เธอยอมรับ เธอรักเขา และเขาก็รักเธอมากด้วย พวกเขาต่างฝ่ายต่างรักกัน!
“หนานกงเยี่ย คุณมันสารเลว!” เหลิ่งรั่วปิงร้องไห้อย่างหนัก ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่เขา ปล่อยให้น้ำตารินไหลเข้าไปในคอของเขา
“ใช่ ผมมันสารเลว” หนานกงเยี่ยยิ้มพร้อมกับประทับจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอ จูบของเขาอ่อนโยน ตามด้วยร้อนแรง บ้าคลั่ง…
จนกระทั่งรู้สึกว่าคนในอ้อมกอดแทบจะหายใจไม่ออก หนานกงเยี่ยจึงละจูบด้วยความเสียดาย แยกจากกันมานาน ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่เจอเธออีกแล้ว ทว่าวันนี้เธอกลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา หนานกงเยี่ยแทบอยากจะจูบเธอชั่วฟ้าดินสลาย
ใบหน้าสวยของเหลิ่งรั่วปิง เวลานี้แดงระเรื่อราวกับแสงสนธยาตรงขอบฟ้า ก่อนหน้านี้หน้าแดงเพราะใช้แรงคว้าตัวหนานกงเยี่ยเอาไว้ ตอนนี้ถูกเขาจูบจนแทบจะขาดอากาศหายใจ หน้าของเธอจึงแดงยิ่งกว่าเดิม ภายใต้ลมหายใจอุ่นๆ ของชายหนุ่ม สวยงามราวกับดอกท้อตอนผลิบาน
“เมียจ๋า!” หนานกงเยี่ยหอมแก้มเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ คลี่ยิ้มพร้อมกับร้องเรียกเสียงเบา ชื่อเรียกนี้อยู่ในใจมานานแล้ว ในที่สุดก็พูดออกมาสักที ราวกับผ่านเส้นทางยาวไกล ผ่านอุปสรรคที่ยากลำบาก ท้ายที่สุดก็พบเจอเรื่องดีๆ
เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง หายใจหืดหอบ อ่อนโยนดุจดอกบัว “ใครเป็นเมียคุณคะ ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงสักหน่อย”
“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “คุณต้องตอบตกลงแน่นอน” เขาช้อนตัวเธอขึ้นมากะทันหัน เดินเข้าไปในปราสาท “ไปกินข้าวกันเถอะ ทุกคนรอกันหมดแล้ว”
เหลิ่งรั่วปิงซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ย เบ้ปากแดงระเรื่อ “พวกคุณร่วมมือกันหลอกฉัน ใช่ไหมคะ”
หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงเบา “อย่าเจ้าคิดเจ้าแค้นสิครับ วันนี้คุณชนะได้เงินตั้งเยอะแล้ว หืม?”
พูดถึงเรื่องชนะพนัน เหลิ่งรั่วปิงดูดีใจขึ้นมาก เธอหัวเราะคิกคัก
มาถึงประตูห้องอาหาร หนานกงเยี่ยวางเหลิ่งรั่วปิงลง เปิดประตูห้องอาหาร กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารลอยฟุ้ง บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารมากมาย รอบโต๊ะมีคนนั่งล้อมรอบ ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม
เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกอายมาก เธอกับหนานกงเยี่ย ตอนนั้นทะเลาะกันจนเป็นเรื่องใหญ่ ทว่าวันนี้กลับคืนดีกันเหมือนเดิม ไม่ว่าอย่างไรก็เหมือนเรื่องตลก เผชิญหน้ากับรอยยิ้มของทุกคน สัญชาตญาณของเขาบอกให้ถอยหนี
ทว่าหนานกงเยี่ยลอบยิ้มอย่างได้ใจ มือใหญ่อบอุ่นของเขาจับมือเล็กๆ ของเธอเอาไว้แน่น พาเธอเดินเข้าไปในห้องอาหาร
อวี้ไป่หันยิ้มแล้วเดินมาต้อนรับเป็นคนแรก “เชิญครับๆๆ รั่วปิง รีบนั่งเร็ว”
ทว่าเหลิ่งรั่วปิงกลับไม่สนใจ เธอชำเลืองมองอวี้ไป่หัน “ไม่กล้าหรอกค่ะ คุณอวี้ ฉันจะกล้านั่งในที่ที่มีคุณอยู่ได้ยังไง”
