บทที่ 201 ข้าล่าสัตว์มาเจ้าทำอาหาร

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

เชือกยาวๆ เส้นหนึ่งพันอยู่บนร่างพั่งจื่อที่เคลื่อนไหวไม่ได้และลอยอยู่นอกเกาะลอยได้ ปลายเชือกด้านหนึ่งอยู่ในมือจินเฟยเหยา บางครั้งนางยังเป่าลมใส่พั่งจื่อ พอลมพัดผ่านไปบนร่างพั่งจื่อก็มีฝุ่นธุลีสีเหลืองฟุ้งขึ้นมา และลอยตามลมไปไกล

พั่งจื่อคิดจะดิ้นรน เนื่องจากก่อนหน้านี้ผลาญใช้พลังมากเกินไปร่างกายจึงขยับเขยื้อนไม่ได้สักนิด

ตามฝุ่นธุลีสีเหลืองที่ค่อยๆ ลอยไปไกล ไกลออกไปมีจุดสีดำๆ หลายจุดบินมาทางนี้อย่างรวดเร็ว

“มาแล้ว!” จินเฟยเหยาพลันยืนขึ้น ปล่อยทงเทียนหรูอี้สองชิ้นออกไปแล้วเตรียมรับมือ

ครู่หนึ่งจุดสีดำหลายจุดก็เข้ามาใกล้ สิ่งที่มาคือมังกรจือโม่ขั้นหกสามตัวและมังกรหยกชาดสองตัวที่อยู่ขั้นเดียวกัน เป้าหมายของพวกมันคือพั่งจื่อที่ถูกเชือกมัดไว้

มังกรห้าตัวเห็นพั่งจื่อที่มีรูปร่างใหญ่โตแต่ไกล ไม่เข้าใจอยู่บ้างว่านี่คือตัวอะไร เหตุใดจึงส่งกลิ่นหอมเย้ายวนของร่างมังกรเพศเมีย มังกรห้าตัวไม่เข้าใจว่านี่คือตัวอะไร จึงวนเวียนรอบตัวพั่งจื่อ

“เก็บ!” จินเฟยเหยายกนิ้วขึ้น ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ ครู่หนึ่งก็ห่อหุ้มพั่งจี่อและมังกรห้าตัวไว้ จากนั้นนางก็เก็บเชือกยาว พั่งจื่อหยิบยืมพลังวิญญาณของจินเฟยเหยาหดร่างเล็กลงหลบหนีออกมาทางรูตาข่าย ส่วนมังกรห้าตัวที่ถูกตาข่ายปกคลุมดิ้นรนอย่างรุนแรงทันที

จินเฟยเหยาควบคุมตาข่ายทงเทียนหรูอี้ลากมังกรห้าตัวหมุนวนรอบเกาะลอยได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นทงเทียนหรูอี้อีกชิ้นหนึ่งกลายเป็นโล่ขนาดใหญ่ที่มีหนามแหลมคมงอกขึ้นเต็มไปหมดตั้งอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง ตาข่ายทงเทียนหรูอี้หยิบยืมแรงเหวี่ยงลากมังกรห้าตัวกระแทกลงบนโล่

ได้ยินเพียงเสียงดังฉึกรางๆ มังกรห้าตัวกระแทกลงบนหนามแหลมคมของโล่อย่างหนักหน่วง เสียงร้องคำรามของมังกรดังสะท้อนถึงชั้นเมฆ ทำให้ลูกมังกรตัวเล็กๆ ยาวหนึ่งจั้งที่ว่ายวนอยู่รอบๆ ตกใจและหลบหนีไปโดยไม่เหลือแม้แต่เงา

ได้ยินเสียงมังกรร้องโหยหวนจินเฟยเหยาก็ไม่หวั่นไหว ใช้การรับรู้ควบคุมตาข่ายทงเทียนหรูอี้ลากพวกมันหมุนอีกครั้ง โลหิตมังกรตรงบาดแผลถูกนางสะบัดไปทั่ว โลหิตมังกรสีแดงและสีดำปริมาณมากสาดบนบอลแสงของเกาะลอยได้ราวกับวาดภาพม้วนหนึ่ง

จินเฟยเหยาไม่ได้ใช้โล่หนามเพียงอย่างเดียว เพิ่งออกจากบนโล่ ทงเทียนหรูอี้ด้านนั้นก็กลายเป็นกระบองขนาดใหญ่ในพริบตาและพุ่งปราดมารออยู่อีกด้านหนึ่ง

