“เพราะข้าให้ซาลาเปาเขาไปหนึ่งลูก ปีนั้นที่เขาอายุหกขวบ ชายคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกับเขาลอบฆ่าผู้นำกองธงดอกกล้วยไม้และถูกสับละเอียดต่อหน้าทุกคน หลังจากเก้าคนในกลุ่มของเขาถูกทุบตีอย่างโหดเหี้ยม ทั้งหมดก็ถูกโยนลงไปด้านหลังของภูเขาหิมะ”

“ฤดูหนาวปีนั้นหนาวเหน็บเจ็บปวดอย่างมาก หิมะตกหนักไม่มีทีท่าจะหยุดลง ภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะและไม่มีอาหารการกิน และหมาป่าหิมะก็ออกมา คนอื่นอีกแปดคนตายลงและเหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น ข้าเห็นว่าเขาทั้งหนาวทั้งหิวและเจ็บปวด จึงได้แอบมอบซาลาเปาให้เขาลูกหนึ่ง หลังจากนั้น……เขาก็ปฏิบัติต่อข้าเหมือนเป็นญาติสนิทคนหนึ่ง”

“หลังจากนั้นสามีของข้าได้มีเรื่องกับหัวหน้าผู้ดูแลและถูกฆ่าตาย ลูกๆ ที่น่าสงสารของข้าต่างก็ตายลงไปทีละคนอย่างน่าพิศวงและข้าก็ประสบกับความพลิกผัน ตกงานจากการเป็นแม่ครัว แถมยังมาป่วยหนัก นั่นเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายและแสนทุกข์ทรมานมากที่สุดของข้า โชคดีที่เยี่ยเฟิงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณในการให้ซาลาเปาของข้า เขาดูแลข้ามาโดยตลอด หากไม่มีเขา เกรงว่าข้าคงตายไปนานแล้ว”

“เขาเองยังกินไม่อิ่ม นอนหลับไม่สบาย แต่เขายังเหลือสิ่งที่ดีที่สุดให้กับข้า หลายปีมานี้ เขาดูแลข้าเป็นอย่างดีในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ เพียงเพราะข้าให้ซาลาเปากับเขาไป”

“หกเดือนก่อน ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นเพราะเรื่องอะไร ทำให้เขาต่อต้านผู้นำกองธงดอกกล้วยไม้เป็นครั้งแรก ผู้นำกองธงกล้วยไม้โมโหมากและควักลูกตาทั้งสองของข้าออกมา แถมยังข่มขู่เยี่ยเฟิงด้วยชีวิตของข้า ข้าเจ็บปวดอย่างมาก เจ็บปวดจนเป็นลมหมดสติไป ก่อนที่จะหมดสติก็ได้ยินเสียงระฆังวิญญาณสะบั้น ไข่มุกมังกร และยังให้เยี่ยเฟิงทำงานอะไรบางอย่างแทนเขา”

เมื่อได้ยินคำว่าไข่มุกมังกร สีหน้าของเซี่ยวอวี่เซวียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น

“ฉะนั้นแล้ว ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องการให้เยี่ยเฟิงไปเอาระฆังวิญญาณสะบั้นและไข่มุกมังกรมาให้เขา? ข้ารู้จักระฆังวิญญาณสะบั้น แต่ไข่มุกมังกรคืออะไรหรือ?” กู้ชูหน่วนถาม

ยายเยี่ยส่ายหน้า “ข้าก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเท่านั้น ระฆังวิญญาณสะบั้น ไข่มุกมังกรอะไรนั่น ข้าไม่รู้เลยสักนิด ข้ารู้เพียงว่า ในตอนท้ายผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจมาหนึ่งข้อ นั่นก็คือ ขอเพียงแค่เยี่ยเฟิงสามารถหาของที่เขาต้องการได้ เขาก็จะปล่อยพวกข้าและให้พวกข้าเป็นอิสระ”

“สำหรับพวกข้าที่มีฐานะต่ำต้อย โดยเฉพาะเยี่ยเฟิง เงื่อนไขนี้นับว่าเป็นสิ่งล่อลวงที่น่าสนใจอย่างมาก”

“ฉะนั้นเยี่ยเฟิงจึงคิดทุกวิถีทางเพื่อจะได้ครอบครองระฆังวิญญาณสะบั้นจากข้าไป”

กู้ชูหน่วนลูบสัมผัสกล่องไม้มะเกลือที่อยู่ในอก

จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เข้าใจว่าระฆังวิญญาณสะบั้นนี้มีประโยชน์อะไร ทำไมหลายคนจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ครอบครองมัน หรือว่าเป็นดังที่ตำนานกล่าวเอาไว้?

