ตอนที่ 309 ได้เวลาปล่อยของแล้ว! / ตอนที่ 310 ในเมื่อสิ่งนี้คือความปรารถนาของเธอ

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 309 ได้เวลาปล่อยของแล้ว!

 

 

เมื่อเผยอวี้เฉิงลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็พบว่าทุกอย่างที่อยู่โดยรอบเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว

 

 

เผยหนานซวี่…

 

 

แสงไฟสารพัดอย่าง กล้องถ่ายทำภาพยนตร์…

 

 

เจียงอีหมิง เฝิงอันหวา…

 

 

นี่ไม่ใช่มุมมองที่เป็นของเขาอย่างแน่นอน

 

 

จิตสำนึกของเขาเข้ามาอยู่ในตัวหลินเยียนโดยที่เขาควบคุมไม่ได้อีกแล้ว

 

 

ในที่สุดตอนนี้เผยอวี้เฉิงก็ยืนยันเหตุผลที่ช่วงนี้ตัวเองสูญเสียสติสัมปชัญญะได้แล้ว คล้ายว่าขอแค่อยู่ในช่วงที่เขามีอารมณ์ไม่คงที่ หรือไม่ก็คิดถึงหลินเยียนมากเกินไป จิตสำนึกของเขาก็จะเข้าสู่ร่างหลินเยียนโดยอัตโนมัติ

 

 

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย จิตวิญญาณของเขามักจะซื่อสัตย์กว่าร่างกาย…

 

 

ทุกคนที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเพียงว่าพอ ‘หลินเยียน’ ผลักประตู ทันใดนั้นความรู้สึกที่แผ่ซ่านออกมาให้คนที่อยู่โดยรอบก็เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง

 

 

สายตาของหญิงสาวแฝงการค้นหาอยู่หลายส่วน มองสำรวจภายในห้องพักผู้ป่วยของสถานพักฟื้นแวบหนึ่ง เมื่อสายตาไปอยู่ที่เผยหนานซวี่ก็ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กวาดผ่านไปยังเจ้าหน้าที่กองถ่ายที่อยู่โดยรอบทุกคน

 

 

เกือบทุกคนที่ถูกสายตานั้นมองผ่านต้องเผยสีหน้าตื่นตะลึงออกมาเล็กน้อย

 

 

ยังเป็นคนคนเดียวกันแท้ๆ แต่ทำไมพอผลักประตูแล้ว ความรู้สึกที่ส่งออกมากลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง?

 

 

เผยอวี้เฉิงไม่รู้ว่าสัมผัสอะไรได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

 

ความเจ็บปวดอันแสนจะคุ้นเคยส่งมาจากขาขวาของหลินเยียน

 

 

ถัดมาสายตาเขาก็มองเห็นสเลทที่อยู่ในมือเจ้าหน้าที่กองถ่ายที่อยู่ไม่ไกล เมื่ออ่านจากข้อมูลที่อยู่บน

 

 

สเลท ซีนนี้ของวันนี้ถ่ายเสียไปสามสิบกว่าครั้งแล้ว

 

 

วินาทีต่อมาทุกคนก็เห็น ‘หลินเยียน’ ที่อยู่หน้ากล้องกำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ

 

 

ต่างจากหลินเยียนที่เดินหลังตรงเข้ามาราวกับเป็นศัตรูตัวฉกาจมาเยือนถึงที่คนเมื่อครู่ หญิงสาวในตอนนี้มีท่าทีผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง กระทั่งว่ายังเหมือนกำลังเดินเล่นทอดอารมณ์อยู่อย่างนั้น เดินตรงไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของเผยหนานซวี่ทันทีราวกับไม่มีใครอยู่

 

 

ทว่ากลับมีไอเย็นแผ่ซ่านออกมาจากกึ่งกลางหน้าผากทันที ยิ่งทำให้คนไม่กล้าสบตาโดยตรงแม้แต่น้อย

 

 

ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด กระทั่งไม่ได้พูดบทเลยด้วยซ้ำ แต่กลิ่นไอของผู้ที่อยู่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิงนั้นกลับปกคลุมพื้นที่จนหมดสิ้น

 

 

เมื่อนั่งลงแล้ว การทานน้ำหนักของขาซ้ายก็หายไป ความเจ็บปวดคลายลงไปเล็กน้อยทันที

 

 

ถึงกระนั้นสีหน้าของเผยอวี้เฉิงกลับไม่ค่อยดีดังเดิม ดวงตาอันลุ่มลึกมองเผยหนานซวี่ที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยอย่างเรียบเฉย ใช้ข้อนิ้วเคาะเป็นจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า

 

 

เผยหนานซวี่สบตาเผยอวี้เฉิง มองดูการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่สังเกตได้ยากของ ‘หลินเยียน’ คนนั้น ขนลุกตั้งชันโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมื่อได้สติกลับมาจากความรู้สึกกริ่งเกรงและประหวั่นลนลานของตัวเองได้แล้ว เผยหนานซวี่ก็อดประหลาดใจอย่างยิ่งไม่ได้…

 

 

เขากลับ…กลับสัมผัสความกริ่งเกรงและประหวั่นลนลานที่จะเกิดขึ้นยามเผชิญหน้ากับพี่ชายของเขาเท่านั้นจากตัวหลินเยียน

 

 

ในที่สุดเจียงอีหมิงที่อยู่ด้านข้างก็แทบจะน้ำตาไหลพราก หลังจากดึงสติคืนกลับมาจากแรงกดดันอันมหาศาลนี้

 

 

ปล่อยของแล้ว!

 

 

แม่หนูหลินเยียนคนนี้ ในที่สุดก็เริ่มปล่อยของแล้ว!

 

 

หลินเผี่ยนรั่วเป็นใคร เธอคือราชาแห่งวงการธุรกิจที่กระหายอำนาจไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย สิ่งที่เธอไล่ ตามหามาทั้งชีวิตมีแต่งานเท่านั้น ไม่ได้รับผลกระทบและหยุดยั้งจากเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมองจากมุมมองใด เฉินจิ้งที่เป็นพระเอกยังมีอิทธิพลต่อตัวเธอยิ่งกว่าแฟนเสียอีก

 

 

สิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากที่สุดคืออะไร คือศัตรู!

 

 

และเฉินจิ้งคือศัตรูเพียงหนึ่งเดียวของเธอ ดังนั้นเมื่อเห็นเผยหนานซวี่ซึมเศร้าขนาดนี้ เพราะความพ่ายแพ้เพียงแค่ครั้งเดียว เธอจึงแสดงสีหน้าเย็นชาและไม่พอใจ หรือกระทั่งว่าตำหนิออกมาด้วย

 

 

เมื่อหลินเผี่ยนรั่วผลักประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย สิ่งแรกที่ทำคือสำรวจสภาพภายในห้องผู้ป่วยด้วยท่าทางสบายๆ แวบหนึ่ง ต่อมาสายตาก็ไปอยู่ที่เฉินจิ้งซึ่งกำลังเศร้าซึมอยู่บนเตียงผู้ป่วย จากนั้นก็แสดงความไม่พอใจและตำหนิติเตียนออกมาทันที ส่วนสีหน้าก็เย็นชาลงด้วยเช่นกัน

 

 

การแสดงของ ‘หลินเยียน’ ตั้งแต่พลังที่ส่งออกมาไปจนถึงสีหน้าเพียงเล็กน้อย ล้วนแสดงออกมาได้เหมาะสมเหลือเกิน

 

 

 

 

ตอนที่ 310 ในเมื่อสิ่งนี้คือความปรารถนาของเธอ

 

 

มิหนำซ้ำ ในบทนั้นตัวของเฉินจิ้งเคยพ่ายแพ้ แต่หลินเผี่ยนรั่วกลับไม่เคยแพ้มาก่อนเลย

