บทที่ 349 พบเจอกับโชคร้าย + บทที่ 350 ของขวัญ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 349 พบเจอกับโชคร้าย

เฉียวเทียนช่างยกถ้วยชาที่ชิงจู๋ยกมาให้ด้วยสองมือขึ้นจิบ “ช่วงนี้พวกข้าไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นภายนอกสักเท่าใดนัก มีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงหลัวหรือ”

“หลังจากครั้งสุดท้ายที่หลิงหลัวมายังจวนแม่ทัพ พอกลับไปจวนตระกูลหลิง ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อเซียวจื่อเซวียนนั้นเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเชียว เมื่อก่อนเขายังอยากจะหย่ากับนาง แต่ตอนนี้กลับปฏิบัติกับเซียวจื่อเซวียนดียิ่งนัก ดีขนาดที่ยกเซียวจื่อเซวียนเป็นภรรยาเอกโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากแม่ของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่นั้นนะ เขายังร้องขอท่านพี่ให้ออกราชโองการให้ด้วย” เซียวฉีเทียนนึกภาพตอนที่หลิงหลัวเอ่ยคำพูดพวกนั้นออกมาด้วยท่าทางราวกับตนเป็นผู้ถูกขึ้นมา แล้วเขาก็แอบหัวเราะเยาะในใจ คนพรรค์นั้นดีพอที่จะพูดเรื่องความรู้สึกออกมาด้วยหรือ

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “โอ้ เป็นเช่นนั้นหรอกรึ ดูเหมือนหลิงอ๋องคงจะบอกบางสิ่งกับเขากระมัง”

“เจ้าเดาถูก แต่ข้ารู้สึกว่าเขายังไม่ยอมแพ้เรื่องหนิงเมิ่งเหยา” เซียวฉีเทียนนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยความคิดของตนออกมา

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า ตั้งแต่ที่หลิงหลัวมาที่นี่ เขาก็รู้แล้วว่าเจ้าหมอนั่นคงไม่สามารถปล่อยมือจากหนิงเมิ่งเหยาไปได้ แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆ นั้นสิ่งที่หลิงหลัวไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้คืออิทธิพลและอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของหนิงเมิ่งเหยาต่างหาก

เมื่อเซียวฉีเทียนเห็นเฉียวเทียนช่างมีท่าทีเช่นนั้น เขาจึงเอ่ยต่อ “ในเมื่อเจ้ามีความคิดเช่นนั้นอยู่ ข้าก็โล่งใจ ข้าจะไม่พูดอะไรมากก็แล้วกัน แต่ยังไงเจ้าก็ต้องระวังตัวเอาไว้” ตอนนี้หนิงเมิ่งเหยานั้นเปรียบเสมือนสิ่งของอันเปราะบาง นางจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างดี

”ข้ารู้แล้ว”

ไม่ต้องให้เซียวฉีเทียนหรือคนอื่นมาคอยเตือน หลังจากรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาตั้งครรภ์ ชิงเซวียนก็ส่งจดหมายออกไปเรียกตัวคนสองสามคนให้กลับมา และคนพวกนั้นก็มีฝีมือไม่ธรรมดาเลย

ด้วยเหตุร้ายที่เคยเกิดขึ้นสองหนก่อนหน้านี้ แน่นอนว่ามันต้องทิ้งปมไว้ภายในใจของชิงเซวียนเป็นแน่ เขาตัดสินใจว่าคราวนี้จะต้องปกป้องหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ให้ได้

เป็นเวลาเกือบเที่ยงตอนที่หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้น เมื่อนางเดินออกไปก็เห็นเซียวฉีเทียนและเฉียวเทียนช่างกำลังพูดคุยกันอยู่ในสวน

