บทที่ 351 จ่ายเงินเป็นหุ้นส่วน + บทที่ 352 ปรึกษาหารือ

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 351 จ่ายเงินเป็นหุ้นส่วน

 หนิงเมิ่งเหยามองภาพที่ตนวาด ยิ่งมอง นางก็ยิ่งชอบ หลังจากมองคร่าวๆ นางก็เพิ่มชุดน่ารักๆ ไปอีกสองถึงสามชุด มีหมีน้อย กระต่ายขาวตัวน้อยและอื่นๆ

เมื่อเห็นภาพเสื้อผ้าน่ารักน่าเอ็นดู เฉียวเทียนช่างก็เผยรอยยิ้ม “เจ้าคิดจะทำหมดนี่ให้ลูกหรือ” ใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ บุตรพวกเขาต้องน่าเอ็นดูมากแน่นอนเลยมิใช่หรือ เขาคิดภาพเด็กน้อยของเขาใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ ยืนอย่างไม่มั่นคง ยกมือเล็กๆ เรียกหาเขาอย่างน่ารักว่าพ่อจ๋า เฉียวเทียนช่างรู้สึกใจอ่อนยวบ

เขาอยากให้ลูกของเขาเกิดมาตอนนี้แล้วมาอยู่ตรงหน้าเขาเลย

เขาเอื้อมไปหยิบกระดาษมาจากมือหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าควรจะพักหลังจากยุ่งมาทั้งวัน ยังมีเรื่องต้องตระเตรียมอีกมาก เจ้าทำไปสบายๆ อย่ารีบร้อนเลย” ไม่มีความจำเป็นต้องรีบ และร่างกายของนางถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

หนิงเมิ่งเหยาอึ้งไป แต่แล้วก็ยิ้มแล้วผงกศีรษะ นางเอนหาอ้อมกอดของเฉียวเทียนช่าง แล้วเล่าให้เขาฟังว่าจะตกแต่งห้องที่จะเป็นของเด็กน้อยในอนาคตอย่างไรดี

นางกล่าวว่าถ้าเป็นบุตรสาว นางจะแต่งห้องด้วยตุ๊กตาผ้าหลากหลายแบบ ถ้าเป็นบุตรชาย นางจะวางพู่กัน แท่งหมึก กระดาษ และแท่งฝนหมึก กับของอื่นๆ เอาไว้ นางเล่าทุกรายละเอียดให้เฉียวเทียนช่างฟัง

เฉียวเทียนช่างที่ตั้งอกตั้งใจฟังเกิดรู้สึกว่าเสียงในอ้อมกอดเขาค่อยๆ หายไป เขาก้มลงมองจึงพบว่าหนิงเมิ่งเหยาหลับไปแล้ว ดวงตาเขาฉายแววรักใคร่

หลังจากอุ้มนางไปที่ห้อง เฉียวเทียนช่างก็เดินกลับออกมา เขาใช้กระดาษที่เหลือของหนิงเมิ่งเหยาวาดรูปห้องของบุตรตามที่นางเล่า

หลังจากมองยังภาพวาดที่ออกมาคล้ายคลึงกับที่นางว่า มุมปากเฉียวเทียนช่างยกยิ้ม เขามองยังชิงเซวียน “นำสิ่งนี้ไปให้ลุงเจี่ยง เขาจะรู้ว่าต้องทำเช่นไร”

ชิงเซวียนรู้สึกสงสัยใคร่รู้ อยากรู้นักว่านายน้อยคิดจะทำอะไร

“ห้ามเจ้าแอบดู” เฉียวเทียนช่างยิ้มเป็นสุขใจพลางมองชิงเซวียน พอเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ ชิงเซวียนก็ตัดใจ อย่าไปท้าทายคำสั่งของนายน้อยเสียจะดีกว่า

