ตอนที่ 216 เมื่อมีเมียก็ลืมแม่

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 216 เมื่อมีเมียก็ลืมแม่

นี่เป็นครั้งแรกที่มีการฟ้องร้องหย่าในหมู่บ้าน ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อย

เรื่องนี้วุ่นวายไม่ใช่น้อย ทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นตกใจมาก รีบขึ้นเขาไปหาลุงของตนทันที

ลุงจี้กล่าวตอบอย่างเฉยเมย “ให้พวกเขาโวยวายกันไปเถอะ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงจะแยกจากเจี้ยนเหอจอมเกียจคร้านไม่ได้” จากคำพูดนั้นเห็นได้ชัดว่าลุงจี้ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก

ถึงลุงจี้จะเป็นคนพูดน้อย แต่ก็ไม่โง่ที่จะไม่เข้าใจว่าซูเจวียนต้องการแยกบ้านอยู่ และการขอหย่าคราวนี้เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ลูกชายคนรองหวาดกลัวได้ สุดท้ายหากเกิดการหย่าร้างขึ้นมาจริง ๆ ลูกชายของเขาคงต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไปจนตาย ไม่มีวันได้แต่งงานอีกครั้ง

“คุณลุงไม่ต้องกังวลนะครับ พี่ใหญ่ภรรยาผมนิสัยคล้ายเจี้ยนเหออยู่ เดี๋ยวถึงตอนนั้นผมจะทำสัญญาจ้างงานของสวนผลไม้ทั้งสองที่ มีตำแหน่งงานระยะยาวเยอะเลยครับ แล้วผมก็จะฝึกเจี้ยนเหอเหมือนกับที่สอนพี่ใหญ่ภรรยา เขาจะได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนสักที!” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดปลอบอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้

ลุงจี้ถึงกับยิ้มออกเมื่อได้ยิน “โอ้ อย่างนั้นก็ต้องรบกวนด้วยแล้ว!”

เมื่อก่อนพี่ใหญ่ภรรยาของเจี้ยนอวิ๋นนิสัยใช้ไม่ค่อยได้ เคยได้ยินมาว่าชอบผัดวันประกันพรุ่ง แต่ในตอนนี้กลับทำงานหนักมาก เขาได้ยินมาจากจี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งพูดหยอกเย้ากัน

ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่ภรรยาของเจี้ยนอวิ๋นคนนี้จะโดนอัดไปเป็นเวลาครึ่งเดือน พอเจอเจี้ยนอวิ๋นก็แทบจะวิ่งหนีไปเลย แถมยังไม่กล้าขี้เกียจอีกแล้วด้วย นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดี

ในตอนนี้เขาคุ้นชินทุกอย่างหมดแล้ว สิ่งที่สั่งให้เขาทำก็ทำจนหมดสิ้น ตัวเขาเองก็สามารถหางานอย่างอื่นทำได้ ไม่ปล่อยให้ตัวเองโดนน้องเขยไล่อัดเพราะความขี้เกียจอีกแล้ว

พอได้ยินจี้เจี้ยนอวิ๋นพูดแบบนี้ ลุงจี้ก็สบายใจและเริ่มทำงานของตัวเองต่อ

ถึงที่บ้านจะไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เดือนนี้เขามีเงินเหลืออยู่ 35 หยวน เก็บไว้ที่ตัว 15 หยวน เอากลับไปให้ที่บ้าน 20 หยวน อีกอย่างอยู่บ้านจะปล่อยให้ตัวเองหิวได้อย่างไรล่ะ?

เพราะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่บ้าน ลุงจี้จึงต้องดูแลสัตว์ต่าง ๆ บนภูเขาด้วยความใส่ใจมากขึ้น สิ่งของภายในบ้านมีความเสียหายไปเยอะมาก ถ้ามีปัญหานี้บนภูเขาอีก เจี้ยนอวิ๋นจะสูญเสียไปอีกมากเท่าไรกันนะ?

ลุงจี้กำลังตั้งใจทำงานโดยไม่ได้สนใจเสียงโวยวายที่ดังออกมาจากบ้านที่เชิงเขา

ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ เพราะซูเจวียนกำลังข่มเจี้ยนเหอด้วยใบหน้าที่พร้อมหย่า สร้างแรงกดดันให้กับเจี้ยนเหอ ไม่ต้องพูดถึงเจี้ยนเหอเลย แม้แต่ป้าหลี่เองก็โดนแรงกดดันนี้ไปด้วย

