกเขา​ต้อง​อยู่​กัน​คนละ​ฟาก​โดย​ไม่มีวัน​ได้​พบ​เจอกัน​ละ​นะ​!​”

​หลิน​หลัน​ส่งเสียง​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​ก่อน​เอนกาย​เข้าไป​แนบ​อิง​ ​หลี่หมิง​อวิน​จึง​โอบ​รั้ง​นาง​เข้ามา​อยู่​ใน​อ้อมกอด​แล้ว​ใช้​ปลาย​คาง​ถูไถ​ไป​บน​เส้น​ผม​สลวย​ของ​นาง​ ​บางครั้ง​ ​เขา​คาดหวัง​ให้​นาง​ไม่รู้​เรื่อง​รู้​ราว​เสียบ​้าง​ ​ทว่า​ตอนนี้​ ​เขา​ประทับใจ​ใน​ความ​ฉลาด​หลักแหลม​และ​ความ​มี​จิตใจ​งาม​ของ​นาง​อย่างยิ่ง​ ​นาที​ที่​มองเห็น​กล่อง​อาหาร​นั่น​ ​เขา​ก็​เป็นอัน​เข้าใจ​ความนึกคิด​ของ​บิดา​ทันที​ ​การ​ที่​บิดา​กระทำ​เช่นนี้​ต่อ​แม่มด​ชรา​ไม่ได้​มี​ความเกี่ยวข้อง​กับ​เขา​ ​ทว่า​…​หมิง​จู​แม้​จะ​นิสัย​เกเร​ ​แต่​สิ่ง​ที่นา​งก​ระ​ทำผิด​ไว้​ไม่​ถึงขั้น​ต้อง​รับ​ผล​เป็นความ​ตาย​ ​ดังนั้น​ ​ใน​นาที​นั้น​ ​เขา​จึง​เกิด​ความลังเลใจ​…​หาก​เอ่ย​ออก​ไป​ ​เขา​อาจ​นึก​ตำหนิ​ที่​ตนเอง​ใจอ่อน​และ​มี​เมตตา​ ​หาก​ไม่​เอ่ย​ออก​ไป​ ​เขา​อาจ​รู้สึก​เสียใจ​ภายหลัง​ไป​ชั่วชีวิต​ ​ดังนั้น​ ​เขา​ซาบซึ้งใจ​อย่างยิ่ง​ที่​หลิน​หลัน​ช่วย​ตัดสินใจ​แทน​เขา​ ​เขา​รู้สึก​ขอบคุณ​สวรรค์​จริงๆ​ ​ที่​ส่งมอบ​หลิน​หลัน​มา​ให้​เขา​ ​ยาม​ที่​เขา​มีความสุข​ ​มี​หลัน​เอ๋อร​์​ร่วมสุข​ด้วย​ ​ยาม​ที่​เขา​ทุกข์ยาก​ ​หลัน​เอ๋อร​์​ไม่เคย​ทอดทิ้ง​เขา​ ​ยาม​ที่​เขา​สับสน​มืดมน​ ​มี​หลัน​เอ๋อร​์​คอย​อยู่​เคียงข้าง​ ​เขา​จึง​ไม่​หลง​ไป​ใน​ทาง​ที่​ผิด​…​เขา​เอ่ย​ด้วย​เสียง​บางเบา​ ​เอ่ย​ความปรารถนา​แท้จริง​ลึก​สุด​ภายในใจ​ของ​เขา​ในขณะนี้​ ​“​พวกเรา​จะ​อยู่​ด้วยกัน​ตลอดไป​ ​มองดู​พระอาทิตย์​ขึ้น​และ​พระจันทร์​ลาลับ​ท้อง​นภา​ไป​ด้วยกัน​ทุกๆ​ ​วัน​”

​หลิน​หลัน​โอบกอด​รอบเอว​เขา​ ​ภายในใจ​สัมผัส​ได้​ถึง​ความอบอุ่น​และ​อ่อนโยน​ ​แม้ว่า​เขา​ไม่เคย​เอ่ย​สาม​คำ​ที่​ทำให้​สตรี​หัวใจ​เต้น​แรง​ได้มา​ก่อน​ ​ทว่า​คำพูด​จาก​ความรู้สึก​เช่นนี้​ก็​ทำให้​นาง​รู้สึก​หลงใหล​ได้​เช่นกัน​!