เป็นทั้งกระบองเป็นทั้งโล่หนาม มังกรห้าตัวถูกจินเฟยเหยาทรมานหลายรอบจนตาย สุดท้ายถูกนางนำตานสัตว์ปิศาจออกมาแบบเลือดเนื้อเลอะเลือน ทว่านางไม่ต้องการเนื้อมังกรเหล่านี้เลยสักนิด ทิ้งเนื้อทั้งหมดไว้ด้านนอกเกาะลอยได้ สามารถล่อมังกรหมอกจอมฉวยโอกาสมาได้พอดี

“ผู้อาวุโส นี่ตานสัตว์ปิศาจ” จินเฟยเหยานำตานสัตว์ปิศาจโยนเข้าไปในรัศมีสิบจั้งราวกับให้อาหารเป็ดและไก่ที่เลี้ยงไว้

หลายวันนี้ใช้ผงปลุกกำหนัดก็ตกมังกรได้แย่มาก แต่ละวันได้ไม่ถึงสิบตัว นอกจากมังกรรอบด้านถูกสังหารเกือบหมดแล้ว ขอบเขตการกระจายของผงปลุกกำหนัดก็เป็นสาเหตุใหญ่ที่กระทบต่อประสิทธิภาพ

มารดำเงยหน้าขึ้นมองนอกเกาะลอยได้ เนื้อมังกรที่แหลกเละไหลลงมาตามบอลแสงราวกับดินโคลน นัยน์ตามังกรที่ยังไม่แตกปะปนอยู่ในนั้น ดูแล้วสกปรกจนแทบทนไม่ไหว

ราวกับเลือกใช้แรงงานผิดคน มารดำครุ่นคิดแล้วเอ่ยกับจินเฟยเหยาที่กำลังคำนวณว่ายังต้องได้ตานสัตว์ปิศาจอีกมากเพียงใดวันนี้จึงสามารถพักผ่อนได้ “ประสิทธิภาพของเจ้าต่ำเกินไป ข้าตัดสินใจให้เจ้าออกไปล่ามังกร ถ้าล่าได้ปริมาณไม่มากพอก็ห้ามกลับมากินข้าว”

จินเฟยเหยามองเขาอย่างตกตะลึง “ผู้อาวุโส ท่านอำมหิตเกินไปแล้ว ข้ายังต้องดูแลกบสองตัวนี้นะ ท่านให้ข้าออกไปแล้วพวกมันจะทำอย่างไร”

“ดูแล? เจ้าทาผงปลุกกำหนัดบนร่างมัน จากนั้นใช้มันเป็นเหยื่อล่อข้างนอก นี่เรียกว่าดูแล?” มารดำส่งเสียงขึ้นจมูกโดยไม่แสดงความเห็น ไม่บอกว่าเจ้าทรมานสัตว์ภูติก็ถือว่าดีแล้ว ยังพูดเรื่องดูแลอะไรอีก

“ข้ายังใช้เชือกผูกมันไว้มิใช่หรือ พอมีอันตรายก็จะดึงกลับมา” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างมีโทสะ นางหิ้วผงปลุกกำหนัดที่นำมาจากเรือศิลาทะเล ยังมีท่าทางไม่พอใจ ตั้งแต่จอมมารหลงรู้ว่าผงสีเหลืองในกระเป๋าเก็บของมีฤทธิ์ดึงดูดสัตว์ปิศาจได้ก็แย่งชิงไปครึ่งหนึ่ง เป็นถึงขั้นแปลงจิตไม่ไปหลอมสร้างของเล่นประเภทนี้เองกลับมาแย่งชิงของคนอื่น

มารดำไม่ฟังคำพูดตลบตะแลงของนาง พอลุกขึ้นยืนไอดำก็พุ่งเข้าหาจินเฟยเหยาและม้วนถุงเฉียนคุนบนเอวของนางไปอย่างรวดเร็ว

