หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.487 – นายหญิงแห่งเกาะหมอก (1)

 

เย่เฟย์หยูเดินมาหน้าซูเซี่ยเอ๋อ แล้วอธิบายถึงรายละเอียดของสถานการณ์ปัจจุบัน

 

เทคนิคมนตราและความสามารถที่ในอดีตเป็นเพียงตำนาน ได้ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้

 

อาวุธจากปรภพก็เริ่มออกตามหาเจ้านายของตัวเอง

 

กระทั่งชีวิตของผู้คนก็ยืนยาวขึ้น เนื่องด้วยการฝึกยุทธ

 

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวนี้ มันจึงย่อมมีผู้คนที่สามารถฝึกยุทธได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อคนเหล่านั้นได้รับพลังในแบบที่ตนเองไม่เคยมีมาก่อน จึงบังเกิดความปรารถนาเห็นแก่ตัวขยับขยายออกไปเป็นธรรมดา

 

บางคนเริ่มที่จะก่อตั้งกองกำลังของตนเองขึ้น บางคนไม่ยอมรับกฏหมายทางสังคัมอีกต่อไป และริเริ่มกระทำการตามที่ใจพวกเขาปรารถนา

 

ในระยะเวลาสั้นๆ มนุษยชาติได้แหกระบบดั้งเดิมที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาหลายพันปี แล้วก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความแข็งแกร่งรายบุคคล

 

ซูเซี่ยเอ๋อรับฟังอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก

 

เธอมองมายังเย่เฟย์หยูและเอ่ยถาม “นายกับฉิงซานมีความสัมพันธ์กันยังไง?”

 

“เขาได้ช่วยชีวิตฉันเอาไว้จากการจมลงสู่ห้วงแห่งการเสื่อมถอยและทำลายล้าง ฉุดดึงฉันให้ก้าวต่อไปข้างหน้า อ่า… ฉันจะอธิบายความสัมพันธ์แบบนี้ว่าอะไรดี?” เย่เฟย์หยูคิดและกล่าว

 

เขากวักมือไปข้างหลัง

 

ทันใดนั้นหญิงสาวตัวเล็กก็ปรากฏขึ้นข้างกายเขา

 

“มาทักทายพี่สะใภ้สิ” เย่เฟย์หยูเรียก

 

“สวัสดีพี่สะใภ้” สาวตัวเล็กยิ้มหวาน

 

“สวัสดี” ซูเซี่ยเอ๋อมิได้ปฏิเสธการเรียกขานนี้ และมองไปยังสาวตัวเล็ก

 

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆมือของเธอก็ขยับไหวไปทางอีกฝ่าย

 

ไพ่สีเทาถูกโยนออกไป ชั้นอากาศเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา จากนั้นพวกมันก็เริ่มเข้าครอบคลุมร่างสาวตัวเล็กไว้

 

หมอกสีเทาสลายหายไปอย่างรวดเร็ว แปรสภาพเป็นลูกบอลคริสตัล

 

ลูกบอลคริสตัลลอยกลับมาตกลงในมือของซูเซี่ยเอ๋อ

 

ซูเซี่ยเอ๋อลดสองตาอันงดงามของเธอลงและจ้องมองลูกบอลคริสตัล

 

เธอหันไปกล่าวกับเย่เฟย์หยู “ไม่ต้องกังวลไป เนื่องจากเธอเป็นร่างจิตวิญญาณ ดังนั้นฉันเลยสามารถมองเห็นถึงอดีตของเธอได้”

 

ประกายแสงและเงานับไม่ถ้วนกระพริบไหว และหายไปอย่างรวดเร็วในม่านตาของซูเซี่ยเอ๋อ

 

ผีน่ะไม่มีร่างกาย และโดยทั่วไปแล้วมันจึงไม่สามารถต่อต้านการตรวจสอบจากไพ่ได้

 

ในอดีตนับปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นกับสาวตัวเล็กปรากฏขึ้นในสายตาของซูเซี่ยเอ๋อ

 

“แท้จริงแล้ว … มันก็เป็นแบบนี้”

 

ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยพึมพำ

 

เย่เฟย์หยู “นี่เธอกำลังตรวจสอบอดีตของแฟนฉันอยู่หรอ?”