 

 

ต่างจากละครที่ต่อสู้กันในวังหลวง หรือละครที่เกี่ยวกับการทำงานต่างๆ ซึ่งความจริงแล้วจะวางบทให้ตัวละครหญิงกำลังมีความรัก หลินเผี่ยนรั่วถือเป็นตัวละครหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่มุ่งมั่นกับการทำงาน กระทั่งว่ายังชนะผู้ชายเสียด้วยซ้ำ ถือเป็นแนวที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงได้รับความชื่นชมจากแฟนหนังสือมากมายขนาดนั้น

 

 

ดังนั้นเจียงอีหมิงจึงขอให้หลินเยียนต้องกดเผยหนานซวี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะรักษาคาแรคเตอร์ของเธอไม่ได้

 

 

ในที่สุดตอนนี้หลินเยียนก็จับตัวละครนี้จนอยู่หมัดแล้ว พลังที่แผ่ออกมาสะกดเผยหนานซวี่ไว้อย่างเบาบาง

 

 

สมบูรณ์แบบเหลือเกิน!

 

 

อย่าว่าแต่เจียงอีหมิงเลย แม้แต่คนนอกสายงานอย่างเฝิงอันหวาที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นการแสดงของ ‘หลินเยียน’ ในขณะนี้ก็ยังต้องชมเชยด้วยความตื่นตะลึง

 

 

“การแสดงของแม่หนูคนนี้ช่างเยี่ยมเหลือเกิน ต่อให้บอสใหญ่ที่อยู่เบื้องบนคนนั้นมาด้วยตัวเอง ก็คงมีความน่าเกรงขามแบบนี้เหมือนกันสินะ?” เฝิงอันหวาเดาะลิ้นส่งเสียงจึ๊จ๊ะ

 

 

เจียงอีหมิงเห็นด้วยกับเรื่องนี้มากเช่นกัน ทุกครั้งที่หลินเยียนปล่อยของ ความรู้สึกที่ส่งมาให้ช่างเหมือนบอสใหญ่เสียใหญ่เสียเหลือเกิน

 

 

“เงียบ!” เจียงอีหมิงมองดูการแสดงของคนทั้งสองต่อไปด้วยความตื่นเต้นและอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

 

 

เผยหนานซวี่ที่อยู่บนเตียงรู้สึกตกใจ ด้วยฝีมือการแสดงของเขา กลับเกือบถูก ‘หลินเยียน’ กดลงไป

 

 

เขารีบพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง พูดบทต่อไปว่า “ประธานหลินให้เกียรติมาเยือน เสียมารยาทที่ไม่ได้ต้อนรับแล้ว”

 

 

เมื่อ ‘หลินเยียน’ ได้ยิน นิ้วซึ่งกำลังเคาะที่พักแขนโซฟาก็หยุดชะงัก เพียงแต่กลางหว่างคิ้วกลับยังคงอึมครึมและเย็นยะเยือกดังเดิม พายุเริ่มก่อตัวอยู่ภายในดวงตาเช่นเดียวกัน

 

 

เห็นชัดว่าไม่พอใจเรื่องที่การแสดงทำให้หลินเยียนเหน็ดเหนื่อยเกินไปมาก

 

 

พริบตานั้นเอง เฝิงอันหวากับเจียงอีหมิงก็รู้สึกขนลุกชันขึ้นมาพร้อมกัน

 

 

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงรู้สึกว่าหลังเย็นวาบ?

 

 

ที่จริงแล้วเผยหนานซวี่ซึ่งอยู่ใกล้ ‘หลินเยียน’ มากที่สุดต้องเผชิญแรงกดดันยิ่งกว่า เพียงแต่เขากำลังฝืนทนอยู่แค่นั้นเอง

 

 

‘หลินเยียน’ ใช้สายตามองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ได้เพ่งความสนใจไว้กับสิ่งใด คล้ายว่ากำลังครุ่นคิดและรำลึกอะไรบางอย่าง…

 

 

เผยอวี่ถัง […เห็นๆ อยู่ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต่างหากที่มีเส้นสายแข็งแกร่งมากที่สุดในวงการบันเทิงใช่หรือเปล่า! ทำไมพี่ถึงไม่อ้างชื่อพี่ชายผมเพื่อให้เรื่องมันจบๆ ไปเลยล่ะครับ?]