“อ๊า! ท่านต่ำช้าเกินไปแล้ว!” จินเฟยเหยาร้องเสียงดัง

เพื่อป้องกันจอมมารหลงแย่งชิงถุงเฉียนคุนไปอย่างเหนือความคาดหมายอีก จินเฟยเหยาจึงซ่อนถุงเฉียนคุนทั้งหมดไว้ในอก บนเอวเพียงแขวนถุงและกระเป๋าเก็บของไว้ ทั้งหมดในนั้นเป็นเนื้อและผลไม้ที่สะสมในเจตจำนงหกเหลี่ยม เนื้อมังกรในบริเวณฮุ่นตุ้นทั้งเปรี้ยวทั้งเหม็นและแก่ชราอย่างยิ่ง ใช้เป็นอาหารไม่ได้เลยสักนิด

สำหรับนางที่มีกระเพาะขนาดใหญ่ในยามนี้ ถุงเฉียนคุนคือชีวิตจิตใจของจินเฟยเหยา ชีวิตจิตใจถูกแย่งชิงไปจะไม่ให้นางปั่นป่วนได้อย่างไร

ไอดำกลับไปถึงร่างมารดำ เขาถือถุงเฉียนคุนของจินเฟยเหยาแล้วเอ่ย “ใช้ตานสัตว์ปิศาจมาแลกอาหาร เจ้าไม่ต้องห่วงว่าอาหารด้านในจะไม่เพียงพอ ข้าจะเอาจากในเจตจำนงหกเหลี่ยมมาเสริมให้เจ้า แน่นอนว่าถ้าเจ้าอยากกินเนื้อมังกรเหล่านั้น ไม่ต้องนำตานสัตว์ปิศาจกลับมาก็ได้”

เจตจำนงหกเหลี่ยม! จินเฟยเหยานึกขึ้นได้ ตอนตนเองออกมาจากเจตจำนงหกเหลี่ยมเป็นฤดูหนาวพอดี ตอนนี้ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ผลไม้รสชาติอร่อยและสัตว์ปิศาจนุ่มลื่นเหล่านั้นจะเติบโตในไม่ช้า จอมมารหลงชั่วร้ายที่สุด จงใจใช้การข่มขู่อันต่ำช้า ไร้เหตุผลสิ้นดี!

“ถือว่าท่านอำมหิต!” จินเฟยเหยากัดฟัน โยนพั่งจื่อและต้านิวทิ้ง นำพรมบินออกมาแล้วพุ่งปราดออกจากเกาะลอยได้ สุ่มหาทิศทางหนึ่งแล่นออกไป

“จุดอ่อนปัญญานิ่ม” มารดำวางถุงเฉียนคุนในมือลงข้างตัว นั่งขัดสมาธิจ้องมองเตาหลอมยาต่อ

จากวันนั้นเป็นต้นมา จินเฟยเหยาก็ร่อนเร่ไปทั่วบริเวณฮุ่นตุ้น เห็นสิ่งใดก็สังหารสิ่งนั้นอย่างดุร้าย ถึงเวลาส่วนใหญ่นางจะไล่ล่าสังหารมังกร ทว่าปกติก็มีช่วงเวลาที่ถูกมังกรป้าเฟิงขั้นแปดและมังกรอิ๋นโหยวขั้นเจ็ดไล่ล่าจนต้องหลบหนีไปทั่ว

ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่า พั่งจื่อฟื้นตัวเกือบหายสนิทแล้ว มันก็ถูกจินเฟยเหยาลากออกไปอย่างไร้ปราณี และทำงานอย่างหนักในบริเวณฮุ่นตุ้นเพื่อประโยชน์ของปากท้อง

อีกสองเดือนต่อมาต้านิวก็ฟื้น จินเฟยเหยาเก็บตานสัตว์ปิศาจหลายเม็ดจากในซอกฟันให้มันกินบำรุงร่างกายและเลื่อนขั้น มันไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ เลื่อนขั้นไปทีละขั้นจนทะลวงขั้นห้า

มองต้านิวที่มีผิวพรรณเรียบลื่น สีหยกขาวตลอดร่าง บนหน้าผากมีมุกลึกลับสีสันสดใสงอกออกมา พั่งจื่อรู้สึกได้ถึงอันตราย มันมีความรู้สึกว่าถ้าพลังการบำเพ็ญเพียรของตนเองไม่เพิ่มขึ้น สุดท้ายคนที่ต้องซักผ้าทำอาหารอาจจะเปลี่ยนเป็นตนเอง การบรรลุขั้นห้าและบนหัวงอกมุกสีสันสดใสกลายเป็นเป้าหมายของพั่งจื่อ มันยิ่งพยายามล่าสังหารมังกรมากขึ้น ถึงไม่ได้กินตานสัตว์ปิศาจ เนื้อมังกรก็สามารเพิ่มพลังการบำเพ็ญเพียรได้