พอพวกเขาได้ยินเสียงประตู ทั้งสองก็หันหน้ามามอง

“นั่งลงก่อนสิ ข้าจะไปหาอะไรมาให้เจ้ากิน” เขาหมุนตัวเดินตรงเข้าไปในครัว

อาหารถูกเตรียมไว้นานแล้ว แต่นางยังไม่ตื่นขึ้นมา ดังนั้นพวกมันจึงถูกอุ่นเอาไว้ในครัวแทน

หนิงเมิ่งเหยากินโจ๊กที่เฉียวเทียนช่างเอามาให้ทีละน้อย “พวกเจ้าสองคนคุยอะไรกันอยู่”

“ไม่มีอะไรมากหรอก หน้าที่ของเจ้าตอนนี้คือการดูแลสุขภาพเพื่อลูกเท่านั้น ทำให้แน่ใจว่าลูกสาวของเราจะออกมาสุขภาพดีและอ้วนท้วนสมบูรณ์” เฉียวเทียนช่างไม่ต้องการให้เรื่องพรรค์นี้มาทำให้หูของหนิงเมิ่งเหยาแปดเปื้อน เขาจึงเลือกที่จะไม่บอกนาง

หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา แต่ไม่ได้ถามอะไรกลับไป นางทำเพียงพยักหน้าและอมยิ้ม “เข้าใจแล้ว” ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเด็กในท้องของนาง ไม่มีความจำเป็นอะไรให้ต้องไปสนใจเรื่องอื่น

เซียวฉีเทียนเดาะลิ้นขณะมองทั้งสอง “แค่มองพวกเจ้าข้าก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนแล้ว”

“เจ้าก็ไปบอกให้ฮ่องเต้จัดงานแต่งให้บ้างสิ” หนิงเมิ่งเหยาขยิบตา

“ไม่เอาดีกว่า ข้าไม่ชอบผู้หญิงพวกนั้น” เซียวฉีเทียนส่ายศีรษะในทันที หากเป็นหญิงเหล่านั้นสู้เขาลืมมันไปเสียยังดีกว่า เขาไม่กล้ารับพวกนางมาหรอก มันน่ากลัวเกินไป

เฉียวเทียนช่างหัวเราะเมื่อเห็นเซียวฉีเทียนแสดงท่าทีเช่นนั้น “ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็รู้สึกกลัวเป็นกับเขาด้วย”

“เหอะ ข้าแค่ไม่ชอบพวกผู้หญิงชาวหน่าซี ที่ทั้งบอบบางและเอาแต่ใจพวกนั้นต่างหาก ข้าอยากมีชีวิตแบบพวกเจ้าบ้าง หากเป็นเช่นนั้นได้มันจะดีเพียงใดกัน” เมื่อเห็นความสัมพันธ์และชีวิตคู่ของเฉียวเทียนช่างกับหนิงเมิ่งเหยา เขาก็รู้สึกหมดความสนใจในตัวผู้หญิงเหล่านั้นไปจนหมด เขาเองก็อยากออกไปเสาะหาคนที่ตัวเองชอบจากใจจริงมากกว่า ไม่ใช่ต้องมาอยู่กับผู้หญิงที่เข้ามาหาเพราะรู้ว่าเขาเป็นใคร

แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเอาการ

“เจ้าจะต้องมีวันนั้นแน่”

“ข้ารู้” เขาไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้น ถึงจะกังวลไปก็เปล่าประโยชน์

หลังจากหนิงเมิ่งเหยาตั้งครรภ์ ทุกๆ วัน นอกจากการกินแล้วนางก็เอาแต่นอน มีบ้างบางครั้งที่นางจะลุกขึ้นมาเดินเล่นในสวน

แต่วันนี้จู่ๆ นางกลับมีอารมณ์นึกอยากจะออกไปข้างนอกเพื่อซื้อผ้ามาเย็บชุดให้ลูกขึ้นมา

นางพาชิงเซวียนและชิงเสวี่ยไปด้วย หนิงเมิ่งเหยาออกจากจวนหลังโดนเตือนหลายต่อหลายครั้ง