​ทั้งสอง​โอบกอด​กันและกัน​อย่าง​เงียบๆ​ ​ราวกับ​ต้องการ​ทะนุถนอม​ช่วงเวลา​แสน​สงบ​อัน​มีค่า​นี้​ ​การ​ได้​ชื่นชม​แสง​จันทรา​นวล​ผ่อง​ภายใต้​ความ​เงียบสงัด​นี้​ช่าง​เป็น​อะไร​ที่​ดีงาม​เหลือเกิน

​หลี่หมิง​เจ๋อ​รีบ​มาถึง​ไป่​ซง​โปก​่อน​เวลานัดหมาย​ประมาณ​ครึ่ง​ชั่วโมง​ ​รถม้า​จอด​สนิท​ใน​บริเวณ​ที่​ห่าง​จาก​จุดนัดพบ​ประมาณ​หนึ่งร้อย​เมตร​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​เดิน​ไป​พร้อม​ตั๋วเงิน​จำนวน​แปด​แสน​ตำลึง​เงิน​แล้ว​หยุด​ยืน​อยู่​ใต้​สน​ต้นหนึ​่ง​ ​ไม่​ไกล​ออก​ไป​คือ​สุสาน​ฝังศพ​จำนวน​หนึ่ง​ ​ระหว่าง​นั้น​มีเสียง​แมวป่า​ส่งเสียง​ร้อง​ขึ้น​มา​เป็นระยะๆ​ ​ชวน​ให้​รู้สึก​หวาดกลัว​ไม่น้อย​ทีเดียว​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​ถึงกับ​ขนลุกขนพอง​ ​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​รู้สึก​ไร้​เรี่ยวแรง​ขึ้น​มา​เล็กน้อย​ ​เขา​ก้าว​ถอยหลัง​ไป​สอง​ก้าว​เพื่อ​เอนหลัง​พิง​เข้ากับ​ต้นไม้​ตลอดเวลา​ ​ใน​อก​ถึง​ค่อยๆ​ ​สงบ​ลง​ ​เขา​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ลึก​ ​พยายาม​สะกด​ความกลัว​ที่เกิด​ขึ้น​ภายในใจ​และ​รอคอย​ด้วย​ความ​กระวนกระวาย​ต่อไป

​เวลา​แห่ง​การรอคอย​มัน​มักจะ​ยาวนาน​เสมอ​ ​ไม่รู้​เช่นกัน​ว่า​เวลา​ผ่าน​ไป​เนิ่นนาน​เพียงใด​แล้ว​ ​ในที่สุด​เขา​ก็ได้​ยิน​เสียง​เกือกม้า​ล่องลอย​มาตาม​สายลม​ ​ไม่ทัน​ไร​เขา​เห็น​คน​ผู้​หนึ่ง​จาก​ระยะไกล​กำลัง​พุ่ง​เข้ามา​อย่างรวดเร็ว​พร้อม​ม้า​หนึ่ง​ตัว

​“​ฮี้​…​”​ ​เสียง​ม้า​ร้อง​ดัง​ขึ้น​พร้อมกับ​ที่​คน​ผู้​นั้น​หยุดนิ่ง​ใน​ระยะห่าง​จาก​หมิง​เจ๋อ​ประมาณ​สิบ​ฝีก​้าว

