ตอนที่ 217 เป้าหมายชีวิตของจี้เจี้ยนเหอ

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 217 เป้าหมายชีวิตของจี้เจี้ยนเหอ

“แยกบ้านแล้วใช่ไหมเนี่ย” จี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งใจฟังพวกเขาพูดจนจบถึงได้พูดออกมา

“ไม่แยกไม่ไหว ทะเลาะกันไม่มีใครยอมใครเลย” จี้เจี้ยนเหอพูดแบบผู้ชายคุยกัน

จี้เจี้ยนอวิ๋นคิดอยู่ในใจ นายคงโดนแม่นายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้วแน่ ๆ เขารู้ดีว่าป้าของเขาลำเอียงเข้าข้างลูกชายคนเล็กอย่างกับอะไรดี จี้เจี้ยนชวนที่เป็นลูกชายคนโตพอแต่งงานเสร็จก็แยกออกจากบ้านไปเลย เมื่อก่อนยังให้เงินเดือนละ 5 หยวนต่อเดือนจากเงินเดือนที่ได้มาด้วย แต่ป้าหลี่ใจแคบเกินไปชอบหาว่าเขาไม่กตัญญู

ทว่านางกลับไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงที่จี้เจี้ยนเหอเอาแต่ผลาญสมบัติในบ้าน มันเลยสร้างบาดแผลในใจให้กับจี้เจี้ยนชวน

และในตอนนี้แม้แต่เงิน 5 หยวน จี้เจี้ยนชวนก็ไม่คิดจะให้อีก

แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของคนอื่น จี้เจี้ยนอวิ๋นจะไม่เข้าไปยุ่ง เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “แล้วนายมาหาฉันทำไม ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่นะ”

“ผมรู้ว่าพี่สามยุ่ง แต่ผมไม่ได้มาหาพี่เพื่อให้พี่มองผมเฉย ๆ นะ มีอะไรพอที่จะให้ผมทำได้บ้างล่ะ?” จี้เจี้ยนเหอพูดอย่างรีบร้อน

“นายมาหาฉันเพื่อขอทำงานเหรอ มันไม่เหมาะกับนายหรอก งานที่นี่มันลำบากมากเลยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดไปหัวเราะไปด้วย

“ไม่กลัว ไม่กลัว ผมไม่กลัวความลำบากหรอก” จี้เจี้ยนเหอรีบตอบกลับ

“นายก็รู้ว่าตอนนี้ฉันเกษียณจากกองทัพแล้ว เมื่อก่อนเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาก็เยอะ ฉันเลยอยากหาคนที่มาฝึกกับฉันได้ ถ้านายยอม ตอนเช้าก็ไปรอฉันที่สวนของพ่อนาย ตอนเย็นก็ด้วยนะ ตอนเช้าจะฝึกสองชั่วโมง ตอนเย็นก็ฝึกอีกสองชั่วโมง” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่า “เดือนหนึ่งฉันจะให้นาย 30 หยวน”

“สี่ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน เดือนหนึ่งได้ 30 หยวนเลยเหรอครับ?” จี้เจี้ยนเหออุทานอย่างดีใจ

“ตามนั้นแหละ เห็นแก่ปู่ที่ฉันกับนายมีปู่คนเดียวกัน ไม่งั้นคงไม่ให้นายทำงานง่าย ๆ แบบนี้หรอก” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

จี้เจี้ยนเหอกลับไปอย่างพอใจ ซูเจวียนก็ทำหน้าสงสัยเมื่อเขาเล่าเรื่องนี้ให้หล่อนฟัง “มันมีงานดีขนาดนี้เลยเหรอ แค่ช่วยฝึกก็ได้เงินแล้ว?”

“แน่นอน พี่สามบอกกับผมเอง เพราะว่าเรามีปู่คนเดียวกันเขาเลยต้องดูแลผมไปด้วย” จี้เจี้ยนเหอพูดอย่างยิ้ม ๆ

ซูเจวียนคิดว่าแม่หล่อนพูดไว้ไม่ผิดเลย ญาติที่ดีมักจะหายากยามลำบากเสมอ

วันต่อมา จี้เจี้ยนเหอขึ้นเขาไปด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง

แต่พอกลับลงมาก็แทบจะคลานกลับเข้าบ้าน ร่างกายปวดร้าวไปหมด

ซูเจวียนเอ่ยถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้น”

“ผมโดนจี้เจี้ยนอวิ๋นหลอกเข้าให้แล้ว ใครว่าเขาให้ผมไปช่วยฝึกกัน เขาทำผมเหมือนเป็นกระสอบทรายต่างหาก!” จี้เจี้ยนเหอพูดอย่างอ่อนแรง

“ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงคะ ว่าไปช่วยเขาฝึกซ้อม” ซูเจวียนถามกลับไป

จี้เจี้ยนเหอคิดไม่ถึงว่าเมื่อคืนภรรยาของตนยังดี ๆ กับตนอยู่เลย “เจวียนจื่อ คุณเห็นผมโดนซ้อมมาขนาดนี้ ไม่ปวดใจบ้างเหรอครับ?”