“ทำอะไรกัน ทำอะไรกันอยู่เนี่ย เธอยังอยากรักษาชื่อเสียงตัวเองเอาไว้ไหม เธอหย่ากับเจี้ยนเหอแล้วเธอจะไปแต่งกับใครที่ไหนได้อีก?” แต่ด้วยนิสัยของป้าหลี่ที่ไม่รู้จักยอมแพ้ จึงโพล่งพูดออกไป

“ฉันหย่าไปแล้วจะไปแต่งกับใครที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่ต้องเป็นห่วง คุณแม่ก็ช่วยรีบคิดเรื่องหย่าของฉันสักที ให้ลูกชายคนดีของคุณแม่ไปทำร้ายลูกสาวบ้านคนอื่นเถอะค่ะ!” ซูเจวียนพูดขึ้น “รีบ ๆ หน่อย นี่คุณเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ขนาดเรื่องหย่าฉันยังต้องลากตัวคุณมาเองเลย”

“ไม่หย่า ผมไม่หย่า! ” จี้เจี้ยนเหอแค่นเสียงจากลำคอ

“หย่าไปเลย… แกต้องหย่ากับหล่อน ฉันคิดดูแล้ว แกหย่ากับหล่อนไปซะเถอะ หล่อนยังทำตัวดีไม่ได้ แต่กลับกล้ามากำเริบเสิบสานที่บ้านหลังนี้ ใครสั่งสอนให้แกเอาคนแบบนี้มาเป็นสะใภ้หา!” ป้าหลี่เอ่ยปากด่า

“แม่ อย่าสร้างปัญหาอีกสิ ซูเจวียนจะหย่ากับผมจริง ๆ แล้วนะ!” จี้เจี้ยนเหอหันไปพูดกับแม่ตน

ป้าหลี่กัดฟันเอ่ย “แกมันไม่มีอะไรดี แกไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าหล่อนเปลี่ยนแกไปเป็นตัวอะไรแล้ว แกยังไม่คิดจะเลิกกับหล่อนอีก หล่อนยังคิดว่าตัวเองเป็นสาวแรกรุ่นที่ยังไม่แต่งงานล่ะสิ พอหย่ากันไปแล้วจะไปแต่งงานใหม่อย่างดีก็ได้แต่งกับพวกคนแก่พิการอายุ 40 หรือ 50 ปีที่หาเมียไม่ได้เท่านั้นแหละ!” ป้าหลี่หัวเราะเสียงเย็นใส่ซูเจวียน

ซูเจวียนตอกกลับไป “คุณแม่คิดว่าสังคมสมัยนี้เหมือนกับสังคมสมัยก่อนเหรอคะ? ปีนี้ฉันอายุแค่ 24 เอง รอฉันหย่าเสร็จเรียบร้อยก่อนเถอะค่ะ ฉันจะออกไปหางานที่โรงงาน ฉันสามารถเลี้ยงตัวเองด้วยเงินมากกว่า 20 หยวนต่อเดือน ไม่ต้องแต่งกับใครก็ยังได้ ถึงจะแต่งก็จะเลือกให้ดีที่สุดเพื่อสามารถเลี้ยงดูฉันได้!”

“เธอก็รู้ว่าตัวเองอายุ 24 นี่ แต่งเข้ามาก็ใกล้จะ 2 ปีแล้ว ออกไข่สักฟองก็ยังไม่ได้!” ป้าหลี่พูดถึงข้อบกพร่องของอีกฝ่าย

“แบบนั้นคุณแม่คงต้องถามลูกชายของคุณแม่แล้วล่ะค่ะ ว่าเป็นเพราะเขาไม่มีน้ำยาหรือเปล่า ถึงทำฉันท้องไม่ได้สักที!” ซูเจวียนย้อนกลับไป

นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านมองด้วยความสนุกสนาน แม่สามีกับลูกสะใภ้กำลังก่อสงครามกันอยู่

“เจี้ยนเหอ เป็นแบบนี้แกยังจะเก็บหล่อนเอาไว้อีกงั้นเหรอ ดูสิ เหมือนเอาหน้าของแกมาเหยียบเล่น แกรีบไปหย่ากับหล่อนเลยนะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนอีกแล้ว!” ป้าหลี่โกรธมาก หันไปตะคอกใส่ลูกชายของตน

“แม่ก็อย่าโวยวายไปนักสิครับ ถ้าผมหย่ากับเจวียนจื่อแล้วผมจะไปแต่งกับใครที่ไหนล่ะ? ใคร ๆ เขาก็รู้กันไปทั่วว่าผมขี้เกียจ เพราะตอนแรกหล่อนไม่ได้รังเกียจผมหรอก แต่มาตอนนี้แม่จะให้ผมไปแต่งกับใคร?” จี้เจี้ยนเหอพูดออกมา

ซูเจวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณจะไปแต่งกับใครไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน รีบหย่ากับฉันเร็ว ๆ เข้า อยู่กับนังแก่อย่างคุณแม่ ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”

แม้แต่คำว่านังแก่ก็ถูกพูดออกมาแล้ว

“กะ…แก…” ป้าหลี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้ม

แต่คนที่ทำให้โมโหยิ่งกว่านั้นอยู่ข้างหลัง ในตอนนี้ลูกชายของนางก็เอ่ยขึ้น “เราแยกบ้านกันเถอะเจวียนจื่อ พวกเราแยกบ้านออกจากบ้านของพ่อกับแม่ แบบนี้คุณก็ไม่ต้องสนใจแม่ของผมแล้ว”

ป้าหลี่โมโหจนข่มอารมณ์ตัวเองไว้แทบไม่ได้ ลูกชายคนนี้ทำให้เรื่องมันยิ่งแย่ลง ถึงโมโหจนแทบจะลมจับ แต่ก็ยังเข้มแข็งฝืนตัวเองเอาไว้

“ฉันไม่คิดเลยว่าจะเลี้ยงหมาป่าตาขาวอย่างแกจนเสียข้าวสุก เมื่อมีเมียก็ลืมแม่ ประโยคนี้มันไม่เกินจริงเลย แยกบ้านงั้นเหรอ? เอาสิ พวกแกสองคนแยกไปตอนนี้เลยก็ยังได้ ส่วนแบ่งอะไรพวกนั้นก็อย่าได้คิด พวกแกสองคนไม่ได้ทำอะไร ต้นไม้ก็ปลูกไม่เป็น ตลอดปีที่ผ่านมาก็พึ่งพาแต่พ่อ แยกออกไปตอนนี้ พวกแกก็แยกออกไปได้แค่ตัวเท่านั้นแหละ!” ป้าหลี่พูดขึ้น

“แม่ ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ ผมเป็นลูกชายแม่นะ!” จี้เจี้ยนเหออดที่พูดขึ้นมาไม่ได้

“ฉันไม่มีลูกไม่รักดีอย่างแก!” ป้าหลี่ตวาด

“ดูสิคะ นั่นน่ะแม่ของคุณ แม่แท้ ๆ ของคุณ!” ซูเจวียนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา

จี้เจี้ยนเหอก็เริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว อะไรก็ไม่แบ่งให้เขาเลยสักอย่าง!

“บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าแยกบ้านไปแล้ว คุณจะเอาอะไรมาเลี้ยงฉัน ขอบอกคุณไว้เลยนะว่าคุณอย่าหวังให้ฉันจะเลี้ยงคุณเลย แม้แต่จะคิดก็ห้ามคิด คุณเลี้ยงฉันไม่ไหวหรอก ฉันจะทำยังไงกับคุณดี?”ซูเจวียนพูดกับจี้เจี้ยนเหอ

“ผมจะไปหาพี่เจี้ยนอวิ๋นว่ามีงานอะไรให้ผมทำบ้าง ผมจะไม่ทำให้คุณอดตายแน่นอน!” จี้เจี้ยนเหอพูดออกมาเพียงแค่ต้องการให้หล่อนอารมณ์เย็นลงก่อน

แต่หลังจากนี้… เดี๋ยวค่อยว่ากัน

“งั้นก็รีบไปถามเลยสิว่าพี่สามจะทำสวนเมื่อไหร่” ซูเจวียนว่า

“ได้!” จี้เจี้ยนเหอตอบรับเสียงดัง

“คุณต้องไปขอเงินจากแม่ของคุณด้วย เราจะไปตัวเปล่าแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีเงินแล้วเราจะกินอะไรกัน!” ซูเจวียนพูดขึ้น

“ผมจะไปตอนนี้เลย!” จี้เจี้ยนเหอว่าจบก็รีบวิ่งออกไป

จากนั้นก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันใหญ่ และในที่สุดจี้เจี้ยนเหอก็กลับมาพร้อมเงิน 10 หยวน

“ได้มาแค่นี้เองเหรอ” ซูเจวียนเอ่ยถาม

“เอามาจากมือแม่ของผมได้ 10 หยวนนี่เรียกว่าเยอะแล้วนะ” จี้เจี้ยนเหอว่า

“งั้นคุณก็ไปหาพี่สามว่าเมื่อไหร่จะทำสวนได้” ซูเจวียนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

จี้เจี้ยนเหอก็รีบไปหาจี้เจี้ยนอวิ๋น

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อยู่ตัวคนเดียวไปเถอะป้าหลี่ ลูกชายติดเมียไม่เอาแม่แล้ว

ไหหม่า(海馬)