​หลี่หมิง​เจ๋อ​มอง​ผู้มาเยือน​ด้วย​ความระแวดระวัง​ ​ชายฉกรรจ์​ใน​ชุด​สีดำ​ทมิฬ​ ​ใบหน้า​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ผ้า​สีดำ​เผย​ให้​เห็น​เพียง​ดวงตา​คู่​คม​หนึ่ง​คู่​เท่านั้น​ ​สายตา​คู่​คม​นั้น​ตวัด​มอง​มารา​วกับ​จะ​มอง​ให้​ทะลุ​เรือนร่าง​คน​ทั้งคน​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​จึง​ห่อ​ตัว​ลง​ตาม​สัญชาติ​ญาณ

​คน​ผู้​นั้น​มองดู​หลี่หมิง​เจ๋อ​อย่าง​สำรวจ​อีกครั้ง​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ด้วย​เสียง​ดุดัน​ ​“​เอา​เงิน​มาด​้วย​หรือไม่​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​รีบ​กล่าว​ทันควัน​ ​“​เอา​มา​ๆ​ ​ตั๋วเงิน​ของ​โรง​รับฝาก​เงิน​ทง​เป่า​ ​จำนวน​เงิน​ทั้งสิ้น​แปด​แสน​ตำลึง​เงิน​”​ ​เอ่ย​พลาง​ล้วง​ตั๋วเงิน​ออกมา​แต่กลับ​ไม่​ยื่น​ส่ง​ให้​ในทันที

​“​ท่าน​แม่​และ​น้องสาว​ข้า​ล่ะ​”

​คน​ผู้​นั้น​ยื่นมือ​อก​ไป​ ​“​เอา​เงิน​มา​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ยืนหยัด​แน่วแน่​ขณะ​กล่าว​ออก​ไป​ ​“​ข้า​ยัง​ไม่ได้​เห็นท่าน​แม่​และ​น้องสาว​ข้า​ ​จะ​ให้​นำ​เงิน​นี่​มอบให้​เจ้า​ได้​อย่างไร​กัน​”

​คน​ผู้​นั้น​ส่งเสียง​หัวเราะเยาะ​ ​“​มอง​ไม่​ออก​เลย​ว่า​เจ้า​จะ​ใจกล้า​กับ​เขา​ด้วย​ ​เจ้า​ไม่​เกรงกลัว​ว่า​ข้า​จะ​ฟันดาบ​ลง​ไป​ที่​เจ้า​หรือ​”

​ขา​ทั้งสอง​ของ​หลี่หมิง​เจ๋อ​กำลัง​สั่น​ระริก​ ​น้ำเสียง​สั่นเครือ​เล็กน้อย​ ​“​คนเรา​ต้อง​รู้จัก​รักษา​สัจจะ​…​”

​คน​ผู้​นั้น​คล้าย​กับ​ตะลึงงัน​ไป​ชั่วขณะ​ ​ก่อน​จะ​ส่งเสียง​หัวเราะ​ลั่น​ประหนึ่ง​เสียง​นาฬิกาปลุก​ ​ก่อให้เกิด​เสียงสะท้อน​กึกก้อง​ไป​ทั่วทั้ง​ป่า

​“​สม​กับ​เป็น​หนอนหนังสือ​จริงๆ​”​คน​ผู้​นั้น​เอ่ย​เชิง​เหยียดหยัน​ ​ทันใดนั้น​เขา​สะบัด​บังเหียน​คุม​ม้า​ ​ม้า​ตัว​นั้น​จึง​พุ่ง​เข้าไป​หา​หลี่หมิง​เจ๋อ​ทันที

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ยืน​นิ่ง​ด้วย​ความ​ตื่นตกใจ​ ​รู้สึก​เพียง​เบื้องหน้า​มี​เงาดำ​พาด​ผ่าน​แล้ว​ม้า​ตัว​นั้น​กลับ​เลี้ยว​ผ่าน​เขา​ไป​อย่าง​เฉียดฉิว​

