บทที่ 126
เอียนชิงเฉิงก็ไม่ได้อะไร แต่กลับมองโจงเซิ่งหัวอย่างรู้สึกสะใจ เธอสัมผัสได้ ว่าโจงเซิ่งหัวอาศัยการเหยียดหยามเฉินโม่ เพื่อเป็นการแสดงตัวมาตนเองไม่ธรรมดา ตั้งใจอวดตนเอง
ใบหน้าสวยๆ ของซังซังก็เต็มไปด้วยความโมโห เห็นสีหน้าที่เหยียดหยามของโจงเซิ่งหัว เดี๋ยวพอเฉินโม่แสดงพลังฝีมือที่แท้จริงออกมา ดูสิโจงเซิ่งหัวจะทำหน้าอย่างไร!
ฉู่เหวินสงก็รู้สึกว่าโจงเซิ่งหัวเกินไปหน่อยแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเอาเรื่องโจงเซิ่งหัว อย่างไรเสียในใจของเขา โจงเซิ่งหัวก็เป็นยอดฝีมือแดนใน เป็นกำลังหลักในการต้านทานตระกูลหลินในครั้งนี้ เฉินโม่ก็เป็นแค่ทีมที่เขาเชิญมาสำรอง ถึงแม้เฉินโม่จะควบคุมเคล็ดฟ้าร้องได้ แต่ด้านกำลัง อาจจะไม่สู้กว่าโจงเซิ่งหัว
สายฟ้ากำจัดความชั่วร้าย เรื่องนี้คนธรรมดาก็รู้ แต่สายฟ้าจะจัดการกับยอดฝีมือแดนใน มันกลับไม่มีอะไรเหนือกว่าเลย ดังนั้นถึงแม้ฉู่เหวินสงจะเคารพเฉินโม่ แต่ก็ไม่ได้มองว่าเฉินโม่จะดีกว่า
“เอาล่ะๆๆ เฉินไต้ซือเป็นแขกที่ผมเชิญมา อาจารย์โจงจะเห็นแก่หน้าผมสักหน่อยได้ไหม อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย พวกเรามาคุยกันเรื่องยอดฝีมือแดนในของทางฝั่งตระกูลหลินกันดีกว่า!” ฉู่เหวินสงพูดช่วยเฉินโม่
โจงเซิ่งหัวก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมา แล้วก็พูดโอ้อวดไปทางฉู่เหวินสง “คุณเป็นคนธรรมดา จะมองเห็นพละกำลังที่แท้จริงของยอดฝีมือแดนในได้อย่างไรกัน ข้อมูลที่พูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร ส่วนกำลังของคนคนนั้นจะเป็นอย่างไร รอมันมาที่นี่เดี๋ยวก็รู้เอง!”
ครั้งนี้ แม้แต่ฉู่เหวินสงเองก็ยังหน้าแหย โจงเซิ่งหัวคนนี้ อวดเก่งจริงๆ เลย
เฉินโม่ก็เข้าใจความรู้สึกของโจงเซิ่งหัว เพิ่งได้เข้าสู้แดนใน กำลังได้ใจ ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ยอมลดตัวมาคุยกับฉู่เหวินสง ก็คงจะให้เกียรติฉู่เหวินสงมากแล้วล่ะ
ในตอนนี้ อาหารก็ยกเข้ามา ฉู่เหวินสงก็เลยหาโอกาสยิ้มพูดขึ้นมา “ทุกท่านเชิญกินอาหารครับ เชิญเลยๆ เรื่องอื่นๆ เอาไว้กินเสร็จแล้วค่อยคุยกัน!”
เนื่องจากมีแรงกดดันจากตระกูลหลิน ครึ่งชั่วโมงงานเลี้ยงก็จบลง
ฉู่เหวินสงก็เริ่มปรึกษาเรื่องแผนการกับอาจารย์โจง
“ผมไม่ได้ให้คนไปจัดการแล้ว วันนี้ผมให้ลูกน้องไปดักซุ่มอยู่สองร้อยคน นอกจากปืนแล้ว อาวุธอะไรที่ควรพกไปด้วย ก็มีกันหมด พอถึงตอนนั้นก็รบกวนอาจารย์โจงเป็นคนนำด้วย รับมือกับยอดฝีมือของตระกูลหลิน พอได้โอกาส ผมจะให้คนบุกฆ่าออกไป”
โจงเซิ่งหัวหัวเราะลั่น เงยหน้าพูดว่า “ลูกพี่ฉู่ การวางคนไปดักซุ่มของคุณมันไม่มีประโยชน์เลย!อีกเดี๋ยวรอหมอนั่นเข้ามา ผมจะเข้าไปลองรับมือกับมันดูก่อน ถ้าผมเอาชนะได้ ก็ถือว่าโชคดีไป ถ้าผมแพ้ ต่อให้คุณเตรียมคนไว้เป็นพันก็ไม่มีประโยชน์ คุณไม่รู้ว่านักบู๊แดนในคนหนึ่งมีความน่ากลัวแค่ไหน!”
ฉู่เหวินสงขมวดคิ้วถามว่า “แล้วถ้าอาจารย์โจงแพ้ขึ้นมา ผมจะทำอย่างไรล่ะ?”
โจงเซิ่งหัวยิ้มเย็นพูดว่า “ถ้าแม้แต่ผมยังแพ้ คุณจะทำอะไรได้ล่ะ? ก็ยอมรับข้อเสนอของฝั่งตรงข้ามไปเสียโดยดี รักษาชีวิตสำคัญที่สุด!”
ฉู่เหวินสงก็มีใบหน้ายิ้มๆ อย่างหน้าเสีย ในใจก็ด่าออกมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าอีกเดี๋ยวจะต้องอาศัยโจงเซิ่งหัวคอยช่วยล่ะก็ เขาอยากจะไล่หมอนี่ให้ออกไปเลยเสียด้วยซ้ำ!
เวลาสองทุ่ม ฉู่เหวินสงนั่งอยู่ที่กลางห้องโถง สีหน้าหนักใจ โจงเซิ่งหัวก็สวมชุดสีกรม ยืนอยู่ด้านหลัง ค่อนข้างมีความโดดเด่น มีความเป็นไต้ซือ
พวกของเฉินโม่ทั้งหลายก็นั่งอยู่อีกมุม มองฉู่เหวินสงนิ่งๆ ดื่มชาไปพลางๆ
ส่วนที่รอบนอกเขตบ้าน ก็ได้มีลูกน้องไปซุ่มอยู่สองร้อยคนแล้ว สงครามในคืนนี้ ฉู่เหวินสงได้ทุ่มสุดตัวแล้ว เพราะว่าเขาจะแพ้ไม่ได้
ตอนที่เข็มนาฬิกาชี้ไปยังเวลาสามทุ่ม ก็มีเสียงหัวเราะยาวๆ ดังเข้ามาจากประตูใหญ่ เพิ่งได้ยินอยู่ว่าห่างออกไปไกล พอฟังอีกที ก็เข้ามาใกล้แล้ว
วัยรุ่นในชุดสีดำกระฉับกระเฉง ค่อยๆ เดินเข้ามาจากประตูใหญ่ มองดูคนที่ซุ่มอยู่ทั้งสองข้างอย่างไม่สนใจ ก้าวเดินเข้ามาจนห่างจากฉู่เหวินสง5เมตร แล้วหยุดลง