หนานกงเยี่ยเลิกคิ้วขึ้น เพียงแค่ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงของเขาเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก เขารู้ดี
อวี้ไป่หันไร้ยางอาย ไม่สนว่าเหลิ่งรั่วปิงจะเย้ยหยันตนอย่างไร “อย่าพูดแบบนี้สิครับ นี่เป็นถิ่นของคุณนะครับ คุณเป็นเจ้าถิ่น ผมเป็นแขก ผมจะกล้าทำผิดได้ยังไง”
“คุณอวี้พูดเป็นเล่นไป” เหลิ่งรั่วปิงยังคงสีหน้านิ่งเฉย นั่งลงบนเก้าอี้ที่อวี้ไป่หันดึงออกมาให้เธอ “นี่เป็นธุรกิจของคุณหนานกง เกี่ยวอะไรกับฉันคะ”
หนานกงเยี่ยที่ได้ยินคำพูดนี้ไม่สบอารมณ์มาก เดิมทีใบหน้าหล่อเหลามีแต่ด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทว่ากลับเคลือบด้วยน้ำแข็งอย่างกะทันหัน มือที่จับเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้กระชับจับแน่นโดยไม่รู้ตัว มองดูเธอด้วยแววตาตักเตือน “วันข้างหน้าผมจะโอนปราสาทหลังนี้เป็นชื่อคุณ หืม?” สิ่งที่เขาอยากพูดก็คือ ในอนาคตข้างหน้าชื่อของคุณต้องมีนามสกุลหนานกง
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก ความเป็นจริงผู้ชายคนนี้ขี้น้อยใจมาก เธอเองก็รู้ดี
มองดูเธอที่ลดความร้ายกาจลง หนานกงเยี่ยยิ้มด้วยความรักใคร่ มือขวาพาดเอาไว้บนเก้าอี้ของเธอ โอบกอดเหลิ่งรั่วิงเอาไว้ แสดงความเป็นเจ้าของ
ถังเฮ่าชำเลืองมองหนานกงเยี่ยโดยแฝงเจตนาร้าย “หนานกง เมื่อกี้ทำไมแกถึงแขวนอยู่บนปราสาท นี่เป็นการขอแต่งงานหรือแสดงละครกันแน่”
“จริงด้วย จริงด้วย” อวี้ไป่หันร่วมสมทบ “ทำไมเหมือนฉันจะเห็นแหวนลอยขึ้นฟ้าด้วย”
“ฮ่าๆๆ…” มู่เฉิงซีที่เย็นชาเคร่งขรึมมาโดยตลอดยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เวินอี๋และไซ่หย่าเซวียนเองก็พากันหัวเราะ
หนานกงเยี่ยโมโหจนกัดฟันแน่น คนพวกนี้เป็นเพื่อนที่ไม่ดีเลยสักนิด ไม่ง่ายเลยกว่าตนจะตามง้อภรรยากลับมาได้ พวกเขากลับหัวเราะเยาะตน แต่เมื่อคิดดูแล้วตนสมควรถูกเพื่อนๆ หัวเราะเยาะ เพื่อเหลิ่งรั่วปิง ตนกลายเป็นเรื่องตลกของประเทศต้าย่า เรื่องตามไล่ล่าภรรยาเมื่อคราวก่อน ยังคงถูกคนในเมืองหลงพูดถึงทุกวันนี้
มองดูใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังขุ่นเคืองของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ สวยงามราวกับดอกท้อ “นั่นเรียกว่าการขอแต่งงานเหรอคะ เรียกว่าบีบให้แต่งงานด้วยชัดๆ”
ซี๊ด…
หนานกงเยี่ยโมโหจนสูดลมหายใจเข้า ก้มหน้าลงกัดแก้มเหลิ่งรั่วปิง แก้มขาวเนียนของเธอมีรอยแดงทันที
ยังไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงขัดขืน ถังเฮ่าจ้องมองดูใบหน้าของเธอด้วยความตะลึง “ว้าว รั่วปิง หน้ากากของเธอวิเศษมาก ไม่ว่าจะมองยังไงก็มองไม่ออกว่าเป็นของปลอม?”
“แน่นอนค่ะ” ไซ่หย่าเซวียนตอบด้วยความภาคภูมิใจ “การคิดค้นของพี่เทียนรุ่ยของฉัน จะไม่วิเศษได้ยังไงคะ”
อวี้ไป่หันหน้าเปลี่ยนสีทันที หันไปมองไซ่หย่าเซวียนด้วยความหงุดหงิดและจนปัญญา ตอนนี้เขาแทบอยากจะให้ฉู่เทียนรุ่ยหายไปในชั่วข้ามคืน
ไซ่หย่าเซวียนถูกอวี้ไป่หันมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ เธอจึงพูดล้อเลียน “ทำไมคะ ไม่พอใจหรอ พี่เทียนรุ่ยของฉันดีกว่าคาสโนว่าอย่างคุณ!”