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ตื่นตกใจ​อย่างยิ่ง​และ​กลับ​พบ​ว่า​ตั๋วเงิน​ใน​มือ​หาย​ไป​เสีย​แล้ว​ ​เขา​กระทืบเท้า​ด้วย​ความ​เดือดดาล​ ​ส่งเสียง​ตะโกน​ไป​ ​“​นี่​…​เหตุใด​เจ้า​ถึง​ไม่รู้​จักรั​กษา​คำพูด​”

​คน​ผู้​นั้น​ไม่​แม้แต่​จะ​หันกลับ​มาม​อง​ ​“​คนที​่​เจ้า​ต้องการ​อยู่​บน​รถม้า​ของ​เจ้า​แล้ว​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ไม่รู้​ว่าที่​คนชั่ว​นั่น​พูด​เป็นความ​จริง​หรือไม่​ ​ในเมื่อ​ยาม​นี้​ตั๋วเงิน​ก็​ถูก​ฉกฉวย​ไป​แล้ว​ ​แล้ว​เขา​จะ​ทำ​อัน​ใด​ได้​อีก​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​จึง​เดิน​กลับ​ไป​อย่าง​เชื่อ​ครึ่ง​ไม่เชื่อ​ครึ่ง​ ​เขา​เดิน​ไป​ยัง​ไม่ทัน​ถึง​รถ​ ​ผู้คุม​รถม้า​ก็​เดิน​เข้ามา​ ​“​ต้า​เส้า​เหยีย​ ​ต้า​เส้า​เหยีย​ ฮู​หยิน​กับ​แม่นาง​หมิง​จู​กลับมา​แล้ว​ขอรับ​…​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ดีใจ​อย่างยิ่ง​ ​เขา​รีบ​วิ่ง​เข้าไป​แล้ว​เลิก​ผ้าม่าน​รถ​เปิด​ดู​ ​ปรากฏ​ว่า​มารดา​และ​น้องสาว​อยู่​ใน​รถ​ทั้งหมด​จริงๆ​ ​เพียงแต่​ใบหน้า​ของ​ทั้งสอง​ต่าง​ดู​มอมแมม​ ​เสื้อผ้า​ขาด​รุ่ย​ ​สภาพ​พวก​นาง​ช่าง​ดู​น่าอนาถ​อย่างยิ่ง

​นาง​ฮา​นรู​้​สึก​ราวกับ​ได้​เกิด​ใหม่​อีกครั้ง​ ​นาง​โผ​เข้าไป​โอบกอด​บุตรชาย​ทั้ง​น้ำตา​ทันทีที่​พบเห็น​หน้า​บุตรชาย​อีกครั้ง​ ​ราวกับ​เป็นการ​กอด​ร่ำลา​ครั้งสุดท้าย

​“​ลูก​แม่​…​แม่​คิด​ว่า​จะ​มิได้​เห็น​หน้า​เจ้า​อีกแล้ว​…​”

​หมิง​จู​ร้องไห้​อย่างหนัก​เช่นกัน​ ​“​พี่ใหญ่​ ​ข้า​กลัว​เหลือเกิน​…​”

​สาม​คน​แม่​ลูก​พากั​นร​้​อง​ไห้​ขณะ​กอด​กัน​กลม

​“​ต้า​เส้า​เหยีย​ ฮู​หยิน​ ​ที่นี่​ไม่ปลอดภัย​นัก​ ​พวกเรา​ออกเดินทาง​ไป​พูดคุย​กัน​ไป​ดีกว่า​นะ​ขอรับ​”​ ​ผู้คุม​รถ​กล่าว

