“ข้าขอร้องพวกท่านล่ะ เยี่ยเฟิงนั้นตัวคนเดียวไร้ที่พึ่ง นอกจากยายเฒ่าอย่างข้าแล้ว รอบกายเขาก็ไม่มีสหายหรือญาติใดเลย เขามิค่อยชอบพูดนัก เมื่อผู้อื่นว่าร้ายใส่เขา นอกจากนิ่งเงียบ เขาไม่มีทางพูดปกป้องตัวเองอย่างแน่นอน”
“ข้ารู้ว่าเขาไม่ได้ฆ่าคน พวกข้าเองก็อยากช่วยเขาเช่นกัน ยายเฒ่า ท่านรีบลุกขึ้นเถิด ท่านทำเช่นนี้พวกข้าแบกรับมิไหวหรอก”
กู้ชูหน่วนประคองให้นางลุกขึ้นและนั่งบนเก้าอี้อย่างบังคับ
“พวกท่าน…พวกท่านเชื่อว่าเขามิได้ฆ่าคนจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว มิเช่นนั้น พวกข้าจะมาที่นี่เพราะอันใดกัน”
ก่อนที่ท่านยายเยี่ยจะพูดเรื่องนี้กับนาง นางก็เชื่อแล้วล่ะ
มาวันนี้ท่านยายเยี่ยพูดเช่นนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้นางเชื่อว่าตนนั้นพูดถูก
เป็นนักดนตรีที่ใช้ชีวิตอย่างไร้อิสระและอาศัยอยู่ในส่วนลึกของความมืดมิดแล้ว มีคนนำแสงสว่างมาแก่เขาอย่างกะทันหันเช่นนี้
หากเป็นผู้อื่น คงจะทำทุกหนทาง เพื่อให้ได้แสงสว่างและอิสรภาพนั้น
แต่ทว่าเขายังคงมีหลักการของตน และยังอ่อนน้อมตอนขอระฆังวิญญาณสะบั้นจากนางด้วย
เมื่อตอนที่นางถูกไล่ล่าสังหาร ก็ออกมารับดาบแทนนางโดยไม่คิดชีวิตเลย
และครั้งที่เผ่าปีศาจมาถึง ก็ยังคงร้องขอแทนนาง โดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาภายหลังเลย
คนเช่นนี้ จะเป็นมือสังหารได้อย่างไรกัน
“ท่านยายวางใจได้ พวกข้าต้องหามือสังหารจนเจอให้ได้และคืนความบริสุทธิ์แก่เยี่ยเฟิง เพียงแต่มิรู้ว่าท่านยายทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนฆ่าหัวหน้าสำนักศึกษาและอาจารย์หรงกัน?”
ท่านยายเยี่ยส่ายหัว
นางตาบอดทั้งสองข้าง ทั้งขาและเท้าก็ไม่สู้ดีนักและยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทั้งวัน จะรู้เรื่องพรรค์นั้นได้อย่างไร
ที่นางรู้ว่าหัวหน้าสำนักศึกษาและอาจารย์หรงถูกสังหาร ก็ได้ยินมาจากคนในหมู๋บ้านทั้งนั้น
“เยี่ยงนั้น ท่านทราบหรือไม่ว่ามีผู้ใดที่สามารถปลอมตัวเป็นเยี่ยเฟิงได้อย่างง่ายดาย หรือมีผู้ใดที่มีหน้าตาคล้ายเยี่ยเฟิงมากเสียจนแยกไม่ออกหรือไม่?”
“ดูเหมือน…ดูเหมือนจะมิเคยมีผู้ใดปลอมตัวเป็นเฟิงเอ๋อร์มาก่อนนะ ส่วนเรื่องที่ใครมีหน้าตาคล้ายเฟิงเอ๋อร์…ก็ยิ่งเป็นไปมิได้ เยี่ยเฟิงหน้าตาหล่อเหลา เป็นหนุ่มงามที่มีชื่อเสียง หากมีผู้ใดหน้าคล้ายเขา ในเผ่าก็ต้องรู้กันถ้วนหน้าอยู่แล้ว”
มืออันเรียวงามของกู้ชูหน่วนเคาะอยู่ซ้ำ ๆ ในดวงตาดำขาวเต็มไปด้วยความคิด
ผ่านไปสักครู่ นางถึงได้เอ๋ยปากออก “เมื่อครั้งที่แล้วท่านบอกว่า เยี่ยเฟิงตามหาท่านพ่อท่านแม่แท้ ๆ ของเขามาโดยตลอดใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วล่ะ หลายปีมานี้ เขาไม่เคยยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย เขาคิดมาโดยตลอดว่าท่านพ่อท่านแม่ของเขาทิ้งเขาไป เพราะไร้หนทางจริง ๆ”
“เช่นนั้นชื่อของเขา…”
“เมื่อตอนที่พวกทาสพบเขาในผ้าห่อทารก เป็นช่วงสารทฤดู ในตอนนั้นเขาถูกทิ้งไว้ใต้ต้นใบชิวเฟิงที่อยู่หน้าประตูลานทาส เพราะเช่นนี้ จึงได้ตั้งชื่อเยี่ยเฟิงให้แก่เขา ส่วนใครเป็นคนตั้งชื่อให้นั้น เกรงว่าจะมิมีผู้ใดทราบแล้ว”