 

“แน่นอน เพราะปกติฉันก็ไม่ได้เชื่อใจคนแปลกหน้าง่ายๆอยู่แล้ว” ซูเซี่ยเอ๋อไม่คิดปิดบัง

 

เธอมองเย่เฟย์หยู ขณะเดียวกัน ทัศนคติที่มีต่ออีกฝ่ายก็ดูจะกลายเป็นใกล้ชิดมากขึ้น

 

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ความสัมพันธ์ระหว่างชายคนนี้กับกู่ฉิงซานนับว่าค่อนข้างดีทีเดียว

 

“นายต้องการให้ฉันทำอะไร? ฉันจะช่วยอะไรนายได้บ้าง?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถาม

 

“ไม่ใช่ช่วยเฉพาะฉัน แต่ช่วยพวกเรา”

 

เย่เฟย์หยูกล่าวต่อ “กู่ฉิงซานพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อให้ทั้งสองโลกผสานรวมเข้าด้วยกัน และเขาคงไม่ต้องการที่จะเห็นว่าทุกสิ่งที่ทุ่มเทไปมันตกอยู่ในความวุ่นวาย”

 

“เขาได้จัดตั้งระบบ เฟ้นหาและคิดค้นเทคนิคฝึกยุทธออกมา เฝ้าเพียรพยายามอย่างหนักเป็นเวลานานจนสร้างมันขึ้นมาได้สำเร็จ”

 

“และตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเราเลยหวังว่าเธอจะมีใจช่วยดูแลโลกใบนี้เพื่อเขาบ้าง”

 

ซูเซี่ยเอ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง

 

ครั้งหนึ่ง ตนเองก็เคยได้รับเทคนิคฝึกยุทธมาจากกู่ฉิงซานมาเหมือนกัน

 

แต่น่าเสียดาย ที่เธอดันสูญเสียมันไปซะแล้ว

 

ส่วนเรื่องที่กู่ฉิงซานพึ่งจะทำเมื่อเร็วๆนี้ เธอก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวโดยละเอียดจากอาวุธปรภพแล้ว

 

พอลองย้อนนึกดูดีๆ ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่ากู่ฉิงซานพยายามมากเพียงใดเพื่อที่จะปกป้องโลกใบนี้เอาไว้

 

ทุกสิ่งอย่างในตอนนี้ ล้วนเกิดขึ้นมาจากความพยายามของกู่ฉิงซาน

 

เมื่อความคิดนี้บังเกิดขึ้นในจิตใจ ซูเซี่ยเอ๋อก็พยักหน้าอย่างแรง “ตกลง ฉันจะช่วยเอง”

 

สีหน้าของหลายคนเริ่มเผยถึงความสนใจ

 

ได้ยินแค่เพียงน้ำเสียงหนักแน่นของซูเซี่ยเอ๋อที่เปล่งออกมา “นับจากช่วงเวลานี้ไป ฉันในฐานะจ้าวมณฑลของเก้าตระกูลใหญ่ ขอยินยอมรับผลการหารือ ด้วยหวังว่าคนชั่วร้ายเหล่านั้นจะถูกตีตรวนโดยกฏหมาย และไม่สร้างความวุ่นวายให้แก่โลกใบนี้อีก”

 

ประธานาธิบดีกับเวโรน่ามองหน้ากันวูบหนึ่ง และเห็นถึงความปิติในแววตาของอีกฝ่าย

 

หากเก้าตระกูลยินดีที่จะร่วมมือกับสองประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกแล้วล่ะก็ กฏหมายของโลกใบนี้ย่อมจะต้องถูกฟื้นฟูกลับคืนมาอย่างแน่นอน

 

ต่อให้เป็นตัวตนที่ทรงพลังเพียงใด พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะต่อกรกับสามยักษ์ใหญ่ได้หรอก

 

ระบบกฏหมายของโลก จะได้รับการคุ้มครองและกลับมามั่นคงอีกครั้ง

 

“งั้นพวกเราก็คงจะได้ข้อสรุปของการประชุมนี้แล้วสินะ” ประธานาธิบดีถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

 

แต่ในเวลานั้นเอง จอม่านแสงก็ดันปรากฏขึ้นบนสมองควอนตัมของทุกคนซะก่อน

 

เห็นแค่เพียงจ้าวมณฑลจากทั้งเก้าตระกูลใหญ่กำลังนั่งพร้อมหน้าพร้อมตาแถลงข่าว

 

พร้อมกับเสียงอิเล็กทรอนิกส์ของหญิงสาวที่ฟังดูไพเราะดังขึ้น

 

“นี่คือการออกอากาศฉุกเฉิน ด้วยสองข่าวสำคัญระดับชาติ”