พั่งจื่อกินเนื้อมังกรอย่างเอาเป็นเอาตาย ต้านิวก็ไปเป็นเพื่อนมัน สุดท้ายคิดไม่ถึงว่ากบสองตัวจะแย่งเนื้อมังกรกัน

มีพวกมันสองตัวช่วยเหลือ ต่อให้พบมังกรอิ๋นโหยวสองตัวจินเฟยเหยาก็ไม่ต้องหนีและสามารถจับตัวพวกมันได้ เดิมทีมังกรป้าเฟิงและมังกรชางหวงอวี้มีปริมาณน้อยมาก จึงไม่กลัวว่าวิ่งไปไกลจนพบเข้า

ต่อมา โดยพื้นฐานแล้วสองสามวันจินเฟยเหยาจึงกลับไปที่เกาะลอยได้ครั้งหนึ่ง กลับมาก็เทตานสัตว์ปิศาจห่อใหญ่ออกมาแลกเปลี่ยนกับอาหารพร้อมทานแล้วจึงสะบัดก้นจากไป

เนื่องจากยุ่งมาก นางจึงไม่ได้ครุ่นคิดว่าอาหารที่สุกแล้วเหล่านี้ผู้ใดเป็นคนทำ จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่จินเฟยเหยากลับมาถึงเกาะลอยได้เห็นมารดำกำลังใช้เพลิงแท้สีดำสนิทย่างเนื้อ นางจึงเข้าใจว่าเพราะเหตุใดเนื้อเหล่านั้นจึงรสชาติแย่นัก ฝีมือทำอาหารเทียบนางไม่ได้ ยังกล้าย่างให้คนอื่นกินอีก

วันเวลาผ่านไปราวกับติดปีก ในบริเวณฮุ่นตุ้นที่ไม่มีกลางวันและกลางคืน จินเฟยเหยาจำไม่ได้ว่าตนเองอยู่มานานเพียงใดแล้ว

เมื่อจอมมารหลงเก็บร่างแยกมารดำกลับคืนและเปิดประตูกระท่อม จินเฟยเหยาแทบจะร่ำไห้ด้วยความปีติยินดี

“ท่านปู่มันเถอะ ในที่สุดข้าก็สามารถหลุดพ้นวันเวลาที่มืดมิดไร้แสงตะวันได้ วันหน้าถ้าข้าไปโลกเผ่ามารอีก ข้าจะตบบ้องหูตนเอง ถึงตายก็ไม่ไป คนเผ่ามารน่าชังเกินไปจริงๆ” จินเฟยเหยาที่โทรมไปทั้งตัวมีสีหน้ายินดีอย่างอดไม่อยู่

นางออกไปล่ามังกรตลอดเวลา ชุดอาคมชั้นยอดสามชุดและชุดอาคมที่ปู้จื้อโหยวมอบให้ชุดนั้นล้วนสวมใส่จนขาดวิ่น ถ้านางไม่ได้หาเวลาว่างมาใช้เพลิงแท้หลอมซ่อมแซมเกรงว่าเสื้อผ้าคงขาดจนก้นถูกลมพัดแล้ว

เทียบกับจอมมารหลงที่ปิดด่านกักตนรักษาบาดแผลอยู่ตลอดเวลา สีหน้าเขามีเลือดฝาด จิตใจปลอดโปร่ง เสื้อคลุมสีดำใหม่เอี่ยมสวมอยู่บนร่าง เวลาเดินฝุ่นไม่ร่วงเลยสักนิด เทียบกับเขาแล้ว จินเฟยเหยาและกบสองตัวที่อยู่ด้านข้างสกปรกมอมแมม ทางซ้ายเขียวช้ำ ทางขวามีบาดแผล และมีสีหน้าเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ดูแล้วเหมือนขอทานสามคน

จอมมารหลงมองพวกนางสามคน พยักหน้าเอ่ยชมเชย “ทำได้ไม่เลว ใช้เวลาเพียงหกสิบปี เจ้าก็สามารถฟื้นฟูพลังการบำเพ็ญเพียรที่ถดถอยไปสามพันกว่าปีของข้ากลับคืนมาได้ ข้าประทานเกาะลอยได้แห่งนี้ให้เจ้า และจะแสดงความเมตตาส่งเจ้าออกจากบริเวณฮุ่นตุ้นไปยังโลกเผ่ามนุษย์อีกครั้ง”