​ทั้ง​สาม​คน​ค่อยๆ​ ​หยุด​ร้องไห้​ ​หมิง​เจ๋อ​เอ่ย​ถามถึง​ความยากลำบาก​ของ​พวก​นางใน​สอง​วัน​มานี​้​ ​จนได้​ความ​ว่า​มารดา​และ​น้องสาว​เพียงแค่​ถูกจับ​ขัง​ไว้​เป็นเวลา​สอง​วัน​ ​หิว​ท้อง​กิ่ว​อยู่​สอง​สาม​มื้อ​ ​แต่​ไม่ได้​รับ​การ​บาดเจ็บ​ตาม​เนื้อตัว​ร้ายแรง​แต่อย่างใด​ ​เขา​จึง​รู้สึก​วางใจ​ ​หลังจากนั้น​จึง​นำ​เรื่องราว​ภายในบ้าน​บอกเล่า​ให้​พวก​นาง​รับรู้

​นาง​ฮา​นก​ล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​เคียดแค้น​หลัง​ได้ยิน​ว่า​หญิง​ชรา​เป็น​อัมพาต​ ​“​สมควร​แล้ว​ละ​ ​นี่​มัน​เวรกรรม​ของ​นาง​อย่างไร​ล่ะ​…​”

​หมิง​เจ๋อ​รู้สึก​บอก​ไม่​ถูก​ ​ผู้​เป็น​ย่า​เป็น​ถึง​เพียงนี้​แล้ว​ ​เหตุใด​มารดา​ถึง​พูดจา​ใจร้าย​ใจดำ​เช่นนี้​อีก​ ​ผู้​เป็น​ย่า​แม้​จะ​ทำไม​่​ถูกต้อง​ ​ทว่า​หลาย​ปี​มานี​้​นาง​ก็​ปฏิบัติ​ต่อมา​รดา​อย่างดี​มาโดยตลอด

​“​ท่าน​แม่​ ​เรื่อง​ที่​ผ่าน​ไป​แล้วก็​อย่า​ได้​เอ่ยถึง​อีก​เลย​นะ​ขอรับ​ ​ใน​นี้​เป็น​ของใช้​ที่​จำเป็น​และ​เงิน​อีก​จำนวน​หนึ่ง​ ​นี่​เป็น​ของ​ที่​ท่าน​พ่อ​เตรียม​ไว้​ให้​ขอรับ​ ​ส่วน​นี่​เป็น​ของ​ที่​หลั​้ว​เหยี​ยน​เตรียม​ไว้​ให้​ ​ลูก​จะ​ให้​นาย​สวี​่​ส่ง​ท่าน​กลับบ้าน​เกิด​นะ​ขอรับ​”​ ​หมิง​เจ๋อ​กล่าว​อย่าง​เศร้าสลด

​นาง​ฮา​นรับ​ห่อ​สัมภาระ​มา​ไว้​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ปลายนิ้ว​มือ​ของ​นาง​กำลัง​สั่น​ระริก​ ​“​นี่​เป็นความ​ต้องการ​ของ​เจ้า​หรือ​เป็น​สิ่ง​ที่​พ่อ​เจ้า​ทำให้​ด้วย​ตัว​เขา​เอง​หรือ​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​กล่าว​ด้วย​ความสัตย์จริง​ ​“​เป็นความ​ต้องการ​ของ​ท่าน​พ่อ​ขอรับ​ ​และ​ก็​เป็นความ​ต้องการ​ของ​ลูก​ด้วย​เช่นกัน​ ​สถานการณ์​ใน​ตอนนี้​ ​ท่าน​แม่​กลับ​ไป​บ้านเกิด​ก่อน​จะ​เป็นการ​ดีที​่​สุด​ขอรับ​”

​นาง​ฮาน​ปล่อย​หยาดน้ำ​ตา​ไหลริน​ลงมา​อีก​ระลอก​ขณะ​รับ​ห่อ​สัมภาระ​นั่น​มา​ไว้​ ​นาง​มองดู​ห่อ​สัมภาระ​ผ้าไหม​สีน้ำเงิน​ด้วย​ความรู้สึก​มึนงง​สับสน​ ​“​หาก​แม่​ไป​แล้ว​ ​ไม่รู้​ว่า​เรา​แม่​ลูก​จะ​ได้​พบ​เจอกัน​อีก​เมื่อใด​”