 

“ทางเก้าตระกูลจากรัฐบาลกลาง ได้ทำการออกแถลงข่าวสำคัญร่วมกันทั้งสิ้นสองเรื่อง”

 

“เรื่องแรก นับจากนี้ไป อาวุธทั้งหมดจากปรภพจะต้องถูกส่งคืนมาให้เก้าตระกูลใหญ่ หากใครยินยอมมอบมันให้ด้วยตนเอง ก็จะได้รับแต้มเครดิตเป็นรางวัล ขณะเดียวกัน คนที่ต่อต้านก็จะถูกจับกุมทันที”

 

“อีกเรื่องก็คือ ทางเก้าตระกูลได้แถลงการยืนยันแล้วว่า 64 ตัวตนทรงพลังจากทั้งหมดใน 100 อันดับแรกได้เข้าร่วมกับทางเก้าตระกูลแล้ว – และทางเก้าตระกูลจะทำการก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธขึ้น”

 

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ในสมองควอนตัมหยุดลง

 

ซูเซี่ยเอ๋อตกตะลึงจนนิ่งงันไป

 

แต่ในขณะนั้นเอง ร่างของมาดามซูก็ก้าวออกมาปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

 

มาดามซูเริ่มที่จะเอ่ยในนามตัวแทนของตระกูลซู

 

“การก่อตั้งสหพันธ์พันธมิตรแห่งผู้ฝึกยุทธ นั่นหมายถึงการมีชีวิตอยู่เหนืออำนาจรัฐทั้งปวง นับตั้งแต่วันนี้ไป เก้าตระกูลใหญ่จะแบกความรับผิดชอบและหน้าที่ที่จะนำพาโลกก้าวไปข้างหน้าเอง”

 

“ทางเก้าตระกูลจะรื้อกฏหมายขึ้นใหม่เพื่อให้มันสอดคล้องไปกับทิศทางการพัฒนาโลก”

 

ซูเซี่ยเอ๋อเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ

 

ขณะที่ภายในห้องไม่มีใครพูดอะไรเลย

 

ทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์ของซูเซี่ยเอ๋อกับกู่ฉิงซานดี ดังนั้นจึงตระหนักดีว่ามันไม่เหมาะสมจริงๆที่จะพูดอะไรในเวลานี้

 

ซูเซี่ยเอ๋อกัดริมฝีปากตน และปิดสมองควอนตัมของเธออย่างเงียบๆ

 

“นายเรียกว่า … เย่เฟย์หยูใช่ไหม?” ซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยถามทันที

 

“ใช่ ฉันชื่อเย่เฟย์หยู”

 

“กู่ฉิงซานปฏิบัติกับนายเสมือนในฐานะน้องชายเสมอมา ตรงจุดนี้นายก็รู้ดีใช่ไหม?”

 

“ใช่ เขาดูแลฉันเป็นอย่างดี แล้วฉันก็สลักมันไว้ในหัวใจไม่เคยลืมเลือน”

 

“ดีมาก”

 

ซูเซี่ยเอ๋อทำสีหน้าจริงจัง และจั่วไพ่ที่สาดประกายสีแดงเลือดออกมา

 

“นี่คือไพ่ที่ฉันได้รับมาในตอนที่เดินทางผ่านเมืองปีศาจ มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนาย”

 

เย่เฟย์หยูโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “นี่ไม่จำเป็นหรอก เพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะให้รับของจากเธอมันคงไม่สมควร”

 

“ถ้านายใช้มัน นายจะช่วยฉิงซานได้มากขึ้น และอีกอย่างฉันก็เต็มใจให้นาย ถือซะว่านี่คือของขวัญในการพานพบครั้งแรกก็แล้วกัน” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

ว่าจบ เธอก็สะบัดไพ่ออกไปโดยไม่คิดชี้แจงใดๆ

 

ไพ่ลอยมาทางเย่เฟย์หยู

 

เย่เฟย์หยูเอื้อมมือออกไปคว้าจับมัน

 

ทว่าทันทีที่ไพ่สัมผัสกับมือเขา มันก็หายวับไปไม่อาจหาร่องรอยได้อีกเลย

 

เย่เฟย์หยูก้มลงมองมือตัวเองด้วยความประหลาดใจ และเริ่มตรวจสอบมัน

 

แต่กลับไม่พบอะไรเลย

 

แล้วไพ่ล่ะ หายไปไหนแล้ว?