สีหน้าของอวี้ไป่หันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก อยากจะตีไซ่หย่าเซวียนสักครั้งจริงๆ ถึงแม้เขากำลังตามจีบเธอ แต่เธอจะมาหยามเกียรติกันแบบนี้ไม่ได้ เวลาอยู่ด้วยกันแบบส่วนตัวเธอจะพูดอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่ต่อหน้าคนมากมายเธอพูดหยาบคายแบบนี้ คิดว่าเขาอวี้ไป่หันโกรธไม่เป็นหรือ
ทว่าไซ่หย่าเซวียนกลับไม่รับประทานมุกนี้ “ชักสีหน้าให้ใครคะ ฉันปรักปรำว่าคุณเป็นคาสโนว่าหรือไง สิ่งที่พี่เทียนรุ่ยของฉันคิดมันไม่วิเศษหรือไง”
อวี้ไป่หันโมโหราวกับไม้ขีดไฟที่จุดขึ้นมากะทันหันในตอนกลางคืน จากนั้นไฟลุกลามไปทั่วกองหญ้า ส่งเสียงคำราม ไฟลุกโชน “ไซ่หย่าเซวียน…” สามพยางค์นี้ ราวกับถูกเขาบดขยี้
เพียะ!
อวี้ไป่หันถูกตบเข้าที่ใบหน้าหนึ่งฉาด ไซ่หย่าเซวียนดึงมือกลับพร้อมหัวเราะ “กัดฟันแน่นแบบนี้ อยากกินคนหรือไงคะ”
เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงตบ อวี้ไป่หันคิดว่าตนเองจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่โมโห แต่ความขุ่นเคืองที่มีในตอนแรกกลับหายไปเพราะตบนี้ ครึ่งหน้าที่ถูกไซ่หย่าเซวียนตบรู้สึกชาเล็กน้อย ปวดนิดหน่อย และรู้สึกมีความสุข คล้ายว่ามือของเธอมีกลิ่นหอม ตอนที่ตบหน้าเขา กลิ่นหอมนั้นฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังลอยตัว
ถ้าเป็นผู้หญิงพวกนั้นในอดีต เวลานี้ถ้าไม่ถูกเขาทำร้ายก็คงถูกเขาด่ากราดไปแล้ว แต่เขากลับรู้สึกดีตอนที่ถูกไซ่หย่าเซวียนตบ รู้สึกรูขุมขนทั่วร่างกายเปิดกว้างสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่าใช้สิ่งหนึ่งกำราบอีกสิ่งหนึ่ง? ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาต้องอยู่ในน้ำมือของยัยเด็กคนนี้!
อวี้ไป่หันไม่รู้ว่าหน้าตาตอนที่ตนเหม่อลอยน่ารักแค่ไหน เขาจ้องมองไซ่หย่าเซวียนด้วยความมึนงง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังตกหลุมรัก ไม่เหมือนคนที่ชำนาญด้านความรักแม้แต่น้อย
“จุ๊ๆๆ…” ถังเฮ่าหัวเราะด้วยความตลกพร้อมกับส่ายหน้า “ไป่หัน มองจนน้ำลายจะย้อยลงมาแล้ว”
อวี้ไป่หันดึงสติกลับมา รู้สึกเสียหน้ามาก เขาเป็นคาสโนว่าตัวพ่อ จีบผู้หญิงง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าปาก คาสโนว่าอันดับหนึ่งในเมืองหลง วันนี้ตอนอยู่ต่อหน้าไซ่หย่าเซวียนยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนคนโง่ อวี้ไป่หันหงุดหงิดกับตัวเองมาก “กินข้าว!” ขณะที่พูด เขาก็ตักน่องไก่ไปวางบนจานไซ่หย่าเซวียน
ไซ่หย่าเซวียนเบ้ปาก ก้มหน้าลงกิน ความโมโหของเขาไม่อยู่ในสายตาของเธอแม้แต่น้อย
ทุกคนมองดูอวี้ไป่หัน ผลัดกันอมยิ้ม ผู้ชายคนหนึ่งตอนที่ตกหลุมรักผู้หญิง ก็เป็นคนโง่ที่แท้จริง
เหลิ่งรั่วปิงมองดูอวี้ไป่หันที่จ้องมองไซ่หย่าเซวียนกินข้าวราวกับคนโง่ ริมฝีปากบางขยับเล็กน้อย “คุณอวี้ไป่หัน ดูจากท่าทางของคุณแล้ว ไม่ยอมปล่อยมือจากน้องสาวคู่หมั้นฉัน?”