หนิงเมิ่งเหยาตรงไปยังร้านที่ดีที่สุดของเมือง เลือกผ้าที่ดีที่สุดและกำลังจะจ่ายเงิน ทว่ากลับมีคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างคว้าผ้าในมือนางไป “ข้าจะเอาผืนนี้”

น้ำเสียงอันคุ้นหูทำให้หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว คนผู้นั้นคือเว่ยจื่อซิน หญิงสาวที่เคยหมายตาเฉียวเทียนช่างเอาไว้

“โอ้ ฮูหยินของท่านแม่ทัพนี่เอง เหตุใดท่านจึงไม่อยู่ที่จวนแม่ทัพเล่า ออกมาทำอะไรข้างนอกนี่ ไม่กลัวจะโดนทำร้ายเอาหรือ” เว่ยจื่อซินเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเหน็บแนม สายตาที่นางมีให้หนิงเมิ่งเหยานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

บทที่ 350 ของขวัญ

ไม่ใช่ว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่มีเสื้อผ้าดีๆ นางมีเสื้อผ้าดีกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่วันนี้นางเพียงนึกอยากจับจ่ายซื้อของ เป็นอะไรที่ทำให้นางเพลิดเพลิน

ถ้าเป็นในชีวิตก่อน นางจะเดินซื้อของตามร้านขายของใช้เด็กไม่ว่าจะร้านใหญ่ร้านเล็ก แต่ในเมื่อที่นี่ไม่มีร้านเหล่านั้น หนิงเมิ่งเหยาหรี่ตาครุ่นคิด ดูท่านางจะได้เปิดร้านค้าแปลกตาใหม่อีกสักร้าน

ในขณะที่หนิงเมิ่งเหยากำลังจมอยู่กับความคิด เว่ยจื่อซินคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาเมินนาง นางจึงเอื้อมมือไปหมายจะผลัก ทว่าก่อนจะทันแตะถึงตัว ชิงเซวียนที่อยู่ข้างๆ คว้าข้อมือแล้วเหวี่ยงนางออกไป

เว่ยจื่อซินตะลึงงันเมื่อโดนเหวี่ยง กว่านางจะโต้ตอบกลับได้ก็ตอนรู้สึกเจ็บจากบาดแผลตามตัว

“บังอาจนัก นี่เจ้ากล้าทำร้ายข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร” เว่ยจื่อซินลืมไปหมดสิ้นว่าบิดาสั่งไม่ให้นางมาหาเรื่องหนิงเมิ่งเหยา แล้วมาจู่โจมหนิงเมิ่งเหยาตรงๆ

หนิงเมิ่งเหยามองเว่ยจื่อซินแล้วขมวดคิ้ว แววมาดร้ายฉายในดวงตา “ชิงเซวียน ส่งนางกลับไปที่จวนของเสนาบดีเว่ย แล้วบอกอัครเสนาบดีฝ่ายขวาว่า ถ้าเขาไม่รู้จะสั่งสอนบุตรสาวเช่นไร ข้ายินดีสั่งสอนให้แทน หักมือของนางเสีย” ถ้าเป็นในยามปกติ นางคงจะยิ้มแล้วปล่อยผ่านดั่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนนี้จะให้ทำเช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ในท้องนางมีเด็กอยู่ นางจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเด็กคนนี้

“ขอรับ นายหญิง” ชิงเซวียนนำตัวเว่ยจื่อซินไป หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วและคนขายต้องใช้เวลานานกว่าจะเปลี่ยนผืนใหม่มาให้

ชิงเสวี่ยแบกม้วนผ้าแล้วตามหลังหนิงเมิ่งเหยาไปข้างนอกเป็นเวลานาน เมื่อตอนที่กำลังจะกลับพวกนางก็เจอเฉียวเทียนช่างเข้าพอดี

“ทำไมเจ้าจึงมาข้างนอกกับชิงเสวี่ยเล่า ชิงเซวียนไปไหน” เฉียวเทียนช่างย่นหน้าแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