​“​พี่ใหญ่​ ​เรื่องราว​มาถึง​ขั้น​ที่​ไม่​อาจ​แก้ไข​ได้​อีกแล้ว​หรือ​”​ ​หมิง​จู​กล่าว​อย่าง​ไม่​ยินยอม

​หลี่หมิง​เจ๋อ​กล่าว​ด้วย​ความทุกข์​ระทม​ ​“​ตอนนี้​ท่าน​ย่า​ป่วย​ติด​เตียง​ ​ท่าน​พ่อ​ยิ่ง​โกรธ​เกรี้ยว​ขึ้นไป​อีก​ ​เจ้า​ว่า​ท่าน​แม่​ยัง​กลับ​ไป​ได้​อีก​หรือไม่​”

​หมิง​จู​กล่าว​ทั้ง​น้ำตา​ ​“​อยู่​กัน​เป็น​ครอบครัว​ดี​ๆ​ ​แท้ๆ​ ​เหตุใด​ถึง​กลายเป็น​เช่นนี้​ไป​ได้​”

​นาง​ฮา​นรู​้​ดี​แก่​ใจ​ว่า​ไม่​อาจ​กลับ​ไป​ได้​อีกแล้ว​ ​นาง​จึง​ปาด​น้ำตา​แล้ว​เอ่ย​ ​“​เอาละ​ ​แม่​จะ​กลับ​ไป​บ้านเกิด​ก่อน​ ​หมิง​เจ๋อ​ ​เจ้า​ต้อง​ขยันขันแข็ง​ให้​มาก​ๆ​ ​แม่​จะ​รอ​วันที่​เจ้า​มีหน้ามีตา​โดดเด่น​ขึ้น​มา​”

​หมิง​เจ๋อ​พยักหน้า​ด้วย​ความขมขื่น​ ​“​หมิง​จู​ ​เจ้า​กลับบ้าน​กับ​ข้า​เถอะ​!​ ​ตอนนี้​ท่าน​ย่า​ป่วยหนัก​ ​อย่างน้อย​ๆ​ ​เจ้า​จะ​ได้​แสดง​ความกตัญญู​สักนิด​”

​หมิง​จู​เสียดาย​การ​ได้​ใช้ชีวิต​อย่าง​สุขสบาย​ภายในบ้าน​ ​ทว่า​จะ​ให้​นาง​ไป​อยู่​ปรนนิบัติ​ผู้​เป็น​ย่า​ที่​กำลัง​ป่วย​อยู่​ ​นาง​เอง​ก็​ไม่​ยินดี​เท่าใด​เช่นกัน​ ​อีก​อย่าง​ ​ตั้งแต่​เล็ก​จน​เติบใหญ่​เพียงนี้​แล้ว​ ​นาง​ยัง​ไม่เคย​ห่าง​จาก​มารดา​ ​จึง​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​จะ​ไป​กับ​ท่าน​แม่​”

​นาง​ฮา​นก​ล่าว​ ​“​พ่อ​ที่​ไร้​น้ำ​จิต​น้ำใจ​ของ​เจ้า​ไม่ได้​เห็น​น้องสาว​เจ้า​เป็น​บุตรสาว​ด้วยซ้ำ​ไป​ ​คู่สามีภรรยา​หมิง​อวิน​เกลียด​น้องสาว​เจ้า​ยิ่งกว่า​อะไร​ดี​ ​หาก​ข้า​ไม่อยู่​ใน​บ้าน​ ​ไม่รู้​ว่าน​้​อง​สาว​เจ้า​จะ​ถูก​คน​เขา​รังแก​จน​เป็น​สภาพ​ไหน​ ​หมิง​จู​ ​เจ้า​ไป​กับ​แม่นี​่​ละ​ดี​แล้ว​”