อวี้ไป่หันยังไม่ทันตอบคำถาม แก้มของเหลิ่งรั่วปิงถูกหนานกงเยี่ยบีบอย่างแรง เจ็บกว่าเมื่อกี้เสียอีก เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองค้อน “คุณหนานกงเยี่ย คุณบ้าไปแล้วหรือไงคะ เดี๋ยวกัดเดี๋ยวบีบ คิดอยากจะทำอะไรคะ”
ดวงตาเหยี่ยวของหนานกงเยี่ยส่งสัญญาณเตือน “ตอนนี้คุณเป็นภรรายาของหนานกงเยี่ย ผมจำไม่ได้ว่าตนเองมีน้องสาว อย่านับญาติไปมั่ว หืม?”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ทุกคนพากันหัวเราะ หนานกงเยี่ยเป็นผู้ชายที่ขี้หึงที่สุดในโลก!
เหลิ่งรั่วปิงกลอกตามองบนให้กับหนานกงเยี่ย แล้วก้มหน้ากินอาหาร กินไปได้สองคำ เธอรู้สึกเสียใจมาก จึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง “ใครคือภรรยาของคุณคะ ฉันรับปากคุณแล้วหรือไง”
สีหน้าเคร่งขรึมของหนานกงเยี่ย ขยับเข้าไปใกล้เหลิ่งรั่วปิง “ผมว่า เดี๋ยวผมคงต้องให้คุณเรียนรู้กฎของผู้หญิงตระกูลหนานกง!”
กฎของผู้หญิงตระกูลหนานกง? ถุย!
เหลิ่งรั่วปิงโยนตะเกียบด้วยความไม่พอใจ ตะเกียบโดนจมูกหนานกงเยี่ยเต็มๆ ทำให้เกิดรอยแดงเป็นแถบ
“เหลิ่งรั่วปิง!” หนานกงเยี่ยกัดฟันกรอด
“ฉันไม่ใช่เหลิ่งรั่วปิง ฉันคือฉู่หนิงซยา คุณอยากเจอเหลิ่งรั่วปิงใช่ไหมคะ ก็ไปหาเธอซะ!” พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงลุกขึ้นกำลังจะเดินไป หนานกงเยี่ยรีบพูดเสียงอ่อนแล้วคว้าตัวเธอกลับมา “ครับๆๆ กินข้าวกันเถอะ”
เหลิ่งรั่วปิงเบ้ปาก นั่งลงอีกครั้ง เพลิดเพลินกับบริการของเขาด้วยความสบายใจ หนานกงเยี่ยเองก็ยินดีบริการเธอทุกอย่าง เขาคอยตักอาหารให้เธอไม่หยุด อยากจะดื่มซุปก็ตักซุปให้ อยากจะดื่มน้ำก็ยื่นน้ำให้ ราวกับเป็นคนรับใช้ส่วนตัว
ถังเฮ่ากวาดตามอง เห็นคุณชายทั้งสามของเมืองหลงต่างมีสาวสวยนั่งอยู่เคียงข้าง มีแค่ตนเท่านั้นที่อยู่โดดเดี่ยวลำพัง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ ก่นด่าหลินมั่นหรูว่าเป็นนางมาร ทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วน แทบอยากจะขุดดินเพื่อหาตัวเธอ
อวี้ไป่หันสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวที่แผ่ออกมาจากตัวถังเฮ่า หัวเราะราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ “ถังเฮ่า เหงาใช่ไหม เอาตุ๊กตาแบตเตอรี่ของนายลงมากินข้าวด้วยกันสิ?”
ถังเฮ่ามีตุ๊กตาแบตเตอรี่ตัวหนึ่งจริงๆ ตามหาหลินมั่นหรูแทบตายแต่ก็ไม่เจอเบาะแสของเธอ เพื่อคลายความคิดถึง เขาจึงทำตุ๊กตาแบตเตอรี่หลินหมั่นหรูขึ้นมา แต่ก็กลัวจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ จึงเก็บซ่อนเอาไว้ ทว่าคิดไม่ถึงว่ากลับถูกอวี้ไป่หันที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเจอเข้า
ตอนนี้ถูกอวี้ไป่หันเปิดเผยความลับต่อหน้าทุกคน ถังเฮ่ารู้สึกเสียหน้ามาก หันไปตะโกนด่าอวี้ไป่หัน “ไสหัวออกไป!”
หนานกงเยี่ยวางตะเกียบลง หัวเราะแล้วมองไปที่ถังเฮ่า “ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวหรู ทำให้หัวใจของแกปั่นป่วนถึงขั้นนี้?”