 

 

หลินเยียน [งั้นก็ช่างมันเถอะ ถึงเวลาคนพวกนั้นมาด่าพี่ชายเธอว่าตาบอด แล้วจะทำยังไง? อย่างน้อยก็รอให้ฉันเอาคืนสำเร็จแล้วค่อยว่ากัน!]

 

 

เผยอวี่ถัง [แล้วนั่นจะทำไมล่ะครับ พี่ชายผมไม่มีทางสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว!] 

 

 

หลินเยียน [นั่นจะได้ยังไง! พี่ชายเธอไม่สนใจแต่ฉันสนใจ พี่ชายนายดีที่สุด ร้ายกาจที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าด้านไหนก็ใช่ทั้งนั้น ดังนั้นแฟนของเขาก็ต้องดีที่สุดเหมือนกัน!]

 

 

……

 

 

ในสมองของเผยอวี้เฉิงผุดคำพูดของหญิงสาว ในที่สุดสีหน้าก็อ่อนลงไปหลายส่วน ความอึมครึมและความเย็นยะเยือกมลายหายไป เหลือไว้เพียงใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกเท่านั้น

 

 

เผยอวี้เฉิงเคยอ่านบทเรื่องคู่ปรับมหากาฬ เดิมทีเขาก็เป็นคนที่อ่านผ่านตาก็ไม่มีวันลืมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงยิ่งรู้บทของหลินเยียนเป็นอย่างดี

 

 

มิหนำซ้ำซีนนี้ยังเป็นซีนที่หลินเยียนเคยแสดงตอนออดิชันด้วย

 

 

ในเมื่อนี่เป็นความปรารถนาของเธอ อย่างนั้นก็ช่วยเธอทำฝันให้เป็นจริงก็แล้วกัน

 

 

“ประธานเฉิน เจอปัญหาเล็กน้อยแค่นี้ก็ล้มจนลุกไม่ขึ้นแล้วเหรอ”

 

 

‘หลินเยียน’ ที่อยู่ในกล้องค่อยๆ พูดบทนี้อย่างแช่มช้า

 

 

พอ ‘หลินเยียน’ พูดประโยคนี้จบก็ยืนขึ้นทันที จากนั้นก็สาวเท้าจากไป

 

 

ก่อนจากไปก็ทิ้งไว้แค่ประโยคเดียว “ร่วมมือกับฉัน ฉันเป็นทางเลือกเดียวของคุณ”

 

 

……

 

 

“คัท! สมบูรณ์แบบ! เลิกกองงง”

 

 

เมื่อพูดบทจบ เจียงอีหมิงก็ตะโกนสั่งให้เลิกกองด้วยอารมณ์อันพลุ่งพล่าน จ้องมองเงาหลังของ ‘หลินเยียน’ ซึ่งกำลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยภายในจอมอนิเตอร์ ไม่ต้องพูดว่าพอใจมากแค่ไหน

 

 

ทั้งที่แค่พูดคำพูดพวกนี้ออกมาเฉยๆ เท่านั้น กระทั่งว่าไม่ได้ใช้ฝีมือการแสดงเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกประโยคกลับแฝงพลังอย่างรุนแรง ยังดีกว่าสิ่งที่เขาคิดว่าอยากจะได้ด้วยซ้ำ!

 

 

ตลอดซีนนี้ เผยหนานซวี่กลับถูกกดเสียจนเกือบจะไม่มีตัวตน…

 

 

เขามองคนไม่ผิด แม่สาวคนนี้ช่างมีพรสวรรค์เหลือเกินจริงๆ!