ไม่

นางไม่เชื่อ

“ก่อนที่จะจากมา ผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้วางยาพิษในร่างกายของข้าและต้องกินยาถอนพิษหนึ่งเม็ดทุกเจ็ดวัน ไม่เช่นนั้นแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดทรมานจนแทบทนไม่ได้ ฉะนั้นต่อให้เยี่ยเฟิงไม่อยากกลับไปแค่ไหน แต่ทุกเจ็ดวันเขายังต้องกลับไปครั้งหนึ่ง”

จู่ๆ ยายเยี่ยก็จับมือของกู้ชูหน่วนและอ้อนวอน “แม่นาง ข้ารู้ว่าสำนักศึกษาหลวงเกิดเรื่องขึ้นและรู้ว่าคนในสำนักศึกษาใส่ร้ายว่าเยี่ยเฟิงเป็นคนฆ่า แต่เยี่ยเฟิงเด็กคนนี้ ข้ารู้จักเขาเป็นอย่างดี โดยปกติแม้แต่มดตัวเล็กๆ เขาก็แทบไม่อยากจะเหยียบให้ตาย เช่นนี้แล้วเขาจะไปฆ่าคนได้อย่างไร เรื่องนี้จะต้องมีอะไรเข้าใจผิดอย่างแน่นอน”

“เยี่ยเฟิงเด็กคนนี้นั้น ต่อให้คนอื่นจะทำกับเขาให้ทุกข์ทรมานอย่างไร เขาก็ไม่มีทางเกลียดแค้นคนอื่น ตอนนั้นเหล่าผู้ติดตามผู้นำกองธงทั้งหลายมักทุบตายเยี่ยเฟิงจนแทบหมดลมหายใจ ถึงขั้นฆ่าคนรับใช้อาวุโสของเยี่ยเฟิงตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณทั้งหมด แต่เมื่อพวกเขาเดือดร้อน ทุกคนต่างพากันถอยห่าง แม้ว่าต้องการแก้แค้นและฆ่าพวกเขา ก็เป็นเยี่ยเฟิงที่ออกมาปกป้องและใช้ความพยายามที่มีปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัย”

“และตั้งแต่เล็กจนโตเขาแทบไม่เคยได้กินอิ่มเลยสักมื้อและแม้ว่าเขาจะหิวมากแค่ไหน เขาก็จะไม่ฆ่าสัตว์ เพราะเขาบอกว่าทุกสรรพสิ่งนั้นล้วนมีจิตวิญญาณ”

“เขามีพรสวรรค์ มีความสามารถ หากไม่มีข้า เขาอาจจะหลุดพ้นออกไปจากการควบคุมของเผ่าปีศาจได้ แต่เขากลับพาข้าที่ไร้ประโยชน์มาด้วย ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายไม่จบสิ้น”

“ครึ่งปีมานี้ เขาหามข้าไปหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า ชีวิตของพวกข้าต่อให้ลำบากยากเข็ญกว่านี้ เขาก็ไม่มีทางไปขโมยเงินแม้แต่อีแปะเดียวได้ และไม่มีทางที่จะทำเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน”

“ข้าก็เพียงแค่มอบซาลาเปาลูกหนึ่งให้กับเขาเท่านั้น แต่เขากลับปรนนิบัติดูแลข้าเป็นอย่างดี พวกเจ้าว่า คนเช่นนี้ จะฆ่าผู้มีพระคุณสำหรับเขาอย่างหัวหน้าสำนักศึกษาได้อย่างไร?”

ยายเยี่ยพูดจนในที่สุดก็เกิดอารมณ์และเสียงสั่งคลอน ถึงขั้นที่นั่งคุกเข่าให้กับกู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียน

“ท่านทั้งสอง ข้ารู้ว่าฐานะของข้าต่ำต้อยและไม่คู่ควรที่จะขอร้องอ้อนวอนพวกเจ้า ได้โปรดช่วยเยี่ยเฟิงด้วยเถอะ เขาเป็นเด็กที่จริงใจ เขาไม่มีทางฆ่าคนอย่างแน่นอน”

“ท่านยาย ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ”

กู้ชูหน่วนประคองนางลุกขึ้น แต่ยายเยี่ยกลับไม่ยอมลุก แต่กลับก้มศีรษะโขกลงไปที่พื้นติดต่อกันอย่างแรง