“อะไรนะ! หกสิบปี! เจ้าให้ข้าใช้แรงงานอยู่ที่นี่ถึงหกสิบปีเลย?” พอจินเฟยเหยาได้ยินก็มีโทสะทันที

ตอนแรกจินเฟยเหยายังจำวันเวลาได้ ต่อมาก็ค่อยๆ หมดอารมณ์จดจำวันเวลา ถึงจะเตรียมใจไว้แล้วว่าเวลาต้องยาวนานแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงว่าจะยาวนานถึงหกสิบปี จึงทำให้นางตกตะลึง

“หกสิบปี…หกสิบปีแล้วข้ายังไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเลย พลังการบำเพ็ญเพียรหยุดอยู่ที่ขั้นหลอมรวมช่วงต้นไม่ขยับเขยื้อน เคล็ดวิชาสร้างร่างมารก็หยุดอยู่ที่ขั้นหนึ่งยังมีอีกสิบเอ็ดขั้นที่ไม่ได้ฝึก หลังเจี๋ยตันแล้วอายุขัยของเผ่ามนุษย์มีเพียงแปดร้อยปี ข้ากลับเสียเวลาหกสิบปีไปกับตัวท่าน ข้าหมดหวังเป็นขั้นกำเนิดใหม่แล้ว!”

“หลังสร้างฐานเผ่ามารสามารถอยู่ได้ห้าร้อยปี ถ้าหลอมรวมสามารถอยู่ได้หนึ่งพันหกร้อยปี” จอมมารหลงครุ่นคิดแล้วเอ่ยออกมา

จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นตะคอกใส่เขา “ใครถามท่าน! เจ้าพวกเต่าอายุยืนพันปีหมื่นปี!”

จอมมารหลงขมวดคิ้วพลางเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมเจ้าจึงมีโทสะขนาดนี้? เจ้าก็มีความสำเร็จไม่น้อยนะ เจ้าสังหารมังกรไปเกือบล้านตัว หากมิใช่มังกรในบริเวณฮุ่นตุ้นออกลูกครั้งหนึ่งเกินหมื่นตัว เจ้าคงสังหารมังกรที่นี่จนสูญพันธุ์ไปนานแล้ว”

“หนึ่งล้าน? ตานสัตว์ปิศาจหนึ่งล้านเม็ด ถ้าแลกเป็นศิลาวิญญาณชั้นกลางจะได้มากเพียงใด?” จินเฟยเหยาสติหลุด คิดไม่ถึงว่าจะมากปานนี้ ทว่านางได้สติคืนมาทันที จะมีประโยชน์อะไร ถูกคนบางคนเปลี่ยนเป็นพลังบำเพ็ญเพียรไปหมดแล้ว

ในเวลานี้ จอมมารหลงดีดนิ้ว แสงสว่างสายหนึ่งเข้าไปในหน้าผากของนาง แล้วหมุนตัวเหาะออกจากเกาะลอยได้ จากนั้นด้านหลังเขาก็มีร่างแยกมารดำปรากฏขึ้น มารดำไม่ใช่ไอดำที่มองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจนอีกทว่าเป็นยักษ์ร่างสูงร้อยจั้งที่เหมือนจอมมารหลงอย่างไรอย่างนั้น สองมือของเขาโจมตีเกาะลอยได้อย่างรุนแรง จินเฟยเหยาพร้อมเกาะลอยได้พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าและหายไปในฮุ่นตุ้นอันกว้างใหญ่

จินเฟยเหยาในเกาะลอยได้เล็กๆ ได้ยินเสียงจอมมารหลงดังข้างหู “ข้าใส่เวทมนตร์การใช้เกาะเล็กๆ ไว้ในสมองของเจ้าแล้ว เจ้าล่าเอาตานสัตว์ปิศาจให้ข้า ข้าทำอาหารให้เจ้า พวกเราสองคนไม่ติดค้างกัน”

“ผายลม! อาหารที่ท่านทำท่านเคยลองกินดูเองหรือไม่ว่านั่นเป็นขยะอะไร!” เพลิงโทสะเต็มอกของจินเฟยเหยาไม่มีที่ระบาย จึงคำรามลั่นใส่ท้องนภาอย่างโศกเศร้าสุดขีด

………………………………………..