เซียวฉีเทียนมาหาไม่นานหลังชิงเซวียนออกไป “เจ้าเรียกข้ามาทำไม เจ้าน่าจะรู้ดีว่าตอนนี้ข้ามีหลายอย่างต้องทำ” การค้าขายของเขาค่อยๆ รุ่งเรืองขึ้นเพราะสุราของหนิงเมิ่งเหยา เขาจึงยุ่งจนหัวหมุน

“เดิมข้าคิดจะถามว่าเจ้าสนใจจะร่วมธุรกิจกันหรือไม่ แต่ในเมื่อท่าทางเจ้าจะไม่สน ก็เชิญเจ้ากลับไปได้ ข้าไม่ไปส่งเจ้าหรอกนะ” เฉียวเทียนช่างสาละวนกับภาพวาดบนโต๊ะหิน มุมปากเขายกยิ้มในตอนที่พูดอย่างไม่ใส่ใจ

เซียวฉีเทียนสงบใจไม่ลงพอได้ยินดังนั้น ธุรกิจที่พูดถึงต้องเป็นความคิดหนิงเมิ่งเหยาแน่นอน คนโง่เท่านั้นที่จะไม่ตกลง

“เล่ามาเสีย”

“เจ้าดูเอาเถอะ” เฉียวเทียนช่างส่งกระดาษในมือให้

เขาก้มลงมองรูปวาดในมือ ปฏิกิริยาหลังจากจ้องมองอยู่พักหนึ่งคือ “ทำเป็นพิเศษสำหรับเด็กโดยเฉพาะรึ” มองเพียงแวบเดียว เซียวฉีเทียนก็รู้ว่าเป็นร้านขายของสำหรับเด็กอ่อนโดยเฉพาะ แต่เหตุใดทั้งสองจึงคิดถึงสิ่งนี้ขึ้นมาเล่า

“ถูกต้องแล้ว เป็นของขวัญให้ลูกพวกข้า” เฉียวเทียนช่างกล่าวเสียงเรียบ

แต่เซียวฉีเทียนเหมือนคนท้องผูก ถ้าจัดการตั้งร้านนี้ให้ดี ย่อมจะกลายเป็นที่นิยมในเมืองเซียว จนถึงขั้นอาจจะเป็นที่นิยมในเมืองอื่นด้วยก็เป็นได้ ทั้งหมดนี้คือของขวัญสำหรับเด็กในครรภ์หรือ

“แผนกิจการพวกเจ้าใหญ่นัก” เซียวฉีเทียนพึมพำ

“เจ้าอยากร่วมด้วยหรือไม่”

“แน่นอน ข้าต้องอยากสิ” เซียวฉีเทียนผงกศีรษะ นี่เป็นเรื่องดียิ่งนัก ถ้าเขาไม่ร่วมด้วยก็โง่เต็มทีแล้ว

“ได้ จ่ายค่าหุ้นส่วนมา ถ้ามีปัญหา เจ้าต้องเป็นคนจัดการ เหยาเหยาไม่มีแรงจะไปดูแลทั้งหมดนี่ในตอนนี้” เฉียวเทียนช่างบอกตามตรง

เซียวฉีเทียนผงกศีรษะโดยไม่สนใจสักนิด “ไม่มีปัญหา!” เขามีเรื่องมากมายต้องดูแลในกิจการของตัวเองอยู่แล้ว จะเพิ่มมาอีกสักสิ่งย่อมไม่เป็นปัญหา

แต่ในอนาคตอันใกล้ เซียวฉีเทียนแทบขย้อนความเสียใจออกมา ถ้าในตอนนี้เขารู้ดีกว่านี้ จะไม่มีวันพูดถ้อยคำพรรค์นั้นออกไป

“ในส่วนของรายละเอียด เราจะคุยกันตอนเหยาเหยาตื่น ข้าเพิ่งฟังจากนางมาเพียงเล็กน้อย ให้นางคุยรายละเอียดกับเจ้าแล้วกัน” เฉียวเทียนช่างผายมือ เขามีความรู้เรื่องทำการค้าเพียงเล็กน้อย ไม่ได้เชี่ยวชาญมากนัก