“มีอะไรให้ต้องปวดใจคะ เจ็บแค่นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง ตอนเย็นคุณก็ต้องไปด้วยนะคะ เดือนหนึ่งได้เงินตั้ง 30 หยวนเลยนะ รายได้ดีทีเดียวเชียว” ซูเจวียนไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด

ตอนที่หล่อนกลับไปบ้านเมื่อคราวก่อน หล่อนก็ได้ไปหาพี่สะใภ้ใหญ่ซู แต่พี่สะใภ้ใหญ่ซูก็โดนอบรมมาเป็นอย่างดี รู้เรื่องความเน่าเฟะของครอบครัวเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะพูดออกมา กลับโอ้อวดใส่หล่อนว่าซูจิ้นจวินนั้นมีความรับผิดชอบ รู้ว่าต้องหาเงินมาเลี้ยงภรรยาและลูก

จริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่เคยได้ถาม แต่ก็โดนอวดกลับมาก่อน

หล่อนเคยได้ยินมาว่า ช่วงแรก ๆ ซูจิ้นจวินโดนน้องเขยสั่งสอนมวยทหารทุกวัน หลังจากสอนมวยทหารเสร็จแล้ว เขาก็โตมากพอที่จะเริ่มหางานทำ

ตอนแรกซูเจวียนก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เห็นแล้วว่าผู้ชายของตัวเองน่าสังเวชแค่ไหน ซูเจวียนก็พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้าง เริ่มแรกซูจิ้นจวินไม่ว่างานอะไรก็ยินดีทำไปหมด มันก็เป็นเพราะการฝึกฝนจากน้องเขยนั่นเอง

และในตอนนี้วิธีพวกนั้นก็กลับมาใช้กับผู้ชายของหล่อนจนได้

สุดท้ายแล้วเขาก็คือผู้ชายของหล่อน พอเห็นเขาน่วมขนาดนี้ซูเจวียนก็ทนดูต่อไปไม่ไหว ไปหายามาทาให้เขา

จี้เจี้ยนเหอเอาแต่ร้องโอดโอยตลอดเวลา

“เลิกแสดงได้แล้วค่ะ ฉันดูแล้วไม่เห็นคุณจะเจ็บตรงไหนเลย” ซูเจวียนคิดว่าโดนซ้อมมาอย่างหนัก แต่พอถอดเสื้อเขาออก เห็นว่ามีจุดเขียว ๆ อยู่แค่สองที่ ตรงอื่นก็ยังเหมือนเดิม หล่อนเลยพูดสวนขึ้นมา

“คุณไม่รู้อะไร จี้เจี้ยนอวิ๋นมีฝีมือดีมาก เขาต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ยิ่งกลับมาจากค่ายทหารก็ยิ่งฝีมือดีกว่าเก่า ผมออกหมัดไปยังไม่ถึงสองครั้งเลย ก็โดนเขาสอยร่วงแล้ว เขาเตะเข้ามาที่ตัวผมตรง ๆ โดยที่ไม่รู้สึกอะไรสักนิด คุณว่าผมน่าสงสารพอไหมล่ะ” จี้เจี้ยนเหอพูดเหมือนจะร้องไห้ออกมาด้วย

เขาส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนาตอนอยู่บนเขา พ่อของเขากำลังทำอาหารอยู่ข้าง ๆ แต่กลับไม่มองเขาเลยสักนิด โหดร้ายที่สุดเลย

ไม่เพียงเท่านั้น ตอนที่เขาจะลงจากเขาก็เดินไปวน ๆ รอบตัวของผู้เป็นพ่อ ให้พ่อได้เห็นว่าลูกชายของตัวเองน่าสงสารขนาดไหน แต่พ่อเขากลับมองเฉย ๆ แล้วพูดกลับมานิ่ง ๆ ว่า “ช่วยพี่สามเขาฝึกดี ๆ ล่ะ เขาดูแลกิจการตั้งมากมาย จะให้ฝีมือการต่อสู้ของเขาขึ้นสนิมไม่ได้นะ”

ฟังดูสิ นั่นใช่พ่อแท้ ๆ เขาไหม?