​หมิง​จู​เอนกาย​เข้าไป​ซบ​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ลูก​จะ​ไป​กับ​ท่าน​”

​หลี่หมิง​เจ๋อ​ถอนหายใจ​อย่าง​จนปัญญา​ ​“​ก็ได้​ ​เช่นนี้​จะ​ได้​ดูแล​กันและกัน​ไประ​หว่าง​ทาง​”

​หลัง​สาม​คน​แม่​ลูก​ร่ำลา​กัน​เป็น​ที่​เรียบร้อย​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​ส่ง​มารดา​และ​น้องสาว​ไป​จนกระทั่ง​เข้าสู่​เส้นทาง​หลัก​ ​หลังจากนั้น​จึง​กำชับ​นาย​สวี​่​ผู้คุม​รถม้า​ให้​ดูแล​นาย​หญิง​และ​แม่นาง​หมิง​จู​ให้​ดิบดี

​หลังจาก​รถม้า​ค่อยๆ​ ​ลับสายตา​ไป​ตาม​เส้นทาง​หลัก​ ​หลี่หมิง​เจ๋อ​เงยหน้า​ขึ้น​พลาง​ถอนหายใจ​ ​การ​ร่ำลา​ครานี​้​ ​ไม่รู้​จริงๆ​ ​ว่า​จะ​ได้​พบ​เจอกัน​อีก​เมื่อใด

​ล้อรถ​เคลื่อน​หมุน​ไป​ ​นาง​ฮาน​และ​บุตรสาว​ก้มหน้า​ซบ​กัน​และ​ปล่อย​หยาดน้ำ​ตา​ให้​ไหลริน​ออกมา​ภายใต้​ความ​เงียบงัน​ ​เนิ่นนาน​พอตัว​ ​หมิง​จู​เอ่ยถึง​ขึ้น​ด้วย​เสียงอ่อน​แรง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​หิว​แล้ว​..​”

​นาง​ฮา​นม​อง​ดูก​ล่อง​อาหาร​ที่อยู่​บน​รถ​ ​จึง​คว้า​มัน​มา​เปิด​แล้ว​หยิบ​เอา​ขนม​อบ​ออกมา​หนึ่ง​ชิ้น​ยื่น​ให้​หมิง​จู​ ​“​กิน​ขนม​นี่​รองท้อง​ไป​ก่อน​แล้วกัน​ ​ไว้​รอฟ​้า​สาง​แล้ว​พวกเรา​ค่อย​หา​โรง​เตี​๊​ยม​พักผ่อน​แล้ว​หา​อะไร​ร้อน​ๆ​ ​กินกัน​”

[1]เทศกาล​ชี​ซี​ ​(​七​夕​)​ ​คือ​วันที่​เจ็ด​เดือน​เจ็ด​ ​ถือว่า​เป็น​วัน​เทศกาล​แห่ง​ความรัก​ของ​ชาวจีน

[2]ใน​ตำนาน​ ​“​หนุ่ม​เลี้ยง​โคกั​บสา​วทอ​ผ้า​”​ ​ทั้งสอง​พบ​เจอกัน​ด้วย​สะพาน​นก​กระ​เรียน​ ​(​鹊​桥​相​会​)​ ​เพราะ​นก​กระ​เรียน​เกิด​ความสงสาร​ใน​ความรัก​ของ​ทั้งสอง​จึง​นัด​ชุมนุมกัน​ใน​วันที่​ ​7​ ​ค่ำ​ ​เดือน​7​ ​(​ตาม​จันทรคติ​)​ ​เพื่อมา​รวมตัวกัน​ต่อตัว​เป็น​สะพาน​ให้​หนุ่ม​เลี้ยง​โคกั​บสา​วทอ​ผ้า​ได้​พบปะ​กัน​ปี​ละครั​้ง​จน​กลายเป็น​ที่มา​ของ​ตำนาน​วัน​แห่ง​ความรัก