เซียวฉีเทียนรับทราบ “ได้ เช่นนั้นข้าจะรออยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน”

เขารอถึงสองชั่วยาม เมื่อเซียวฉีเทียนรอจนกำลังจะหลับไป หนิงเมิ่งเหยาก็ออกมา

“เจ้ามาแล้ว”

บทที่ 352 ปรึกษาหารือ

พอนางเห็นเซียวฉีเทียนอยู่ข้างนอก หนิงเมิ่งเหยาก็ตกใจ จากนั้นก็เข้าใจว่าเฉียวเทียนช่างคงเรียกเขามา

“เอ่อ หนิงเมิ่งเหยา รีบมาเล่าความคิดเจ้าให้ข้าฟังเร็วเข้า” เซียวฉีเทียนมองหนิงเมิ่งเหยาแล้วเร่งเร้า

หนิงเมิ่งเหยาเดินไปหาเขาแล้วนั่งลงข้างๆ เฉียวเทียนช่าง หลังจากจิบน้ำบนโต๊ะแล้วนางก็เริ่มพูด “เราจะใช้รูปแบบผู้แทนจำหน่าย”

“ผู้แทนจำหน่ายรึ นี่หมายถึงอะไร” คำพูดแปลกๆ ทำให้เซียวฉีเทียนงุนงง

“เราเพียงต้องเปิดร้านใหญ่ๆ ไม่กี่ร้านตามหัวเมืองใหญ่ ขอเพียงกิจการไปได้ด้วยดี คนก็จะเห็นโอกาสทางการค้า บางคนอาจจะอยากมาร่วมด้วย เราก็จะขอให้พวกเขาลงเงินบางส่วนได้ จากนั้นเราก็จะให้หุ้นพวกเขาแล้วรับเงินจำนวนหนึ่งมาเป็นการแลกเปลี่ยน และเราจะสอนให้พวกเขาตกแต่งภายในกับปรับปรุงร้าน…” หนิงเมิ่งเหยาอธิบายรูปแบบธุรกิจที่มีผู้แทนจำหน่ายจากในชีวิตก่อนให้เซียวฉีเทียนฟัง

เซียวฉีเทียนเพิ่งเคยได้ยินวิธีการเช่นนี้เป็นครั้งแรก ถ้าผลลัพธ์เป็นไปได้จริง พวกเขาจะเปิดร้านในทุกเมืองได้โดยไม่ต้องลงแรงมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผลกำไรจะต้องสูงอย่างแน่นอน

เมื่อเซียวฉีเทียนคิดได้ดังนั้นแล้วก็ผงกศีรษะ “แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจำเป็นต้องมีสถานที่ผลิตสินค้า มิฉะนั้นเราจะมีสินค้าไม่มากนัก”

“ข้ารู้ ข้าตั้งใจจะสร้างฐานการผลิตไว้ที่เดียวกัน แล้วจะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ เสื้อผ้า ของเล่น แล้วก็อื่นๆ” หนิงเมิ่งเหยาคิดถึงปัญหาข้อนี้ไว้แล้ว

เซียวฉีเทียนยิ้ม เขาผงกศีรษะ “ยอดเยี่ยม ถึงจะใช้เวลาสักหน่อยก็ไม่เป็นไร เจ้าคิดจะสร้างมันที่ไหน”

“หมู่บ้านไป๋ซาน” หนิงเมิ่งเหยาตอบโดยไม่ต้องคิดให้มากความ

ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะกลับไปหมู่บ้านนั้น จะกระตุ้นเศรษฐกิจของที่นั่นไม่ใช่เรื่องยาก

เซียวฉีเทียนอึ้งไป จากนั้นก็มองหนิงเมิ่งเหยา “เจ้ายังคิดจะกลับไปที่นั่นอีกรึ”

หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้มแล้วผงกศีรษะ “ถูกต้อง ข้าชอบที่นั่นมากกว่า ข้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่” นางถอนหายใจเมื่อคิดถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าจะอย่างไร อยู่ที่หมู่บ้านไป๋ซานก็สบายใจกว่า

“เช่นนั้นก็ได้ เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ต้องใช้เท่าไร”

“หนึ่งแสนตำลึงเงิน ข้าจะแบ่งผลกำไรให้เจ้าสามสิบส่วน” หนิงเมิ่งเหยาคิดแล้วตอบออกมาตรงๆ

“ตกลง ข้าจะให้คนส่งเงินมาให้พรุ่งนี้” หนึ่งแสนตำลึงสำหรับเซียวฉีเทียนแล้ว เป็นเพียงแค่น้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ไม่ถือว่ามากมายเท่าไร

หนิงเมิ่งเหยาเห็นเช่นนั้น นางยิ้มอย่างพึงพอใจ “หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือซื้อที่ดิน แต่เราไม่สามารถซื้อที่ดินเปล่าได้” และนาข้าวก็ใช้ทำการเกษตรหมดแล้ว

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล ให้ข้าจัดการเอง” ในฐานะที่เขาเป็นองค์ชายของเมือง ให้เขาจัดการเรื่องนี้ดีกว่า

หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองคนทั้งสอง “พวกทหารที่บาดเจ็บจากสงครามใช้ชีวิตกันอย่างไร”

เมื่อนางเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เฉียวเทียนช่างก็รู้สึกเศร้าใจ เขาเอ่ยอย่างมิอาจทำอะไรได้ “ร่างกายพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เจ้าคงพอนึกถึงแต่ละวันของพวกเขาหลังจากกลับมาออก” บรรดาคนที่ร่างกายพิการ ไม่ว่าจะทำอะไร แต่ละวันของพวกเขาก็ไม่ค่อยดีนัก อย่างดีอาจจะพอหาอะไรใส่ท้องได้ แต่พวกเขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรตรงนี้ได้เลย

เซียวฉีเทียนพอช่วยได้บ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไร

หนิงเมิ่งเหยาพิจารณา นางมองชายทั้งสอง “ที่ข้าจะพูดก็คือ ขอเพียงพวกเขาเต็มใจ มีครอบครัวสมถะ และนิสัยใจคอไม่ยุ่งยาก เจ้าส่งพวกเขามาหาข้าได้”

“เจ้าคิดจะทำอะไร”

“ในเมื่อเราจะสร้างโรงงาน โรงงานใหญ่เช่นนั้นต้องมีคนเฝ้า จะมีงานให้พวกเขาทำ ครอบครัวพวกเขาก็มาด้วยได้ถ้านิสัยใจคอเข้ากันได้ เพราะเราต้องใช้คนอีกมาก” หนิงเมิ่งเหยาอธิบายให้พวกเขาฟัง

ในตอนท้าย หนิงเมิ่งเหยามองไปยังเซียวฉีเทียน “เจ้ากลับไปคุยกับฮ่องเต้ก็ได้ ถ้าเป็นไปได้ ขอให้เจ้ากับเฉียวเทียนช่างติดต่อคนที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของพวกเจ้า ข้าจะให้ชิงจู๋และคนอื่นดูแลปัญหาเรื่องสร้างโรงงาน ส่วนพวกทหารที่บาดเจ็บ เราสามารถให้ชิงซวงดูอาการของพวกเขาได้ ถ้าชิงซวงรักษาไม่ได้ ข้าจะเชิญอาจารย์ของนางมา”

เมื่อหวนนึกถึงอาจารย์ของชิงซวง หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกคิดถึงความหลัง ชายชราผู้นั้นปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี หลังจากเดินทางจากมานานขนาดนี้ นางคิดถึงเขายิ่งนัก

“ตกลง ข้าจะกลับไปบอกท่านพี่เดี๋ยวนี้”