บทที่ 128
อาศัยจังหวะที่โจงเซิ่งหัวใช้ท่าเดิมซ้ำๆ หลินหรูเฟิงก็โจมตีโนที่หน้าอกของโจงเซิ่งหัว จนโจงเซิ่งหัวถอยหลังไป5-6ก้าว
เฉินซงจื่อและซังซังก็มองเฉินโม่อย่างนับถือ แล้วก็คิดในใจว่าเฉินโม่มีสายตาที่ชาญฉลาดมากจริงๆ
โจงเซิ่งหัวสีหน้าขาวซีด ถึงแม้จะพยายามอดกลั้นอาการบาดเจ็บไว้ แต่ก็ยังกระอักเลือดออกมา
“ลูกพี่ฉู่ ผมสู้เขาไม่ได้ คุณก็ยอมรับข้อเสนอของเขาไปเสียเถอะ!”
ฉู่เหวินสงก็หน้าเสียมาก โจงเซิ่งหัวแพ้แล้ว เขาจะทำอย่างไรดีล่ะทีนี้?
หลินหรูเฟิงส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็มองฉู่เหวินสงพร้อมพูดว่า “มึงยังมีใครมาช่วยอีกไหม? ถ้าไม่มี งั้นก็ตายเสียเถอะ!”
ฉู่เหวินสงก็เผยสายตาหมดหนทาง แล้วก็อารมณ์ของจิ๊กโก๋ไม่เสียดายชีวิต มองไปที่มุมดักซุ่ม แล้วตะโกนเรียกว่า “พี่น้องทุกคน จัดการมันเลย มีมันแค่คนเดียว พวกเราถุยน้ำลายใส่คนละปาก ก็ทำเอามันจมน้ำตายได้แล้ว!”
ลูกน้องพวกนั้นที่ดักซุ่มอยู่ ก็รีบกวัดแกว่งท่อนเหล็กและมีดกันออกมา เข้ามาล้อมหลินหรูเฟิงไว้
เฉินโม่เห็นพวกลูกน้องที่มีท่าทางเอาเรื่องแบบนั้น ก็ส่ายหัวเบาๆ
เฉินซงจื่อกับซังซังก็แอบส่ายหัวเหมือนกัน คนธรรมดาพวกนี้ถึงแม้จะมีมาก แต่คนที่มีพลังระดับนักบู๊แดนนอกอย่างเฉินซงจื่ออย่างรับมือได้ นับประสาอะไรกับนักบู๊แดนในที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊แดนนอกหลายเท่าอย่างหลินหรูเฟิง
แม้แต่โจงเซิ่งหัว ก็ยังแอบส่ายหัว แล้วก็มีสีหน้าดูถูก “ความน่ากลัวของนักบู๊แดนในนั้น คนธรรมดาพวกนี้จะรับมือไหวได้อย่างไรกัน!”
หลินหรูเฟิงกวาดมองพวกลูกน้องที่บุกเข้าใส่ตัวไปรอบๆ แล้วก็หัวเราะเย็นออกมา เคลื่อนตัวหายไป ตั้งใจเข้าไปในกลุ่มคนนั้นเอง เหล่าลูกน้องพวกนั้นตั้งตัวกันไม่ทัน ก็ถูกโจมตีจนล้มลงไปนอนแล้ว ในเขตบ้านมีเสียงร้องโอดโอยกันระงม
ไม่ถึงหนึ่งนาที ลูกน้อง200คน ก็ล้มลงพื้นกันหมด ร้องโอดโอยไปตามกัน
ฉู่เหวินสงก็อึ้งจนอ้าปากค้าง นักบู๊แดนใน น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือนี่!
หลินหรูเฟิงปัดๆ มือ ราวกับได้ทำเรื่องอะไรที่มันง่ายๆ แล้วก็หันตัวไปมองฉู่เหวินสง พร้อมหัวเราะเสียงเย็นพูดว่า “เจ้าหมากัด ยังมีอะไรอีก ก็ลงมือมาให้หมดเลยเถอะ!”
ฉู่เหวินสงก็มองโจงเซิ่งหัวเงียบๆ สีหน้าก็ดูไม่จืด ท่าทางดูย่ำแย่ดูแก่ไปเป็นสิบปีเลย ยิ้มแหยพูดว่า “มีอะไรให้ลงมืออีกล่ะ? มึงชนะแล้ว!”
หลินหรูเฟิงยิ้มเย็นพูดว่า “งั้นมึงเลือกที่จะไส้หัวออกไปจากอู่โจว หรือว่าเลือกที่จะ…ตาย!”
ฉู่เหวินสงยิ้มแหย “ถ้าหากว่าให้กูยกกิจการทั้งหมดไป แล้วออกไปอู่โจวอย่างจนตรอก กูยอมตายดีกว่า!”
“อย่างนั้น มึงก็ไปตายเสียเถอะ!” หลินหรูเฟิงเผยสีหน้าร้ายๆ ออกมา
ฉู่เหวินสงก็หน้าซีด ค่อยๆ หลับตาลง คนเก่งแห่งยุคจะจบชีวิตแล้ว
“รอเดี๋ยว!”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงนิ่งๆ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ราวกับทุกอย่างในโลกนี้ ไม่อยู่ในสายตาเขาเลยเสียด้วยซ้ำ
เฉินโม่ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วมองหลินหรูเฟิงด้วยสีหน้านิ่งๆ
ฉู่เหวินสงก็มองเฉินโม่ ในสายตาก็บังเกิดความหวังขึ้นมา เมื่อครู่นี้ลืมเฉินโม่ไปเลย
โจงเซิ่งหัวไม่อยากจะมองเฉินโม่ ส่งเสียงไม่พอใจออกมา “โผล่ออกมาตอนนี้ ไอ้หนูนี่มันไม่รู้จักที่เป็นที่ตายจริงๆ !”
“มึงเป็นใคร?” หลินหรูเฟิงมองดูตัวเฉินโม่ สีหน้าไม่อยากจะมอง ในความรับรู้ของเขา บนตัวของเฉินโม่ไม่มีชี่แท้ไหลเวียนอยู่เลย ก็เหมือนเป็นคนธรรมดา
“กูก็คือคนที่ทำให้หลินเทียนหยาขาหักทั้งสองข้าง และเป็นคนที่ตระกูลหลินของพวกมึงต้องการตัว!” เฉินโม่พูดเสียงนิ่งๆ ราวกับเป็นการพูดถามร้านผักข้างทางว่าผักกาดขาวราคาเท่าไรเสียอย่างนั้น
หลินหรูเฟิงก็รีบลืมตาโต ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโมโห “อย่างมึงนี่น่ะหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? มึงไม่ใช่นักบู๊แดนในเสียด้วยซ้ำ จะทำร้ายลุงอวู๋จนสาหัสได้อย่างไร!”
ฉู่เหวินสงก็ค่อนข้างอึ้ง เขาก็แค่รู้มาจากคนของตระกูลหลินว่าเฉินโม่หักขาทั้งสองข้างของหลินเทียนหยา แต่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเฉินโม่กับหลินเทียนหยา
หรือว่าเฉินโม่ก็เป็นนักบู๊แดนในที่ไม่เปิดเผยตัวตนคนหนึ่ง? ฉู่เหวินสงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ แล้วก็ตั้งสติขึ้นมาอีกครั้ง