บทที่ 127 การเดินทางเที่ยวสุดท้ายของคนเก่ง

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 127 การเดินทางเที่ยวสุดท้ายของคนเก่ง
วัยรุ่นคนนั้นกวาดมองดูทุกคน สุดท้าย สายตาก็ไปหยุดลงที่ตัวของฉู่เหวินสง
“ฉู่เหวินสง หาคนมาช่วยด้วยหรือนี่ ดูเหมือนว่าคุณจะปฏิเสธข้อเสนอของผมนะ”
ฉู่เหวินสงค่อนข้างกังวล เลยตวาดไปว่า “หลินหรูเฟิง มึงอย่ารังแกกันให้มากเกินไป กูได้ยกพื้นที่หนึ่งในสามส่วนให้ไปแล้ว มึงก็ยังบีบเข้ามาอีก จะเอากูให้ตายเลยถึงจะยอมหรือไงวะ? ตระกูลหลินของพวกมึงบีบกันเกินไป!”
หลินหรูเฟิงก็หน้าชา “ฉู่เหวินสง คุณชายหลินเทียนหยาบอกไว้แล้ว คนที่ทำให้เขาขาหักสองข้าง ก็คือแขกที่มึงเชิญมา ตระกูลหลินของเราแยกแยะบุญคุณความแค้นได้ ไปตามตัวมึงแล้วจะให้ไปหาใคร?”
ฉู่เหวินสงก็มองเฉินโม่นิ่งๆ อยากจะโยนความผิดทั้งหมดไปให้เฉินโม่ แต่ต่อหน้าเฉินโม่ก็ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่ตวาดไปว่า “ตระกูลหลินของพวกมึงก็รังแกกันมากเกินไป ที่บอกให้กูยกกิจการทุกอย่างในอู่โจวให้ แถมยังไล่กูออกไปจากอู่โจวอีก พวกมึงจะฆ่าตายให้หมดเลยหรือไง?”
หลินหรูเฟิงก็สบถยิ้มออกมา “นี่เห็นแก่หน้าของตระกูลจินแล้วนะถึงให้เกียรติมึง ถ้าเป็นกูล่ะก็ ฆ่ามึงไปเรียบร้อยแล้ว ไหนเลยจะต้องมาวุ่นวายกันแบบนี้!”
“นี่มึง……” ฉู่เหวินสงโกรธจนหน้าเขียว ครั้งแรกที่ถูกคนดูถูกแบบนี้
โจงเซิ่งหัวก็ค่อนข้างทนไม่ได้ เดินหน้าออกไปขวางตรงหน้าฉู่เหวินสง แล้วส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ไอ้หนุ่ม มึงกล้าดีมาก ให้กูลองหน่อยว่ามีดีเท่าไร ถึงได้กล้าไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาแบบนี้!”
หลินหรูเฟิงจ้องมองโจงเซิ่งหัว แล้วก็หัวเราะเย็นๆ ออกมาอย่างไม่สนใจ “ยอดฝีมือแดนใน!มึงก็คือคนที่ฉู่เหวินสงเชิญมาช่วยสินะ? มึงแน่ใจนะว่าจะเป็นศัตรูกับตระกูลหลิน?”
โจงเซิ่งหัวหัวเราะเย็น “ไม่ต้องเอาตระกูลหลินมากดหัวกูหรอก กูคือครูฝึกศิลปะการต่อสู้ของหงเหมินใต้ ไม่กลัวตระกูลหลินของมึงหรอก”
หลินหรูเฟิงยิ้มพูดว่า “ดีมาก งั้นกูก็จะจัดการมึงก่อน แล้วค่อยไปเอาชีวิตหมาๆ ของฉู่เหวินสง!”
โจงเซิ่งหัวพูดอย่างโมโหว่า “คนรุ่นหลังอวดดี วันนี้กูจะสอนความเป็นคนให้มึงเอง!”
โจงเซิ่งหัวลงมือก่อน มวยสกุลหงท่าเล็กเผยท่วงท่าออกมาได้อย่างมีพลัง ไม่เสียแรงที่เป็นครูฝึกศิลปะการต่อสู้
หลินหรูเฟิงก็ยิ้มเบาๆ รับมือได้อย่างง่ายๆ ถึงแม้จะไม่ได้กระบวนท่ามวยชัดเจน แต่การโจมตีของโจงเซิ่งหัวที่เข้ามา สามารถรับมือได้อย่างง่ายๆ เลย
พอมวยสกุลหงท่าเล็กใช้จนหมด โจงเซิ่งหัวก็รีบเปลี่ยนเป็นมวยสกุลหงท่าใหญ่ทันที กระบวนท่ารุนแรง มีพลังมาก
หลินหรูเฟิงก็ยังคงรับมือได้ง่ายๆ โจมตีกลับได้บ้าง ดูเหมือนว่าจะเป็นรอง
ฉู่เหวินสงเห็นว่าหลินหรูเฟิงตั้งรับมากกว่ารุก นึกว่าเขาจะสู้โจงเซิ่งหัวไม่ได้ ในใจก็ดีใจขึ้นมา
ด้านข้าง เฉินโม่เห็นสองคนนั้นประมือกัน ก็แอบส่ายหัว
เฉินซงจื่อถามอย่างสงสัยว่า “นายน้อยครับ สองคนนี้พลังพอๆ กัน น่าจะเป็นระดับแดนในชั้นรู้ความ คุณว่าใครจะชนะ?”
เฉินโม่ถามกลับ “นายว่าไงล่ะ?”
เฉินซงจื่อตั้งใจครุ่นคิด “ผมคิดว่าถึงแม้โจงเซิ่งหัวคนนั้นจะนิสัยไม่ดี แต่เขาก็เป็นถึงครูฝึกศิลปะการต่อสู้ คงจะต้องเรียนวิชาหมัดมาเยอะอยู่ ถูกเขาใช้พลังในโจมตีออกมา เพียงพอที่จะเพิ่มพลังเป็นสองเท่าตัว อีกไม่กี่10กระบวนท่า หลินหรูเฟิงก็แพ้แล้ว”
เฉินโม่พูดนิ่งๆ ว่า “วิชาหมัดพวกนั้นสามารถทำให้เพิ่มพลังของตัวเขาได้จริง แต่เขาก็เพิ่งได้เข้าสู่แดนใน พื้นฐานยังไม่แน่น บวกกับมีนิสัยอวดดี ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ดูถูกศัตรูอย่างที่ไม่ควรเป็น ดูไปแล้วเหมือนว่าเขาจะนำอยู่ แต่จริงๆ ได้ติดกับดักไปแล้ว ไม่เกิน10กระบวนท่า เขาต้องแพ้อย่างแน่นอน!”
ซังซังก็มองดูสองคนนั้นสู้กัน เธอเองก็มีพลังระดับแดนในชั้นรู้ การต่อสู้ในระดับพลังเดียวกันมีส่วนช่วยต่อประสบการณ์การต่อสู้ของเธอมาก เดิมทีนั้นเธอมีความคิดแบบเดียวกับเฉินซงจื่อ แต่พอได้ยินคำพูดของเฉินโม่ ก็เลยสังเกตรายละเอียดในการต่อสู้ใหม่อีกครั้ง ก็พบว่าเป็นเหมือนกับที่เฉินโม่กล่าว โจงเซิ่งหัวคนนั้นถึงแม้จะดูโหด แต่จริงๆ มีแรงไม่พอ
พริบตาก็ผ่านไป6กระบวนท่า อยู่ดีๆ หลินหรูเฟิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ขอบคุณที่ออมมือ!”
ตุบ!