“ข้าส่งชิงเซวียนไปทำธุระบางอย่างให้ เรากลับกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเทียนช่างพลางยิ้ม

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะ เขากลับไปพร้อมกับหนิงเมิ่งเหยา

หลังจากกลับถึงบ้าน หนิงเมิ่งเหยานึกย้อนถึงความคิดเมื่อครู่ของตน

“เทียนช่าง เจ้าว่าอย่างไรถ้าข้าจะเปิดร้านขายของใช้เด็ก” ดวงตาหนิงเมิ่งเหยาเป็นประกายเมื่อถาม

“ร้านขายของใช้เด็กคืออะไรรึ” เขาพอเดาได้ว่าเกี่ยวกับเด็ก แต่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร

หนิงเมิ่งเหยาหวนนึกถึงร้านขายของใช้เด็กในชาติก่อน จากนั้นก็อธิบาย “อืม เป็นร้านขายของเกี่ยวกับเด็ก อย่างเสื้อผ้า อาหาร แล้วก็ของใช้สำคัญๆ รวมถึงของเล่นด้วย”

เฉียวเทียนช่างครุ่นคิด พวกคนรวยมีบุตรกันมาก ถ้าเปิดร้าน น่าจะเป็นที่นิยม

“เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังที” เฉียวเทียนช่างสนใจยิ่งนัก

“เราก็จะขายเสื้อผ้าเด็ก เปลเด็กอ่อน รถเข็นเด็ก เราน่าจะมีอาหารสำหรับเด็กจำพวกเส้นบะหมี่ เส้นหมี่ แล้วก็ของอื่นๆ อีก” นางไม่สามารถทำนมผงได้แต่ถ้าทำได้ นางจะต้องเอามาขายด้วยแน่นอน

เฉียวเทียนช่างค่อยๆ คิดตามคำพูดของหนิงเมิ่งหยา จากนั้นก็ผงกศีรษะ “ข้าว่าน่าจะดี”

“เราควรจะลองสักหน่อยไหม” หนิงเมิ่งเหยาตาเป็นประกายตอนเอ่ยถาม นี่เป็นของขวัญที่มอบให้กับบุตรของนาง

เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วผงกศีรษะลง “แน่นอน ขอเพียงเจ้าชอบ แต่เจ้าควรจะถามฉีเทียนดูว่าเขาอยากร่วมด้วยหรือไม่”

“ได้แน่นอน”

“เจ้าพักอยู่ที่บ้านเถอะ ข้าจะไปตามฉีเทียน”

“ให้เขามาที่นี่ เขาอาจจะไม่เข้าใจเจ้า หลังจากนั้น เจ้าช่วยเอากระดาษกับดินสอถ่านจากในห้องหนังสือมาให้ข้าด้วย ข้าจะวาดอะไรบางอย่างให้เจ้า” หนิงเมิ่งเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เฉียวเทียนช่างลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องหนังสือ เขากลับออกมาในเวลาไม่นาน มือถือกระดาษกับดินสอถ่านมาด้วย

หนิงเมิ่งเหยาเอาแท่งถ่านไปแล้วรีบวาดลงบนกระดาษ

เฉียวเทียนช่างยืนดูอยู่ข้างๆ เขาเห็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยบนกระดาษอย่างชัดเจน สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความฉงนสนเท่ห์ใจ มีภาพของเล่นและของอื่นๆ อีกมากมาย เขาเห็นภาพว่าถ้าทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาได้ คนจำนวนมากน่าจะชอบมันใช่หรือไม่

“ข้าคิดว่าหลายคนจะชอบของพวกนี้” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพวกตระกูลที่ร่ำรวย

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว นี่เป็นของขวัญให้ลูก เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“ยอดเยี่ยมมาก!” เฉียวเทียนช่างเกิดไม่อยากให้เซียวฉีเทียนเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่ในเมื่อเขาพูดออกไปแล้ว ตอนนี้สายเกินกว่าจะถอนคำพูดคืน