ส่วนจะไปหาแม่ของเขาน่ะหรือ… ลืมมันไปเสียเถอะ เขาเพิ่งขอเงิน 10 หยวนจากนางเมื่อวานนี้ นางกลับมองเขาด้วยสายตาเชือดเฉือนคมกริบ เพราะแบบนี้เขาเลยกลับมาร้องไห้กับภรรยาของตัวเองแทน

ถึงจะไม่มีคำปลอบใจก็เถอะ

“เพื่อเงิน 30 หยวนต่อเดือนแล้ว คุณจะต้องไป ไปทุกวันเลยด้วย โดนซ้อมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเองค่ะ” ฟังสิ นี่แหละสิ่งที่ภรรยาบอกกับเขาในระหว่างที่กอดเขาอย่างอ่อนโยนเมื่อคืนนี้!

“พวกคุณทุกคนไม่เห็นว่าผมเป็นคนเลยหรือไง?” จี้เจี้ยนเหอกอดหมอนแล้วพูดขึ้นมา

“คุณพูดอะไรของคุณ? พอได้แล้วค่ะ กลางวันนี้ฉันจะทำของอร่อย ๆ ให้กินแล้วกันนะ” ซูเจวียนพูดขึ้น

อาหารกลางวันรสชาติใช้ได้เลย หล่อนเริ่มทำอาหารด้วยตัวเอง เริ่มจากไปซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวมาเมื่อเช้านี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้ของร่วมกับนังแก่คนนั้น

พอกินเสร็จจี้เจี้ยนเหอก็เข้านอน พอใกล้จะเคลิ้มหลับก็โดนซูเจวียนปลุกขึ้นมา “ใกล้ได้เวลาขึ้นเขาแล้วนะคะ รีบไปสิ”

“คุณ ผมขอนอนอีกหน่อยเดี๋ยวค่อยไปได้ไหม” จี้เจี้ยนเหอเริ่มอิดออด

แต่ความขี้เกียจก็ใช้ไม่ได้ผล ซูเจวียนปลุกเขาจนตื่น พอใกล้จะหกโมงครึ่ง จี้เจี้ยนเหอก็กลับมาในสภาพหมดอาลัยตายอยากมาก

ทางจี้เจี้ยนเหอนั้นดูมืดมน ส่วนทางซูตานหงเอาแต่บ่นอยู่ “คุณบอกว่าคุณยุ่งทั้งวัน แต่เอาเวลาที่ไหนไปสนใจเขา ถ้าจะเอาเวลาไปสนใจเขาก็ทำงานให้เสร็จก่อนสิคะ ช่วงหน้าหนาวก็ไม่มีอะไรทำแล้ว”

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มออกมา “ตอนนี้ซูจูเหมากับสวี่เหอซานก็รับช่วงต่อแล้ว ผมก็ไม่มีอะไรทำ ฝึกฝนตัวเองหน่อยมันก็ดี”

ระหว่างที่ซูตานหงรอเขา เธอก็ดื่มชาดอกสายน้ำผึ้งฆ่าเวลา เธอไม่รู้เรื่องในหมู่บ้านว่าจี้เจี้ยนเหอนั้นแยกบ้านออกมาแล้ว ทั้งสองไม่มีเงิน จี้เจี้ยนเหอก็เลยมาหาพวกเธอ

สามีของเธอจัดการเรื่องนี้เอง แต่มันกลับไม่เหมือนของพี่ชายเธอ

ตอนเช้าหลังจากที่ฝึกจี้เจี้ยนเหอเสร็จก็ต้องไปเดินดูที่อ่างเก็บน้ำ ตอนกลางวันกินเสร็จก็นอน และก็ต้องไปที่ห้างสรรพสินค้า แถมยังเดินดูทุ่งนาอยู่บ่อย ๆ ยังจะหาเวลาไปสอนจี้เจี้ยนเหออีกเหรอ เธอทนไม่ได้หรอก

“พรุ่งนี้ตอนที่ซ้อมก็พาเหรินเหรินกับฉีฉีไปด้วยนะคะ ให้สองพี่น้องได้เห็น ถ้าเป็นเด็กไม่รู้จักโต คุณจะต้องสอนพวกเขาแบบนั้น” ซูตานหงว่า

ไม่มีเหตุผลที่จะทำมันถ้าไร้ซึ่งเป้าหมาย

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เหมือนเลี้ยงเด็กโข่งคนหนึ่งเลยค่ะ จะกลับตัวมาขยันเหมือนซูจิ้นจวินได้ไหมนะ

ไหหม่า(海馬)