 

“เย่เฟย์หยู นายปกป้องที่นี่เอาไว้ ถ้ากู่ฉิงซานกลับมา ก็ให้รีบแจ้งฉันทันที”

 

ซูเซี่ยเอ๋อผุดลุกขึ้น และเดินออกไปทางด้านนอกวิลล่า

 

และไม่มีใครรู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่คทาปรากฏขึ้นในมือของเธอ

 

ประตูถูกเปิด

 

แล้วซูเซี่ยเอ๋อก็ก้าวออกไป

 

“นั่นเธอกำลังจะไปที่ไหนกันน่ะ?” เย่เฟย์หยูตะโกนถามไล่หลัง

 

ซูเซี่ยเอ๋อไม่หยุดฝีเท้า แต่พูดโดยไม่หันกลับมามอง “ฉันจะต้องไปปกป้องโลกใบนี้เพื่อเขา”

 

ซางหยิงฮ่าวที่ไม่ได้ขยับอะไรมานาน ในที่สุดก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอก

 

“อะไร เกิดอะไรขึ้นหรอ?” เหลียวฮังลุกขึ้นตามไปเช่นกัน และเอ่ยถามเขา

 

“เธอเป็นผู้หญิงของกู่ฉิงซาน ถ้าเธอไปลุยกับเก้าตระกูลโดยลำพังแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นล่ะก็ หลังจากที่กู่ฉิงซานกลับมา ฉันจะไปสารภาพกับเขาว่ายังไง” ซางหยิงฮ่าวตอบอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่ใช่แค่นาย แต่พวกเราก็ด้วยต่างหาก” เย่เฟย์หยูกล่าวและก้าวตามซางหยิงฮ่าวไป

 

“ลุยกันเลย ประชาชนและกองทัพของรัฐบาลกลางนอกเหนือไปจากพวกชนชั้นสูงจะสนับสนุนพวกเธอเอง” ประธานาธิบดีกล่าว

 

แล้วสมองควอนตัมในมือเขาก็สาดแสงขึ้นทันใด เพื่อเริ่มทำการเชื่อมต่อกับเทพธิดากงเจิ้ง

 

ขณะที่เวโรน่าก็หยิบสมองควอนตัมออกมาเช่นกัน เพื่อเริ่มเรียกใช้งานม่านเหล็ก

 

อาวุธจากปรภพก็พากันตะโกนว่าจะสนับสนุนซางหยิงฮ่าวและเย่เฟย์หยู

 

ฝูงชนเฮกันเดินออกจากวิลล่า

 

อย่างไรก็ตาม กลับเห็นแค่เพียงซูเซี่ยเอ๋อยืนอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งภายนอกวิลล่า และกำลังชูคทาขึ้นสูง

 

“นั่นเธอกำลังทำอะไรน่ะ?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง” ซางหยิงฮ่าวกล่าว

 

ได้ยินแค่เพียงเสียงพึมพำราวกระซิบของซูเซี่ยเอ๋อ

 

แล้วเธอก็ปักด้ามคทาลงกับพื้นดินอย่างแรง

 

ปัง!

 

ฝุ่งฟุ้งกระจาย แรงลมกวาดพวกมันออกไปทุกทิศทาง

 

ตามด้วยเสียงอันน่าเกรงขามที่ดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า

 

“จ้าวแห่งบัญญัติวินัยและการลงทัณฑ์ ผู้สืบทอดสายทะเลโลหิตจากตลอดทั้งหมื่นโลกา นายหญิงแห่งเกาะหมอก ข้าได้ตอบรับตามคำเรียกของท่านแล้ว”

 

ฝุ่นควันที่บดบังวิสัยทัศน์แยกย้ายออกไป

 

พร้อมกับมอนสเตอร์ในชุดเกราะหนาค่อยๆลดระดับลงมาจากฟากฟ้าอย่างช้าๆ

 

ร่างของมันมีความสูงเท่ากับภูเขาทั้งลูก บนศีรษะมีสองเขาแหลม ขณะที่เบื้องหลังมีคู่ปีกสีเทา คอยประคองการลดระดับลงจากฟ้าอย่างมั่นคง

 

“เจ้ามาได้ถูกเวลาจริงๆ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างบางส่วนคล้ายกับมนุษย์เปิดคู่ดวงตาตั้งฉากของมันออก แล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลง

 

มันเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม “นายหญิงที่เคารพ ต้องการให้เรียกกองทัพออกมาล้างบางสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้เลยหรือไม่?”